รห สไปรษณ ย ต.ท าชะม วง อ.ร ตนภ ม จ.สงขลา

เผยแพร่: 29 ก.ย. 2558 22:37 ปรับปรุง: 30 ก.ย. 2558 00:01 โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ -คณะทำงานคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา แถลงปิดคดีค้ามนุษย์คดีฟอกเงิน และปิดศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้าอย่างเป็นทางการ หลังดำเนินการมา 5 เดือน จนสามารถทำลายเครือข่ายค้ามนุษย์ได้ทั้งหมด ขณะที่การสอบสวน ร.อ.วิสูตร บุนนาค นายทหารสังกัด กอ.รมน.ชุมพร พบลูกน้อง พล.ท.มนัส คงแป้น ส่งข้อความทางไลน์ขู่ไม่ให้มอบตัว ขณะที่แก๊งค้าแรงงานมนุษย์ยังเหิม! ลักลอบขนชาวโรฮีนจามาซุ่มพักรอขึ้นรถทัวร์ริมถนนเพชรเกษม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ส่งต่อไปยังมาเลเซีย ถูกทหาร ฝ่ายปกครองบุกจับ หนีกระเจิง

วานนี้ (29 ก.ย.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้า สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 หัวหน้างานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา และในฐานะตัวแทนคณะพนักงานสอบสวนทั้งฝ่ายตำรวจ และอัยการ ได้แถลงข่าวสรุปภาพรวมของคดีค้ามนุษย์ และคดีฟอกเงินของ สภ.ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา ทั้งหมด หลังจากที่เริ่มต้นคดีมาตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. จนถึงขณะนี้เป็นเวลา 5 เดือนเต็ม และในวันนี้จะมีการปิดศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้า ซึ่งตั้งอยู่ที่ สภ.หาดใหญ่ อย่างเป็นทางการ

พล.ต.ต.ปวีณ เปิดเผยว่า ในส่วนของคดีค้ามนุษย์มีการออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสิ้น 153 คน ได้ตัว 91 คนยังหลบหนีอีก 62 คน ส่วนคดีฟอกเงิน ออกหมายจับ 79 คน ได้ตัว 40 คน ยังหลบหนี 39 คน โดยจะมีการส่งสำนวนการสอบสวนทั้ง 2 คดีให้อัยการจังหวัดนาทวี ในวันนี้ (30 ก.ย.) และนำส่งอัยการสูงสุดในวันที่ 1 ต.ค. รวมเอกสาร จำนวน 699 แฟ้ม เป็นเอกสาร จำนวน 271,300 แผ่น พร้อมกับมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ในส่วนที่เหลือทุกคน

หลังจากที่ได้มีการปิดศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้าไปแล้ว จะมีการแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อสานต่อคดีชั่วคราวโดยมอบหมายให้ทางรองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา ทั้ง 4 นาย รับผิดชอบ 15 วัน เพื่อรอผู้บังคับบัญชาชุดใหม่ เนื่องจากตรงต่อการเปลี่ยนแปลงผู้บังคับบัญชาของส่วนราชการต่างๆ รวมทั้งสิ้นสุดปีงบประมาณ 2558 โดย พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งอัยการสูงสุดแต่งตั้งให้เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีนี้จะไปดำรงตำแหน่งเป็นปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้ทั้ง 2 คดี ไม่มีหัวหน้าผู้รับผิดชอบสูงสุด จึงต้องรอคำสั่งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าจะมีการสั่งการทั้ง 2 คดีนี้อย่างไร และจะมอบหมายให้ใครมาดำเนินการต่อไป

พล.ต.ต.ปวีณ ยังกล่าวอีกว่า ทั้งคดีค้ามนุษย์ และคดีฟอกเงินผู้ต้องหาบางส่วนมีความเชื่อมโยงกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้หลักฐานสำคัญมาจากการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยมูลค่าของทรัพย์สินที่ยึดได้จากเครือข่ายค้ามนุษย์ทั้งหมดมีมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท และหากจะประเมินมาตั้งแต่มีขบวนการค้ามนุษย์เกิดขึ้นน่าจะมีมูลค่าเกิน 1 หมื่นล้านบาท

