2. ในขั้นตอนการกรอกแบบฟอร์มการสมัครสมาชิกเว็บไซต์เพชรเวช โดยท่านจะต้องกรอกข้อมูลตามความเป็นจริง โดยท่านจะต้องยอมรับข้อกำหนดและข้อตกลงในการใช้บริการ โดยการกดปุ่ม "ยอมรับ" เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป หากมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัวใด ๆ ขอให้ท่านเปลี่ยนแปลงข้อมูลดังกล่าวจากปุ่ม "ข้อมูลส่วนตัว" หรือ “Member Profile” การลงทะเบียนขอเปิดบัญชีแทนบุคคลอื่นเป็นผู้รับบริการทางการแพทย์ 3. ท่านสามารถลงทะเบียนขอเปิดบัญชีแทนบุคคลอื่น เพื่อให้ผู้นั้นเป็นผู้รับบริการทางการแพทย์ ซึ่งอาจมีจำนวนมากกว่าหนึ่งคน และท่านต้องรับประกันว่าบุคคลอื่นนั้นต้องอยู่ในอำนาจปกครองและอยู่ในความดูแล หรือความรับผิดชอบของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย 4. หากทางเพชรเวชไม่ได้รับข้อมูลที่จำเป็นเพียงพอต่อการยืนยันตัวตน ความสัมพันธ์ ความยินยอม หรืออำนาจในการกระทำการแทนผู้รับบริการทางการแพทย์ เพชรเวชจะปฏิเสธการเปิดเผยข้อมูลเพื่อป้องกันการละเมิดระเบียบข้อบังคับของกฎหมาย 5. หากท่านเปิดบัญชีแทนผู้เยาว์ในขณะที่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดให้ยินยอมเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ด้วยตนเอง ท่านมีสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ตามที่กฎหมายกำหนด และเมื่อผู้เยาว์มีอายุตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด (20 ปีบริบูรณ์) ทางเพชรเวชจะดำเนินการขอความยินยอมจากผู้เยาว์โดยตรง และทางเพชรเวชขอสงวนสิทธิ์ให้ผู้รับบริการทางการแพทย์ที่ท่านเปิดบัญชีแทนนั้นปรับสถานะเป็นผู้ใช้บริการด้วยตนเอง เมื่อมีเหตุจำเป็น 6. เพชรเวชขอสงวนสิทธิ์ในการให้บริการเว็บไซต์ หรือหยุดให้บริการเมื่อใดก็ได้ โดยไม่ต้องแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า กรณีที่ท่านเข้าสู่ระบบเพื่อทำการสั่งซื้อแพ็กเกจให้บุคคลอื่น 7. เพชรเวชขอสงวนสิทธิ์ในการส่งผลตรวจสุขภาพผ่านช่องทางอีเมลของผู้ทำการสั่งซื้อในหมวด “ซื้อให้ผู้อื่น” เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล 8. เพชรเวชจะทำการยืนยันอีเมลจากผู้เข้ารับการตรวจโดยตรงในวันที่เข้าใช้บริการ โดยจะส่งผลการตรวจสุขภาพไปทางอีเมลของผู้ใช้บริการ 9. ท่านสามารถชำระค่าใช้บริการทางการแพทย์ผ่านเว็บไซต์เพชรเวชนี้ โดยท่านจะต้องกรอกข้อมูลทางการเงินที่ถูกต้องครบถ้วนตามที่กำหนด โดยเพชรเวชจะไม่รับผิดชอบใด ๆ หากทางเราได้ดำเนินการถูกต้องตามคำสั่งการทำรายการของท่าน กรณีท่านมีความประสงค์ต้องการยกเลิกแพ็กเกจ ท่านจะต้องเสียค่าธรรมเนียม 2.1 % จากยอดชำระบริการทางการแพทย์ของเว็บไซต์เพชรเวช ยกเว้นท่านจะชำระผ่าน Credit card ต้องแจ้งยกเลิกก่อนเวลา 21:00 น. จึงจะสามารถคืนเงินเต็มราคาได้ โดยมีระยะเวลาในการดำเนินการประมาณ 3-7 วัน 10. หากมีข้อผิดพลาดหรือท่านมีข้อสงสัยประการใดเกี่ยวกับข้อมูลผู้ใช้ หรือผู้รับบริการทางการแพทย์ ท่านจะแจ้งรายละเอียดดังกล่าวมายังเพชรเวชเพื่อยืนยันตรวจสอบแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าว ข้อกำหนดการใช้บริการและนโยบายความปลอดภัย 11. เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวของท่าน เพชรเวชจะเก็บรักษาชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยไม่เปิดเผยข้อมูลแก่ผู้อื่น หากมีบุคคลอื่นล่วงรู้รหัสผ่านของท่านจากความประมาทของผู้ใช้เอง ควรแจ้งให้ทางเพชรเวชทราบโดยด่วน หากบุคคลอื่นใช้รหัสผ่านของท่านกระทำการใด ๆ ที่เป็นการละเมิดข้อกฎหมาย ท่านจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการกระทำดังกล่าวด้วยตนเอง 12. ในกรณีที่ผู้ใช้บริการไม่สะดวกรอรับผลการตรวจและข้อมูลทางการแพทย์ ทางเราจะส่งข้อมูลดังกล่าวไปยังอีเมลของบัญชีที่ได้ลงทะเบียนไว้ และบันทึกลงในประวัติการรักษาในส่วนของข้อมูลส่วนบุคคล 13. ท่านจะต้องไม่อัปโหลดข้อมูล หรือทำกิจกรรมที่เป็นอันตราย หรือเป็นการแทรกแซง ขัดขวางการทำงานของระบบภายในเว็บไซต์ หากทางเรามีการตรวจสอบว่าท่านได้ละเมิดข้อตกลงดังกล่าวท่านจะต้องชดใช้ค่าเสียหายแทนทางเพชรเวช 14. สมาชิกเว็บไซต์เพชรเวชจะไม่นำข้อมูลการใช้บริการไปใช้ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมายเพื่อละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของสังคม เพชรเวชจะไม่รับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว หากทางเพชรเวชพบว่าสมาชิกของเว็บไซต์ละเมิดข้อตกลงดังกล่าว ทางเราจะขอสงวนสิทธิ์ในการระงับการให้บริการกับสมาชิกท่านนั้นโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า 15. หากเพชรเวชมีการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในการให้บริการจะแจ้งให้ท่านทราบ โดยการขึ้นหน้าจอ “ข้อตกลง” เพื่อให้ท่านรับทราบเงื่อนไขการใช้บริการและกด “ยอมรับ” เพื่อเข้าใช้งานเว็บไซต์ต่อไป ทางเพชรเวชจะถือว่าท่านทราบข้อตกลงและยอมรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว แล้วจะไม่มีการฝ่าฝืนเงื่อนไขและข้อตกลงโดยอ้างว่าไม่ทราบไม่ได้ 16. เว็บไซต์ของเพชรเวช (www.petcharavejhospital.com) อาจจะฝัง cookies