Author note : ขอนไม้ที่ผุพังพร้อมที่จะออกเดินทางแล้ว โพสท์อิทงานแฟนไซต์มันเป็นเหตุจริงๆ ฮรื่ออออ งานแก้บนรออีกเป็นแสนแต่ก็เลือกจะมาเขียนเรื่องนี้ก่อน มันไม่สมูทยังไงก็ขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ คนที่คออ่อนที่สุด : จีซู อูจี . . ทุกอย่างมันดูเลวร้ายไปหมด เมื่อผมเริ่มยกน้ำสีอัมพันนั้นเข้าปาก “อ้วกกกก” “เห้ยพี่ไหวปะเนี่ย” มินกยูพยุงผมขึ้นหลังจากที่ผมปล่อยอาหารมื้อค่ำออกจนแทบไม่เหลือ “ไหวๆ”ผมตอบอีกฝ่ายไป ไม่อยากเป็นภาระ แค่นี้ก็รู้สึกขายหน้าจะแย่ “ไม่ดื่มแล้วยังจะฝืนสังขารอีก” มินกูดุผมออกมาเบาๆตามประสาคนที่ไม่ได้สนุกเหมือนเมมเบอร์คนอื่นๆแต่กลับต้องคอยมาดูแลผมแบบนี้ วันนี้เป็นวันกู้ดบายเสตจเราเลยมีการเฉลิมฉลองนิดหน่อยตามประสาคนที่อายุถึงแล้ว พวกที่บ้านอยู่ต่างประเทศและเด็กๆที่อายุไม่ถึงจึงโดนส่งตัวกลับบ้านไปพักผ่อนกับครอบครัวรวมถึงวอนอูที่กำลังฟื้นฟูร่างกายจึงไม่ได้มาร่วมฉลองด้วย คนที่นึกครึ้มอกครึ้มใจก็คงเป็นใครไม่ได้นอกจากคนที่อำนาจมากที่สุดในวง อีจีฮุน คนที่คออ่อนที่สุดในวงถ้าไม่นับผม ที่อยู่ดีๆก็ดันมาชวนให้มาตั้งวงก้งกันตั้งแต่หัวค่ำ พอฟ้าเริ่มมืดตัวเองกลับทิ้งคนอื่นเพื่อไปห้องซ้อมซะงั้น ตอนนี้ที่หอจึงเหลือเพียงผม มินกยู ที่กำลังมาลูบหลังให้ผมอยู่ในห้องน้ำ ส่วนคนที่กำลังนั่งดวลกันที่ห้องนั่งเล่นไม่ยอมจบก็คงจะเป็น ซูนยอง จองฮัน ซอกมิน และ ลีดเดอร์อย่างซึงชอลที่คอแข็งจนผมอย่างจะลองเอาท่อนไม้มาทุบดูว่ามันแข็งแค่ไหน “ไปนอนก่อนไหมอ่า” มินกยูพยุงผมมายืนหน้าห้องน้ำ ก่อนจะพยักเพยิดไปทางห้องนอน ผมจึงพยักหน้าตอบอีกคนไป เอาตรงๆผมก็ไม่ใช่พวกคออ่อนอะไรหรอกนะ แต่ผมแค่ไม่ชอบดื่ม พอมาดื่มแล้วมันรู้สึกไม่ชินอะ ความร้อนที่มันวูบวาบในท้องกับอาการที่ปั่นป่วนเหมือนอาหารที่กินเข้าไปไหลกลับขึ้นมาตามหลอดอาหารอีกรอบ ความรู้สึกแบบนี้ผมเลยไม่ค่อยชอบดื่ม แต่ทำไมเมมเบอร์ถึงชอบดื่มกันนักนะ “ถ้าจะอ้วกก็รีบๆวิ่งไปห้องน้ำนะ อย่าอ้วกใส่ที่นอน” มินกยูบอกผมพร้อมกับจัดแจงแขนขาผมให้อยู่ในท่านอนที่เหมาะสมพร้อมกับผ้าห่มผืนโตที่คลุมตั้งแต่ปลายเท้ามาจนถึงคอ แค่มีมินกยูผมก็แทบไม่ต้องทำอะไรเลย สบายไปสิบชาติ และผมก็คิดว่าเมมเบอร์คนอื่นๆก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน “นี่ไม่คิดจะรอกันหน่อยหรือไง” มินกยูพูดติดขำนิด ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับผม “มองน้องมันแบบนั้นทำไมวะ” จองฮันกระทุ้งศอกใส่ซี่โครงผมแบบไม่จริงจังนักหลังจากเห็นผมเอาแต่จ้องมินกยูตั้งแต่เจ้าตัวมานั่งจนตอนนี้ “แค่สงสัยว่าทำไมมันต้องคอยดูแลคนอื่นๆไปทั่วด้วย” ผมตอบออกไปตามที่ตัวเองคิด มินกยูมีแฟนแล้วใครๆก็รู้ แต่เจ้าตัวก็ยังทำตัวเป็นคนของสังคมอยู่นั่นแหละ “นี่พี่หึงผมหรือหึงพี่วอนอูกันแน่อะ” ผมถอนหายใจออกมาดังๆ เพื่อให้ไอ้เด็กตัวแสบสองคนที่หันไปแท็กมือกันอย่างสนุกได้เห็นความจริงจังของผมบ้าง “หรือหึงจีซูฮยอง” ซูนยองที่ตอนนี้แทบล้มลงไปนอนแล้วยังอุตส่าห์เค้นเสียงออกมายียวนกวนอวัยวะเบื้องล่าง ก่อนที่เจ้าตัวจะน้อคเอาหัวลงไปโหม่งพื้น โป้ก! “โอ้โห หัวแตกไหมเนี่ย” ซอกมินยื่นมือไปดึงหัวคนที่สลบไปขึ้นมาสำรวจความเสียหาย เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรก็ทิ้งหัวอีกคนลงตามเดิม “จีซูหรอวะ” จองฮันที่ยังไม่ล้มเลิกก็ยังคงถามผมออกมาอีก “ป่าว แค่กลัวว่าวอนอูจะคิดมากหน่า” ผมตอบเพื่อนตัวเองไปตามความจริง ถ้าปล่อยให้ไอ้เด็กตัวดำนี้เทคแคร์คนทั้งวง ไอ้เด็กขี้โรคนั่นคงคิดมากจนล้มป่วยอีกแน่ๆ เวลาผ่านไปจนนาฬิกาตีบอกเวลาเกือบตีสอง ผมกับมินกยูคือผู้อยู่รอดของการดวลเหล้าในรอบนี้ ส่วนซูนยองก็โดนจองฮันกับซอกมิน ลากเข้าห้องไปเรียบร้อยแล้ว “พี่ไปนอนก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวผมเก็บของพวกนี้ให้เอง” มินกยูอาสาที่เก็บเศษซากของที่ถ้าปล่อยไว้ให้พี่เมเนเจอร์เห็นพรุ่งนี้หอคงแตกแน่ๆ “ไม่เป็นไรไปพักเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าแกต้องไปหาวอนอูอีกหนิ” มินกยูอึกอักนิดหน่อย แต่ก็ยอมเดินไปทางห้องนอนอีกห้องที่ไม่มีใครไปนอน ผมเริ่มลงมือเก็บแก้วกับเศษซากอาหาร ถ้าแฟนคลับเรามาเห็นสภาพหอตอนนี้พวกเค้าคงจะผิดหวังแน่ๆ ตึก ตึก เสียงฝีเท้าที่ลงส้นแรงเกินกว่าปกติแบบนี้ถ้าไม่ใช่จองฮันก็ต้องเป็นอีกคนที่มินกยูเอาไปทิ้งไว้ในห้องนอนก่อนเพื่อนแน่ๆ “หิวน้ำ” เสียงแหบพร่าที่ดังมาจากหน้าประตูเรียกให้ผมหันไปมอง ก่อนจะเบิกตาโพรงกับเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยพร้อมกับรอยแดงจ้ำๆที่อยู่ต่ำจากไหปลาร้าลงไปนั่นอีก เสื้อเชิ้ตตัวโคล่งกระดุมที่กลัดแค่สองเม็ดที่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ของเจ้าตัว และไอ้กางเกงขาสั้นที่แทบจะใส่เป็นกางเกงในนั่นอีก ไปทำอะไรมา ไม่ใช่สิ ใครทำ “งื้อ หิวน้ำ” เสียงที่เริ่มงอแงเหมือนเด็กๆดังขึ้นเรียกสติผมอีกครั้ง หลังจากเจ้าตัวเดินไปอีกฝั่ง มันจะเจอได้ไงเล่า ตู้เย็นมันอยู่ฝั่งนี้ ฮงจีซูคนโง่เอ้ย “อ้ะ!” จีซูสะดุ้งทันทีที่ผมยื่นแก้วน้ำเย็นไปทาบแก้มอีกคน “อือ ดื่มสิ” ผมยัดแก้วใส่มืออีกฝ่าย ก่อนจะทิ้งตัวกับเค้าเตอร์ครัวแล้วมองอีกคนที่เปลี่ยนไปจนแทบจะเป็นคนละคน ผมสีส้มๆที่เข้ากับผิวขาว ส่งผลให้ใบหน้าเรียวเล็กที่ติดจะหวานนี้ดูน่ามองขึ้นไปอีก ไหนจะเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ตอนนี้แทบจะไม่ปิดบังอะไรเลย “อื้อ ขอบคุณนะ ซึงชอล” ยิ้มหวานๆบวกกับคราบน้ำที่ไหลออกมาตามมุมปากของอีกคนนั้นมันเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่าง ยิ่งดวงตาที่ฉ่ำไปด้วยความต้องการแบบนั้นอีก ฮงจีซูเป็นอะไร “ซึงชอล” เสียงกระซิบของคนที่เตี้ยกว่าผมแค่ไปกี่เซ็นแต่กลับผอมบางกว่ามาก จนผมแทบจะไม่แน่ใจแล้วว่าระหว่าวอนอูกับจีซูใครผอมกว่ากัน แค่คิดก็อย่างจะลองจับ ลองลูบ อยากลองพิสูจน์ อยากจะลบไอ้รอยแดงๆของคนอื่นออกแล้วสร้างของตัวเองขึ้นมาแทน “มาเดี๋ยวล้างแก้วเอง กลับไปนอนได้แล้ว” ผมดึงเอาแก้วเปล่ากับมืออีกคนพร้อมกับสะบัดหัวไล่ความคิดแย่ๆที่มีต่ออีกฝ่ายออก เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน ดันมาคิดอกุศลอะไรวันนี้วะ ชเวซึงชอล “อ้ะ!” เสียงร้องของอีกคนทำให้ผมต้องรีบกันไปมองก่อนจะต้องขำพรืดออกมาเมื่อภาพที่อีกคนเดินไปสะดุดกับพรมเช็ดเท้าจนต้องยื่นมือไปจับกับประตูเพื่อพยุงตัวเองไว้ “มาๆ เดี๋ยวช่วย” ผมที่ทนเห็นความอเนจอนาถของเพื่อนตัวเองไม่ได้ก็เลยเดินไปพยุงอีกคน โอ้โห จีซูนี่จะผอมไปไหนเนี่ย “ไม่ๆ ไม่ไปห้องนั้น” คนในอ้อมแขนผมส่ายหัวปฏิเสธทันทีที่ผมพาเดินไปยังห้องนอนของเจ้าตัว “ทำไม” ผมเลิกคิ้วอย่างสงสัย ปกติก็นอนกับพวกซอกมิน จองฮันอยู่แล้วหนิ “ขอนอนด้วย” จบประโยคนั้นผมก็ไม่รู้ว่าลากถูอีกฝ่ายมาโยนลงเตียงตัวเองได้ยังไง สายตาที่ใช้ช้อนมองผม ริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันเวลาประหม่า ไหนจะมือที่คอยกระตุกชายเสื้อผมนี่อีก ใครทนได้ก็ทนเถอะ แต่ไม่ใช่กับ ชเวซึงชอลคนนี้ “อื้ออ” เสียงที่ครางรับในลำคอเวลาที่ผมส่งปลายลิ้นเข้าไปหยอกล้อกับลิ้นของอีกคนมันยิ่งทำให้ผมแทบคลั่ง “อื้อ พอ พอแล้ว” เสียงที่ปนหอบของอีกคนเรียกสติที่กำลังกระเจิดกระเจิงของผมให้กลับมา แต่มันก็นิดเดียวเท่านั้นแหละเพราะทันทีที่ผมเห็นใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อของอีกคนก็ยิ่งทำให้ผมแทบคลั่ง “รู้ตัวไหมว่านรักขึ้น” อยากจะยกมือขึ้นมาตบปากตัวเองจริงๆ ประโยคนี้มันก็แค่สิ่งผมเผลอพูดออกมาถึงแม้ว่าอยากจะพูดแค่ไหนก็เถอะ “อะ อะไร” น้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก กับใบหน้าที่หันหนีแบบนี้ อ่า น่ารักเป็นบ้า “ฮงจีซู” ผมเรียกอีกฝ่ายให้หันหน้ามาเผชิญกันตรงๆ ก่อนจะค่อยๆย้ายร่างตัวเองไปคร่อมอีกคนไว้ “จะ ทะ ทำอะไร” จีซูยกมือขึ้นมาผลักอกผมเบาๆ แต่ตอนนี้ผมกลับมองมันเป็นกิริยาที่เชิญชวนซะงั้น “รอยนี้ใครทำ” ไม่พูดเปล่าผมยกนิ้วไปจิ้มๆตามรอยแดงจ้ำๆสามสี่รอยที่โผล่พ้นเสื้อออกมา และดูเหมือนจะมีแค่นี้ด้วยเพราะเสื้อที่เจ้าตัวใส่มันก็ไม่ได้ปิดบังอะไร “อย่า” จีซูยกมือขึ้นมาปัดมือผมออกเมื่อผมเริ่มเลื่อนปลายนิ้วลงต่ำเรื่อยๆ “เราถามว่าใครทำ” ผมก้มไปกระซิบข้างหูของอีกคนก่อนจะขบมันเบาๆเรียกให้อีกคนสะดุ้งเล่นๆ “อื้อ ซึงชอลอ่า อย่า” โอ้โห ฮงจีซู เจนเทิลแมนจากอเมริกามามีมุมแบบนี้ได้ยังไง น่ารักจนผมอยากฟัดไปทั้งตัวแบบนี้ “ตอบสิ” ผมเริ่มย้ายริมฝีปากไปฝังกับแก้มนุ่มนิ่มนั่น พร้อมสูดเอากลิ่นหอมที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันจะหอมขนาดนี้ ถึงจะมีกลิ่นฉุนๆของเหล้าผสมอยู่ด้วย แต่มันกลับยิ่งทำให้อีกคนดูมีเสน่ห์ กลิ่นที่ทำให้ผมเริ่มหลงใหล “อื้อ อยากรู้ ไปทำไม” จีซูพยายามยกมือมาปัดป้องหน้าผมที่มันกำลังซุกไซร้ลงไปสูดดมความหอมที่ซอกคอ “ซะ ซอกมิน” ผมเงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกฝ่ายทันทีที่ได้ยินชื่อของน้องในวง “อย่าดุน้อง น้องแค่อยากรู้” จีซูผลักผมออกจากตัวก่อนจะลุกขึ้นมานั่งเชิญหน้ากับผมตรงๆ “นานหรือยัง” ผมยื่นมือไปจับใบหน้าของอีกคนให้หันมาสบตาผม “ซักพักแล้ว” จีซูอ้อมแอ้มตอบผมเบา ผมได้แต่นั่งถอนหายใจให้ที่อีกคนยอมน้องทุกอย่างแบบนี้ ไอ้ความอยากรู้อยากเห็นมันก็มาพร้อมกับความเป็นวัยรุ่นนั่นแหละ แต่นี่มันพี่ในวงนะซอกมินนี่มัน สงสัยผมต้องดุน้องจริงๆแล้วละ “อย่าดุน้อง” เสียงที่กึ่งๆคำสั่งของอีกคนเรียกให้ผมเลิกคิ้วอย่างสงสัย ก่อนที่การกระทำของอีกฝ่ายจะทำให้ผมแทบเป็นลม ริมฝีปากของอีกคนที่ค่อยๆขบเบาๆกับริมฝีปากล่างของผม การที่อีกฝ่ายค่อยๆไล่ชิมอวัยวะเดียวกันกับของเจ้าตัวช้าๆยิ่งทำให้ผมแทบคลั่ง ก่อนที่ลิ้นเล็กๆจะค่อยๆถูกเจ้าของมันพยายามส่งเข้ามาในปากของผม “ล้อกันเล่นหรอจีซู” ผมบีบไหล่อีกคนเบาๆ หวังจะเรียกสติของอีกคนก่อนที่ผมจะควบคุมตัวเองไม่ได้ “เราจริงจัง” พูดจบจีซูก็ยกมือมากดท้ายทอยผมให้เลื่อนไปรับจูบที่เจ้าตัวจะมอบให้ก่อนจะปรับท่าทางให้สบายขึ้น เราต่อสู้กันด้วยลิ้นอยู่พักใหญ่ จนคนขี้ยั่วหายใจไม่ทันจึงผลักผมออก