พล.ต.ต.ปวีณ ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ต้องขอขอบคุณคณะทำงานทั้งหมดที่ทุ่มเทกำลังกาย และกำลังใจในการทำคดีนี้มา 5 เดือนโดยไม่มีวันหยุด เพื่อความถูกต้อง และความเป็นธรรมแก่มนุษย์ด้วยกัน ไม่ว่าเชื้อชาติใด ศาสนาใด และต้องการขจัดการค้ามนุษย์ที่เลวร้ายที่สุดให้หมดไปจากประเทศไทย แม้ว่าจะถูกข่มขู่จากผู้เสียผลประโยชน์ และผู้ต้องหา และถูกกดดันจากกลุ่มผู้มีอิทธิพล แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่หวั่นไหว และนำไปสู่การทำลายขบวนการค้ามนุษย์ ผู้มีอิทธิพล ผู้มีอำนาจถูกจับกุมทั้งหมด โดยในจำนวนคณะทำงานทั้ง 81 คน มีตำรวจ 1 นาย คือ พ.ต.ท.ภูมิศักดิ์ บุญรัตนัง สังกัด สภ.รัตภูมิ ที่ร่วมทำคดีนี้จนเกษียณอายุราชการในวันพรุ่งนี้

สำหรับจุดเริ่มต้นของคดีค้ามนุษย์โรฮีนจาก่อนที่จะนำมาสู่การทลายขบวนการ และจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เริ่มจากเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พบแคมป์ขนาดใหญ่ซึ่งถูกใช้เป็นค่ายกักกันชาวโรฮีนจา เพื่อเตรียมส่งไปประเทศที่ 3 รวมทั้งหลุมฝังศพ 32 หลุมบนยอดเขาแก้ว หมู่ 8 บ้านตะโล๊ะ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา สำหรับการพบแคมป์ และหลุมฝังศพชาวโรฮีนจาบนยอดเขาแก้วนั้น สืบเนื่องมาจากญาติของชาวโรฮีนจาได้ไปแจ้งความต่อตำรวจภูธรภาค 9 ว่ามีญาติ จำนวน 2 คน ถูกนำตัวมากักขังที่บริเวณดังกล่าว ชื่อ นายรอฟิต กับ นายคาซิน ซึ่งญาติได้ส่งเงินให้แก่ขบวนการเพื่อไถ่ตัว แต่ปรากฏว่า นายคาซิน ถูกฆ่าตาย ส่วนนายรอฟิต หนีไปได้ ญาติจึงได้เข้ามาแจ้งความต่อตำรวจภาค 9 เพื่อเข้าตรวจสอบ กระทั่งมีการขยายผลตรวจพบแคมป์ที่กักกัน และสุสานบนยอดเขาแก้ว

***สอบเพิ่มนายทหารคดีค้ามนุษย์

ด้านความคืบหน้า หลังจากที่ ร.อ.วิสูตร บุนนาค นายทหารสังกัด กอ.รมน.ชุมพร ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่นายทหารที่ถูกออกหมายจับในคดีค้ามนุษย์ ได้เข้ามอบตัวเป็นรายล่าสุดเมื่อวานนี้

ล่าสุด ตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้( 29 ก.ย.) ร.อ.วิสูตร ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้า สภ.หาดใหญ่ แต่ได้เปลี่ยนจากเครื่องแบบทหารเป็นชุดปกติ และทางพนักงานสอบสวนได้นำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นที่ ร.อ.วิสูตร ให้การว่า ถูกทหารนายหนึ่งซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิท พล.ท.มนัส คงแป้น ส่งข้อความมาทางไลน์ข่มขู่ไม่ให้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน และจะไม่รับรองความปลอดภัย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนในรายละเอียดประกอบสำนวนคดี และดูแลความปลอดภัยของ ร.อ.วิสูตร ขณะที่ ร.อ.วิสูตร ให้ความร่วมมือต่อพนักงานสอบสวนเป็นอย่างดี และมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ยังคงยืนกรานปฏิเสธทั้ง 14 ข้อหาที่ถูกแจ้งดำเนินคดี