ไว้ยังอุปกรณ์ของท่านเพื่อทำการเก็บข้อมูลส่วนตัวและติดตามการกลับมาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของท่านในอนาคต เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาพัฒนาเว็บไซต์ให้ตรงตามความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น หากผู้ใช้ไม่ต้องการให้ข้อมูลใด ๆ ที่ทางเว็บไซต์ร้องขอผู้ใช้สามารถปฏิเสธการรับ cookies นี้ได้ แต่ท่านยังคงสามารถเยี่ยมชมบริการและใช้บริการต่าง ๆ ได้เช่นกัน ยกเว้นข้อมูลที่เกี่ยวกับการสั่งซื้อแพ็กเกจสุขภาพ ทั้งนี้หากท่านยอมรับการเก็บ cookies แล้วท่านต้องการยกเลิกการให้ข้อมูลดังกล่าวท่านสามารถดำเนินการได้ด้วยการลบ cookies ได้ที่ประวัติการเข้าชมเว็บไซต์ตามเบราว์เซอร์ที่ท่านใช้ได้ทันที 17. ทางเพชรเวชได้แปลคำศัพท์จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยที่เกี่ยวกับเทคนิคทางการแพทย์เพื่อให้ผู้ใช้บริการเข้าใจการวินิจฉัยโรคได้ง่าย ซึ่งคำศัพท์นั้นอาจจะไม่ตรงตามความหมายของเทคนิคการแพทย์โดยตรง หากท่านเกิดข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่โรงพยาบาลโดยตรง “โกรทฮอร์โมน (growth hormone)” หรือ “ฮอร์โมนเจริญเติบโต” เป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นการเจริญเติบโตในเด็ก การขาดฮอร์โมนนี้หรือมีการหลั่งฮอร์โมนไม่เพียงพอจะทำให้เด็กเติบโตช้าและตัวเตี้ย การให้ยาโกรทฮอร์โมนทดแทนช่วยกระตุ้นให้เด็กเติบโตและมีส่วนสูงเพิ่มขึ้น ยาโกรทฮอร์โมนยังนำมาใช้รักษาภาวะเด็กตัวเตี้ยจากสาเหตุอื่นบางชนิด ในบทความนี้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความสำคัญของโกรทฮอร์โมนต่อการเจริญเติบโตของเด็ก ยาโกรทฮอร์โมนชนิดที่นำมาใช้รักษาภาวะเด็กเติบโตช้าและเด็กตัวเตี้ย ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา ผลไม่พึงประสงค์ของยา และข้อควรคำนึงเมื่อใช้ยาโกรทฮอร์โมน ภาพจาก : https://paidiatreio.gr/images/arthra/diataraxes-ipsous/ipsos2.jpg โกรทฮอร์โมนมีความสำคัญอย่างไร? ในร่างกายโกรทฮอร์โมน (growth hormone หรือ somatotropin หรือ GH) เป็นฮอร์โมนที่หลั่งจากส่วนหน้าของต่อมใต้สมอง (anterior pituitary gland) โครงสร้างโกรทฮอร์โมนประกอบด้วยกรดอะมิโน 191 ตัว การหลั่งฮอร์โมนนี้เกิดขึ้นตลอดช่วงอายุของคนแต่ปริมาณที่หลั่งมีมากหรือน้อยแตกต่างไปตามวัย การหลั่งเกิดขึ้นมากในวัยเด็กซึ่งอยู่ในช่วงที่กำลังเจริญเติบโต เด็กเล็กมีฮอร์โมนนี้ในระดับสูงและการหลั่งเกิดมากขณะหลับ ในผู้ใหญ่มีการหลั่งฮอร์โมนลดลงโดยเฉพาะผู้สูงอายุ โกรทฮอร์โมนมีฤทธิ์กระตุ้นการเจริญเติบโตของร่างกาย โดยมีผลต่อเซลล์ เนื้อเยื่อและอวัยวะเกือบทุกชนิด ทำให้กระดูกของเด็กเจริญยาวขึ้นและเด็กมีรูปร่างสูงใหญ่ ส่วนในผู้ใหญ่ซึ่งหยุดสูงแล้วฮอร์โมนนี้ทำให้กระดูกกว้างและหนา โกรทฮอร์โมนมีความสำคัญต่อเมแทบอลิซึม (หมายถึงกระบวนการสร้างและสลายสาร) ของโปรตีน คาร์โบไฮเดรตและไขมัน นอกจากนี้ยังมีความสำคัญต่อพัฒนาการและการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ตลอดจนการเรียนรู้ เด็กที่ขาดฮอร์โมนนี้ (รวมถึงการหลั่งที่ไม่เพียงพอ) สิ่งที่ปรากฏชัดคือเด็กมีรูปร่างเตี้ยแคระ เด็กเติบโตช้าและเด็กตัวเตี้ยเกิดจากสาเหตุใดบ้าง? มีสาเหตุมากมายทำให้เด็กเติบโตช้าและ/หรือเด็กตัวเตี้ย เช่น พันธุกรรมจากพ่อและแม่ การขาดอาหาร การขาดโกรทฮอร์โมน การทำงานของต่อมเพศน้อย การเป็นโรคหรือมีความผิดปกติบางอย่าง หรือเกิดโดยไม่ทราบสาเหตุ ภาวะเด็กเติบโตช้าและตัวเตี้ยเนื่องจากขาดโกรทฮอร์โมน จากที่กล่าวข้างต้นแล้วว่าโกรทฮอร์โมนช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเด็ก การขาดโกรทฮอร์โมนจึงทำให้เด็กเติบโตช้าและตัวเตี้ย การขาดฮอร์โมนอาจเป็นมาแต่กำเนิดหรือเกิดขึ้นภายหลัง และอาจขาดโกรทฮอร์โมนเพียงชนิดเดียวหรือขาดฮอร์โมนชนิดอื่นด้วย หากขาดฮอร์โมนชนิดอื่นด้วยต้องให้การรักษาความผิดปกติอื่นที่เกิดขึ้นนั้นเช่นเดียวกัน ภาวะเด็กเติบโตช้าและตัวเตี้ยเนื่องจากสาเหตุอื่น สาเหตุที่เด็กเติบโตช้าและ/หรือเด็กตัวเตี้ย นอกเหนือจากพันธุกรรมของพ่อและแม่ การขาดอาหารและการขาดโกรทฮอร์โมนแล้ว อาจมีสาเหตุอย่างอื่น เช่น ภาวะต่อมเพศทำงานน้อย (hypogonadism) ในผู้ชาย, ภาวะมีไทรอยด์ฮอร์โมนน้อย (hypothyroidism), โรคไตเรื้อรัง, ภาวะทารกตัวเล็กตั้งแต่คลอดเมื่อเทียบกับทารกทั่วไปที่มีอายุครรภ์เท่ากัน (small for gestational age) ซึ่งโดยทั่วไปจะโตทันเกณฑ์ใน 2 ปีหรือไม่เกิน 4 ปี, ความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม ตัวอย่างเช่น กลุ่มอาการนูแนน (Noonan syndrome) ซึ่งเกิดจากการกลายพันธุ์ของยีนบางชนิด ทำให้มีความผิดปกติด้านการเจริญเติบโต ด้านโครงสร้างร่างกายและอวัยวะบางอย่าง ด้านการเรียนรู้และพัฒนาการต่าง ๆ, กลุ่มอาการเทอร์เนอร์ (Turner syndrome) ในเพศหญิง ซึ่งมีความผิดปกติของโครโมโซมเอกซ์ (X chromosome) โดยมีแท่งหนึ่งหายไปบางส่วนหรือหายไปทั้งหมด ทำให้รังไข่ไม่ทำงาน ร่างกายมีพัฒนาการที่ผิดปกติและการเรียนรู้ด้อยลง, หรือภาวะเด็กตัวเตี้ยเกิดโดยไม่ทราบสาเหตุ (idiopathic short stature) ยาโกรทฮอร์โมน ในการใช้ยาโกรทฮอร์โมนเพื่อรักษาภาวะเด็กเติบโตช้าและเด็กตัวเตี้ยนั้น ต้องให้ยาก่อนที่ส่วนปลายของกระดูกยาว (epiphysis) จะเชื่อมปิดกัน ยาโกรทฮอร์โมนรุ่นแรกสกัดมาจากต่อมใต้สมองของคนที่เสียชีวิต นำมาใช้ในราวต้นคริสต์ทศวรรษ 1960 เพื่อรักษาเด็กที่ขาดโกรทฮอร์โมน เป็นยาฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ต่อมาในปี ค.ศ. 1985 พบว่ายาบางรุ่นมีการปนเปื้อนด้วยโปรตีนจากไวรัสทำให้เกิดผลไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง คือ โรคครอยตส์เฟลดต์-จาค็อบ (Creutzfeldt-Jakob disease) ผู้ป่วยเกิดภาวะสมองเสื่อม แม้จะเกิดขึ้นน้อยแต่การปนเปื้อนตรวจสอบได้ยาก ทั่วโลกจึงเลิกใช้ยาโกรทฮอร์โมนที่ผลิตโดยวิธีดังกล่าว และในปีเดียวกันได้เปลี่ยนมาใช้ยาโกรทฮอร์โมนชนิดที่ผลิตโดยกรรมวิธีทางเทคโนโลยีชีวภาพ คือ รีคอมบิแนนต์โกรทฮอร์โมน (recombinant growth hormone หรือ rGH) ซึ่งมีความบริสุทธิ์มากกว่าชนิดที่สกัดมาจากต่อมใต้สมองของคนที่เสียชีวิต
ยาโกรทฮอร์โมนใช้กับใครบ้าง? ยาโกรทฮอร์โมนนำมาใช้รักษาเด็กที่มีภาวะเติบโตช้าและเด็กตัวเตี้ยในหลายกรณีดังกล่าวข้างล่างนี้ อย่างไรก็ตามการใช้ในกรณีที่นอกเหนือจากรายที่ขาดโกรทฮอร์โมนนั้น ผลการศึกษาที่มาสนับสนุนประสิทธิภาพของยายังไม่ชัดเจนว่ามีมากหรือน้อยเพียงใด
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของยาโกรทฮอร์โมน ยาโกรทฮอร์โมนมีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลายอย่าง ยาอาจแสดงฤทธิ์โดยตรงผ่านตัวรับ (GH receptor) ที่อยู่บนผิวเซลล์ หรือแสดงฤทธิ์ผ่านสารชนิดหนึ่งที่มีโครงสร้างคล้ายอินซูลิน คือไอจีเอฟ-1 (IGF-1 หรือ insulin-like growth factor-1 หรือ somatomedin C) ในเด็กที่ขาดโกรทฮอร์โมนจะมีระดับไอจีเอฟ-1 ในซีรัมต่ำ การให้ยาโกรทฮอร์โมนทำให้ระดับไอจีเอฟ-1 สูงขึ้น จึงมีการติดตามวัดระดับไอจีเอฟ-1 ในซีรัมเพื่อประเมินประสิทธิภาพของยา ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของโกรทฮอร์โมนที่จะกล่าวถึง (เพื่อให้เกิดความเข้าใจทั้งด้านการนำยาไปใช้ประโยชน์และด้านผลไม่พึงประสงค์) มีดังนี้
ผลไม่พึงประสงค์ยาโกรทฮอร์โมน ยาโกรทฮอร์โมนชนิดที่ใช้ในปัจจุบัน (รีคอมบิแนนต์ฮิวแมนโกรทฮอร์โมน) นั้นมีใช้มานานแล้ว เป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัยโดยเฉพาะเมื่อใช้รักษาภาวะขาดโกรทฮอร์โมนในเด็ก พบผลไม่พึงประสงค์น้อยและส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง การใช้ยาเพื่อรักษาภาวะเด็กเติบโตช้าและตัวเตี้ยที่มีสาเหตุมาจากการขาดโกรทฮอร์โมนพบผลไม่พึงประสงค์ได้น้อยกว่าการใช้ยาเพื่อรักษาภาวะเด็กตัวเตี้ยจากสาเหตุอื่น ผลไม่พึงประสงค์ของยาโกรทฮอร์โมนที่อาจพบมีดังนี้ |