ก่อนจะขยับกายขึ้นมานั่งหน้าขาผม เราทั้งคู่กลายเป็นเหมือนลูกลิงที่ใช้ขากอดเอวแม่ของมันไว้ หน้าที่ตอนนี้ชิดกันจนผมรู้สึกถึงไออุ่นๆของลมหายใจที่อีกคนหายใจออกมา “ตอนนี้นายกำลังทำกับเราแบบนี้น้องทำ ฉะนั้นนายว่าน้องไม่ได้” พูดจบจีซูก็กดหน้าผมให้ปะทะกับหน้าตัวเองก่อนจะค่อยๆขยับมือที่จับหัวผมอยู่ส่ายไปส่ายมาให้เกิดการเสียดสีระหว่างจมูกผมกับหน้าอกของตัวเอง ไม่รู้ว่าด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์เลยทำให้อีกคนกล้ากับผมขนาดนี้ หรือเพราะการห่วงน้องจนเกินเหตุ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ยังไงผมก็มีแต่ได้กับได้อยู่ดี “อ๊า!” ทันทีที่ผมเริ่มขบเม้มตุ่มไตของอีกคนก็ดูเหมือนจะได้รับปฏิกิริยาที่เกินคาดตอบแทน “พอๆ พอแล้ว” จีซูผลักหัวผมให้ออกจากหน้าอกตัวเอง แต่มีหรอที่ผมจะหยุด เมื่ออีกฝ่ายเป็นคนเริ่ม ผมก็แค่สนอง ผมไม่ผิด “พะพอก่อน” จีซูยกมือผลักหัวของคนที่กำลังรุกล้ำร่างกายของตัวเองอย่างจาบจ้วง “หยุดไม่ได้แล้ว” ซึงชอลผละริมฝีปากออกจากทับทิมสีสวยก่อนจะเลื่อนขึ้นมาประกบกับอวัยวะเดียวกันของอีกคน “อื้อออ” จีซูครางออกมาเมื่อตอนนี้คนที่เขาแค่แกล้งแหย่เล่นๆกำลังหยอกล้อกับร่างกายเขาจนแทบระเบิด “เลิกเล่นซักที” พูดจบจีซูก็เลื่อนมือไปปลดตะขอกางเกงของอีกคนอย่างรวดเร็ว พร้อมกับยื่นมือเข้าไปหยอกล้อกับแกนกายของอย่างรู้งาน มือเล็กๆที่ซึงชอลพึ่งเคยได้รับรู้ว่ามันนุ่มแค่ไหนก็ตอนที่อีกฝ่ายกำลังช่วยเหลือเค้าอยู่นี่แหละ “จีซูขยับหน่อยไม่ถนัด” มือที่พยายามจะถอดกางเกงของคนบนตักต้องชะงักเพราะดูเหมือนอีกคนเอาแต่มัวเมาอยู่กับร่างกายเขาจนไม่ยอมยกสะโพกขึ้นเพื่อถอดกางเกงเลย “อื้ม” ปากที่กลับมาประกบกันอีกครั้งหลังจากกางเกงถูกถอนออกไป เรียกอารมณ์ราคะให้พือกระหน่ำขึ้นมาอีกครั้ง “เด็ดเป็นบ้า” ซึงชอลพึมพำพร้อมกับปากที่ค่อยๆเลื่อนต่ำลงมาหยอกล้อกับเม็ดทับทิมสีสวยบนอกของอีกคน ตอนนี้สติของจีซูเป็นศูนย์ความผิดชอบชั่วดีความอายอะไรที่ควรมีตอนนี้โดนทั้งความต้องการแล้วแอลกอฮอล์บดบังไปหมดแล้ว ระโยคที่อีกคนเอ่ยขึ้นมาจึงไม่ได้สร้างผลกระทบอะไรกับเขาทั้งนั้น จีซูที่ตอนนี้โดนปั่นให้เกิดอารมณ์จนแทบทนไม่ไหวจึงผลักอีกคนออกเบาแล้วค่อยๆยกสะโพกตัวเองขึ้น สองมือน้อยๆที่กำลังจับความเป็นชายของอีกคนมาจ่อที่ทางเข้าสีสวย พร้อมกับสะโพกที่ค่อยๆกดลงช้าๆ “ทำไมทำแบบนี้! ไม่เจ็บรึไง” ซึงชอลเอ็ดอีกคนเบาที่ให้เขาใส่โดยที่ยังไม่ได้มีการเบิกทางหรือแม้แต่สวมคอนด้อมใดๆทั้งสิ้น “ซะ ซอกมิน ทำมาแล้ว” ซึงชอลแทบจะขยำคนตรงหน้าที่เอาแต่แช่ค้างไว้แบบนั้น แล้วยังมากัดปากยั่วแบบนั้นอีก ซึงชอลจะไม่ทน “มันทำอะไร” นี่ซึงชอลต้องมากินเดนน้องในวงหรอ “ชะ ใช้นิ้ว อ้า!” จีซูที่พยายามจะเค้นคำตอบตอบแต่กลับต้องหวีดออกมาเสียงดังเมื่อคนใต้ร่างดันกระแทกขึ้นมาก่อน “จะขยับเองหรือจะให้ทำ” ตอนนี้ซึงชอลแทบไม่สนแล้วว่าคนตัวเล็กด้านบนมีความสัมพันธ์อะไรกับน้องร่วมวง ตอนนี้เขารู้แค่ว่าถ้าอีกคนไปขยับเขาเองที่แหละจะขยับจนไม่ให้อีกคนได้พักแน่ๆ จีซูไม่ได้เอ่ยปากตอบอีกฝ่ายไป แต่ร่างกายที่เริ่มขยับอย่างเชื่องช้าของตัวเองก็ดูเหมือนจะเป็นคำตอบได้ดีว่าใครจะเป็นคนคุมเกมส์ “อื้อ” ปากที่กัดจนซีดถูกคนใต้ร่างฉกฉวยไปอีกครั้ง พร้อมกับสะโพกของคนด้านล่างที่สวนขึ้นมาเป็นระยะๆ ซึงชอลผลักให้อีกคนนอนราบไปกับเตียงก่อนจะค่อยๆถอนริมฝีปากออกมาซุกไซร้ไปตามซอกคอเพื่อสูดดมกลิ่นที่เขาเริ่มเสพติด สะโพกที่ขยับเข้าออกอย่างรู้งานก็ยิ่งทำให้คนใต้ร่างบิดเร่าๆไปกับความร้อนแรงของอีกคน “แบบไหนดีกว่ากัน หื้ม” พูดเสร็จก็ส่งริ้นร้อนแหย่ไปตามซอกคอของอีกคน แต่ซึงชอลรู้ดีว่าการทำให้เกิดรอยย่อมไม่เป็นผลดีต่ออีกคนแน่ๆ เขาจึงทำได้แค่ลากลิ้นร้อนๆของตัวเองผ่านไปมาเพื่อเพิ่มความเสียวให้อีกคนแทน “ดี อ้ะ แบบนี้ อื้มม” จีซูที่ครางออกมาไม่เป็นภาษายิ่งทำให้ซึงชอลยิ้มชอบใจไปใหญ่ นี่เค้ามองข้ามความน่ารักของคนคนนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ ร่างกายที่สอดใส่กันไปไม่ทีท่าทีว่าจะหยุดถึงแม้ว่าตอนนี้ฟ้าเริ่มที่จะทอแสงสีส้มอ่อนๆแล้ว แต่ความต้องกันการที่กำลังก่อตัวครั้งแล้วครั้งเล่าของคนสองคนก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงแม้แต่น้อย “พี่จองฮัน” ซอกมินที่กำลังจะเปิดประตูห้องนอนอีกห้องเพื่อตามหาคนที่หนีตัวเองออกมาตั้งแต่เมื่อคืนก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อพี่ชายผมยาวดันมายืนขวางทางเขาไว้ก่อน “จะทำอะไร” จองฮันกอดอกถามน้องร่วมวง “ก็จะเข้าไปดูพี่จีซูไงฮะ ป่านนี้คงปวดหัวแย่” ซอกมินตอบตามความจริง เขาโดนมินกยูฝากฝังให้ดูแลคนเป็นพี่ ถึงแม้ว่าเมื่อคืนมันอาจจะดูเกินไปหน่อย แต่อีกคนก็ผิดนั่นแหละ “นายต้องไปบริษัทกับพี่จำไม่ได้หรอ” จองฮันออกแรงผลักคนเป็นน้องไปยังประตูหอเบาๆ “แต่พี่ – ” “ซึงชอลก็อยู่ให้ซึงชอลดูแลก็ได้ ไปเร็วๆ ซูนยองรอยู่” จองฮันตัดบทคนเป็นน้องก่อนจะปิดประตูหอแล้วเดินไปยังบริษัท ทิ้งให้คนที่เค้าวางแผนกันไว้นอนสบายใจอยู่ที่ห้องนอน |