ทั้งนี้ หลังสอบสวนเสร็จในช่วงบ่าย พนักงานสอบสวนจะนำตัว ร.อ.วิสูตร ไปฝากขังผลัดแรกที่ศาลจังหวัดนาทวี

***กวาดไม่หมด!ลอบขนโรฮีนจาส่งชายแดนใต้

เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ ( 29 ก.ย.) ร.ท.ธีรพร บุญซื่อ ชุดประสานงานประจำพื้นที่ บก.ควบคุม จทบ.ชุมพร ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า มีแก๊งค้าแรงงานมนุษย์ลักลอบขนชาวต่างชาติมารอพักอยู่ในป่าละเมาะภายในสวนปาล์มของชาวบ้านใกล้กับถนนเพชรเกษม หมู่ 8 ตำบลท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร จึงประสานกำลังร่วมกับ เรืออากาศตรี โสภณ ภู่ขันเงิน ปลัดอาวุโส หน.กลุ่มงานบริหารงานปกครอง อ.ท่าแซะ นำกำลัง อส.ทหาร และตำรวจในพื้นที่ เข้าตรวจสอบในพื้นที่ดังกล่าว

จากการตรวจสอบภายในป่าละเมาะภายในสวนปาล์มดังกล่าว พบชายชาวต่างชาติ จำนวน 3 คน เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่พยายามวิ่งหนีแต่ถูกตามจับกุมตัวไว้ได้ อยู่ในสภาพอิดโรย เนื้อตัวสกปรกมอมแมม ทราบเป็นชาวโรฮีนจา ตรวจสอบบริเวณดังกล่าวทำไว้ลักษณะคล้ายที่พักหลบซ่อนอยู่หลายจุด มีถุงพลาสติกขวดน้ำ กล้วยน้ำหวาทั้งแก่และสุกจำนวนหลายเครือเศษเสบียง อาหาร และเสื้อผ้าจำนวนหนึ่งทิ้งไว้

สอบสวนชาวโรฮีนจาทั้ง 3 คน ทราบว่า มีนายหน้าที่คนไทยและชาวเมียนมาร์พาลักลอบเข้ามาจากชายแดนไทย-เมียนมาร์ ด้านแม่น้ำกระบุรี อ.กระบุรี จ.ระนอง แล้วมีคนไทยขับรถจักรยานยนต์ไปรับนั่งซ้อนท้ายมาคันละ 3 คน ขับลัดเลาะมาตามถนนในหมู่บ้านผ่านเข้าในพื้นที่ อ.ท่าแซะ เข้ามาพักรออยู่ในสวนปาล์มใกล้กับถนนเพชรเกษมเพื่ออรอขึ้นรถทัวร์หน้าศาลาที่พักผู้โดยสารตรงข้ามกับศูนย์อาหารและที่จอดรถทัวร์“คุณสาหร่าย”ซึ่งจะมีนายหน้าพาทยอยขึ้นรถทัวร์ชั้น 2 เที่ยวละ 3-5 คน ที่มาจอดรับเพื่อเดนทางต่อไปยัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศมาเลเซีย โดยเสียค่านายหน้าคนละกว่า 1 หมื่นบาท และมีชาวโรฮีนจาส่วนหนึ่งเดินทางไปกับรถทัวร์ก่อนหน้านี้บ้างแล้ว

อย่างไรก็ตามกำลังทหาร ฝ่ายปกครองได้กระจายกำลังกันค้นหาซึ่งคาดว่าน่าจะมีชาวต่างด้าวไหวตัวหลบหนีไปได้หลายคน เนื่องจากบริเวณดังกล่าว มีร่องรอยแก๊งค้าแรงงานมนุษย์ทำที่พักหลบซ่อนไว้หลายจุด

โดยเจ้าหน้าที่ค้นหานานกว่า 1 ชั่วโมงไม่พบแต่อย่างใด จึงควบคุมตัวชาวต่างด้าวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน ส.ท่าและจะสืบสวนขยายผลติดตามแก๊งค้ามนุษย์มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.