ช่วงเวลาของการออกกำลังกายที่เหมาะสมที่สุดคือ ช่วงเวลาที่เราสะดวกที่สุด เพราะเป็นช่วงเวลา ที่ไม่ต้องเร่งรีบ ทำให้สนุกสนานไปกับการออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ถ้าเราเลือกรูปแบบของการออกกำลังกายที่เหมาะสมแต่ละช่วงเวลา ก็จะทำให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น เรามีแนะนำรูปแบบการออกกำลังกายที่เหมาะสมของช่วงเวลา เช้า กลางวัน และเย็น เพื่อเป็นไอเดียในการออกกำลังกายดังนี้
ข้อควรปฏิบัติในการออกกำลังกายตอนเช้า หากต้องการออกกำลังกายในช่วงเวลาเช้า ควรจะรับประทานอาหารก่อนออกกำลังกายอย่างน้อย 2 - 3 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายมีพลังงานเพียงพอต่อการออกกำลังกาย และควรอบอุ่นร่างกายให้นานกว่าการออกกำลังกายในช่วงเวลาอื่น ๆ อย่างน้อย 10 - 15 นาที เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นมากพอสำหรับการออกกำลังกาย ที่สำคัญไม่ควรจะรีบรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำทันทีหลังจากออกกำลังกายหนัก เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการหายใจไม่ทัน หรือจุกได้ นอกจากนี้ยังควรพักผ่อนให้เพียงพออีกด้วย ในกรณีที่ป่วยควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายเพราะอาจจะทำให้หมดแรงได้ การออกกำลังกายที่แนะนำในตอนเช้าจะเป็นการออกกำลังกายที่เน้นในเรื่องของการทำ Cardio และการ Burn Fat หรือ Burn Calorie ยกตัวอย่างเช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ
ข้อควรปฏิบัติในการออกกำลังกายตอนกลางวันถึงบ่าย หากต้องการจะออกกกำลังกายในช่วงนี้ควรจะจัดสรรเวลาให้ดีและมีเวลาการออกกำลังกายอย่างน้อย 1 - 2 ชั่วโมงเผื่อการอบอุ่นร่างกาย และควรควบคุมการรับประทานอาหารหลังจากออกกำลังกายให้ดีเพื่อไม่ให้รับประทานเยอะจนเกินไป การออกกำลังกายที่แนะนำสำหรับช่วงเวลานี้คือการออกกำลังกายในลักษณะที่เป็นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อแบบใช้แรงต้าน เช่น Weight Training
ข้อควรปฏิบัติในการออกกำลังกายตอนเย็นถึงค่ำ เพื่อให้การออกกำลังกายในช่วงเย็นถึงค่ำได้ผลดียิ่งขึ้น ในขณะออกกำลังกายและหลังจากออกกำลังกายควรดื่มน้ำอุณหภูมิห้องเพื่อปรับอุณหภูมิในร่างกายเป็นปกติ เพราะถ้าหากดื่มน้ำเย็นอุณหภูมิร่างกายจะปรับลดเร็วจนเกินไป ทำให้ร่างกายทำงานหนัก และเสียเหงื่อมาก อาจทำให้เป็นไข้ได้ และไม่ควรรับประทานอาหารก่อนออกกำลังกาย แต่ถ้าหากกลัวหมดแรงก็ควรรับประทานเป็นผลไม้แทน นอกจากนี้หลังจากออกกำลังกายแล้ว ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 4 - 6 ชั่วโมง ก่อนเข้านอน เพื่อให้ร่างกายปรับสมดุลได้ และจะทำให้หลับได้สนิทมากขึ้น ส่งผลให้ตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นอย่างสดชื่น การออกกำลังกายในช่วงเวลานี้ทำได้ค่อนข้างหลากหลายขึ้นอยู่กับว่างานในวันนั้นๆ เป็นอย่างไร มีความเครียดหรือล้าจากการทำงานไหม ถ้าไม่มี สามารถที่จะเล่น Weight Training และ Cardio เพื่อ Burn Calorie ได้ด้วยแต่ถ้ามีความล้ามาแล้ว แนะนำให้เป็นกิจกรรมเบาๆ หรือเน้นการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เช่น โยคะ อย่างไรก็ตามไม่ว่าคุณจะเลือกออกกำลังกายแบบใด ก็ขอให้มีความสุขกับการออกกำลังกาย และบวกกับความมีวินัยในการออกกำลังกายจะทำให้คุณมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงตลอดไป แรกๆก็เมื่อยนะ แต่ก็ยังไม่รู้ ว่าสรุปต้องเล่นบ่อยแค่ไหน อีกวันถัดไปก็เลยมาอีกรอบ จัดไปเหมือนเดิม ซ้ำมัน! น้ำหนักที่ใช้ก็ไม่รู้ว่าจะใส่เท่าไหร่ เลยลองยกเพิ่มเรื่อยๆ รู้สึกยังไง ก็เล่นยังงั้น เล่นไปหลายเดือน ไม่ค่อยจะขึ้น ก็เริ่มท้อ และอยากเสียเงินซื้ออาหารเสริม และอยากหาทางลัดอื่นๆ สุดท้ายก็เสียเงิน เสียเวลา เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงให้เป็นระบบ (ไม่มีใครสอน) วันนี้เรามาดูกันดีกว่า ว่าพื้นฐาน สิ่งที่ควรรู้ของคำว่า Weight Training มีอะไรบ้าง! รับรองช่วยได้ครับก่อนอื่นอยากพูดถึงรายละเอียดของคำว่าเล่นเวทก่อน ว่ามันมีอะไรบ้างที่เราสามารถ “ปรับ แก้ และ เล่นกับมันได้”
ถ้ายังไม่เห็นภาพ จะใช้นายจอร์จจี้ เป็นตัวอย่าง จอร์จจี้ ให้โค้ชสอนเล่น Bench Press ด้วยความที่หัดเล่นเวทใหม่ เลยเลือก Load ที่ต่ำ คือ 20KG (บาร์เปล่า) และเล่นได้ 10 ครั้ง (10 Reps) ถือว่าไม่เลวเลยสำหรับมือใหม่ ซึ่งทั้งหมด เล่นไป 4 Sets และพัก 90 วินาที ต่อ Set วันนี้เราได้ลองหา 1RM ของจอร์จจี้ สำหรับท่า Bench Press ซึ่งยกได้ 1 ครั้ง (โดยโค้ชไม่ต้องช่วย) ที่ 40KG ซึ่งโค้ชจะเอาตัวเลขนี้ไปคำนวนว่าเจอกันคราวหน้า จะยกเท่าไหร่ดี (ปกติ ถ้าอยากกล้ามใหญ่ จะฝึกกันที่ประมาณ 60% ของ 1 RM ซึ่งของจอร์จจี้ก็คือ 24 KG และยกให้ได้ 8-12 ครั้ง) ความถี่ในการซ้อมกล้ามเนื้อ อก ของจอร์จจี้คือ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เนื่องจากเป็นจุดที่ต้องการพัฒนา สำหรับมือใหม่ Intensity ยังไม่จำเป็นต้องสูงมาก เนื่องจากอาจจะบาดเจ็บได้ ดังนั้นเราเน้นที่การทำท่าให้ถูก และ Volume ปานกลาง เพื่อให้มีการทำซ้ำในหลายๆท่า ให้ร่างกายจำท่าได้ และชินกับการฝึก ถ้าเรายกเวทมั่วๆ เกิดอะไรขึ้น
สรุปยังไงดี?จัดตารางง่ายๆ ตามการใช้งานของกล้ามเนื้อ (จะง่ายกว่า)
เห็นมั้ย ว่าง่ายมาก! ทำตามนี้เลยก็ได้ครับ
หวังว่ามือใหม่หรือคนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงรูปร่างทุกคนจะนำข้อมูลไปใช้และทำให้เราหุ่นดีโดยไม่บาดเจ็บ และสนุกไปกับการออกกำลังกายนะครับ ทำยังไงให้มีแรงเยอะๆออกกำลังกายฝึกกล้ามเนื้อสัปดาห์ละ 3 ครั้ง รวมทั้งเลี่ยงยกเวทติดต่อกันทุกวัน ควรอบอุ่นร่างกายประมาณ 5-10 นาทีก่อนออกกำลัง ควรฝึกบริหารกล้ามเนื้อท่าต่าง ๆ โดยเน้นทำซ้ำมากกว่าออกเต็มแรง ควรให้เทรนเนอร์หรือผู้เชี่ยวชาญแนะนำการจัดท่าทางที่ถูกต้อง เนื่องจากอาจเสี่ยงได้รับบาดเจ็บในกรณีที่บริหารกล้ามเนื้อผิดท่า วิ่งช่วงเวลาไหนดีที่สุดช่วงเวลาที่แนะนำสำหรับการวิ่งแบ่งเป็น 3 ช่วงโดยประมาณ ได้แก่ เช้าตรู่ (5.00 - 7.00 น.), ตอนบ่าย (15.00 - 17.00 น.) และ ตอนเย็น(18.00 - 20.00 น.) 11 RM หมายถึง น้ำหนักที่สามารถทำได้มากที่สุด 1 ครั้ง (ครั้งที่ 2 ทำไม่ไหว) 10 RM หมายถึง น้ำหนักที่สามารถทำซ้ำได้มากที่สุด 10 ครั้ง (ครั้งที่ 11 ทำไม่ไหว) เล่นฟิสเนสวันละกี่ชมเวลาที่เหมาะสมของการออกกำลังกาย ควรห่างจากมื้ออาหารอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ถ้าเป็นมื้อหนัก ควรเว้นระยะห่าง 2-3 ชั่วโมง เพื่อรอให้ร่างกายและเอนไซม์ต่างๆ ปรับเข้าสู่ภาวะปกติเสียก่อน เพื่อสุขภาพที่ดีควรออกกำลังกาย 15-30 นาที ต่อวัน หรือ 150 นาที ต่อสัปดาห์ หากต้องการเผาผลาญไขมันควรใช้เวลาในการออกกำลังกาย 30 นาทีขึ้นไป |