ม รถต ผ านม ยจาก รพ.ศ ร ราชไปสนามบ นดอนเม อง

เผยแพร่: 22 มี.ค. 2555 01:36 โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ”คมนาคม”สั่งบวท.ศึกษาการบริหารจุดตัดรับเที่ยวบินดอนเมืองเพิ่ม ก่อนดึง โลว์คอสต์ใช้บริการ สุวรรณภูมิแจงปัญหาคิวตม.คลี่คลาย หลังตม.เพิ่มเจ้าหน้าที่เกือบ 90% เผย 11 เม.ย.เปิดใช้ระบบ Auto Gate ตรวจหนังสือเดินทางโดยอัตโนมัติ ลดเวลาเหลือ 20 วินาที/คน พร้อมรับการเดินทางช่วงสงกรานต์ เผยปัจจุบันผู้โดยสารระหว่างประเทศกว่า 1.1 แสนคนต่อวันแล้ว

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) ศึกษาการบริหารจุดตัดกรณีที่ท่าอากาศยานดอนเมืองจะมีเที่ยวบินมาใช้บริการเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้ มีนโยบายให้สายการบินต้นทุนต่ำ (Low Cost Airline) มาใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองเพื่อช่วยลดความแออัดของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เนื่องจากระยะห่างระหว่างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมืองไม่มากนัก การมีเที่ยวบินที่ดอนเมืองเพิ่ม จะมีปัญหาด้านเทคนิคและเป็นอุปสรรคในการขึ้นลงหรือไม่ โดยทางบวท.จะต้องไปทำแบบจำลองเพื่อทดสอบปัญหาอย่างรอบคอบ

“นโยบาย 2 สนามบิน ใช้อยู่แล้วในขณะนี้แต่จะเพิ่มจำนวนผู้โดยสารที่ดอนเมืองจาก 3 ล้านคนต่อปีเป็น 10 ล้านหรือ 12 ล้านหรือไม่ ส่วนคำว่า Single Airport เป็นคำเก่าที่ใช้มาแต่ปัจจุบันต้องมีสนามบินไว้เผื่อเต็ม และนโยบายจะไม่กลับไปกลับมา มาดอนเมืองแล้วก็ไม่ต้องกลับไปอีกไม่ต้องกังวล”นายชัชชาติกล่าว

11 เม.ย.เปิดใช้ระบบ Auto Gate รับเดินทางสงกรานต์

สำหรับปัญหา การรอคิวตรวจหนังสือเดินทาง ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น นายชัชชาติกล่าวว่า หลังจากผู้เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแก้ไข ขณะนี้เริ่มดีขึ้นแล้วและในวันที่ 11 เม.ย.2555 จะเริ่มใช้บริการระบบ Automatic Gate หรือระบบตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ จำนวน 4 ช่อง ซึ่งจะลดเวลาในการตรวจหนังสือเดินทางเหลือ 20 วินาทีต่อคนจากปัจจุบันที่เจ้าหน้าที่ตม.ใช้เวลาตรวจหนังสือเดินทางประมาณ 28-45 วินาทีต่อคน อย่างไรก็ตาม ระบบ Auto Gate สามารถใช้ได้กับผู้โดยสารคนไทยเท่านั้น โดยมีจำนวนประมาณ 20% ของผู้โดยสารทั้งหมด

นายชัชชาติ กล่าวว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะมีการซ่อมรันเวย์ ฝั่งตะวันออกระยะทาง 1,620 เมตร ใช้เวลา 60 วัน (23 เม.ย. -21 มิ.ย. 55 ) ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการให้บริการในด้านการบริหารจัดการเที่ยวบิน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการประสานงานและวางแผนร่วมกันซึ่งส่วนนี้ไม่น่าจะกระทบกับผู้โดยสารเพราะเที่ยวบินจะยังขึ้นลงได้ตามเวลาที่กำหนดเนื่องจากไม่ได้ปิดรันเวย์ทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม มีความจำเป็นต้องเร่งรัดสุวรรณภูมิเฟส 2 และรันเวย์ที่ 3 ซึ่งจะเป็นรันเวย์สำรองกรณีต้องมีการซ่อมแซมแต่ยอมรับว่า ยังติดปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม (EIA) เนื่องจากปัญหาเรื่องเสียงจากการดำเนินงานสุวรรณภูมิเฟส 1 ยังไม่จบ

ด้านนายสมชัย สวัสดีผล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง ทอท. บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และรักษาการผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า ขณะนี้ ปัญหาความแออัดของผู้โดยสารบริเวณหน้าจุดตรวจหนังสือเดินทาง ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้คลี่คลายอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ได้ประสานความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 (ตม.2) อย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาความล่าช้าในการตรวจหนังสือเดินทางของผู้โดยสาร ทำให้ต้องรอคิวยาวนั้น ขณะนี้ ทุกส่วนงานต่างระดมเจ้าหน้าที่และแนวทางปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ เช่น ตม.2 ได้จัดเจ้าหน้าที่ ตม. มานั่งเคาน์เตอร์เพิ่มขึ้น 80-90% จากเดิมมีเพียง 50-60% และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ส่งตำรวจปราบจราจลหญิงหรือกองร้อยน้ำหวาน จำนวน 40 นาย มาช่วยปฏิบัติงานโดยช่วยตรวจเอกสารใบ ตม.6 และให้คำแนะนำกับผู้โดยสาร ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา

สำหรับแผนการรองรับผู้โดยสารในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เดือน เม.ย.นี้ คาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางผ่าน ทสภ.เป็นจำนวนมาก ตม.2 จะนำระบบ Auto Gate ซึ่งเป็นระบบตรวจหนังสือเดินทางโดยอัตโนมัติ ลดเวลาและขั้นตอนในการตรวจหนังสือเดินทาง ในระยะแรกจะเริ่มใช้งานกับผู้โดยสารคนไทยก่อน โดยติดตั้งที่จุดตรวจหนังสือเดินทางขาเข้า และ ขาออกจุดละ 8 เครื่อง

โดยปัจจุบัน มีผู้โดยสารที่ใช้บริการ ทสภ. เฉลี่ยวันละ 150,000 คน ในจำนวนนี้ เป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ ร้อยละ 70 หรือประมาณ 115,000 คนต่อวัน โดยเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศขาเข้าประมาณ 55,000 คนต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 5.14 และเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศขาออกประมาณ 56,000 คนต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ4.72 ขณะนี้ จะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คาดการณ์ว่าในปีนี้จะมีผู้โดยสารสูงถึง 51 ล้านคน

เผยแพร่: 19 มิ.ย. 2557 17:02 โดย: MGR Online

ผบ.พล.1 ลงพื้นที่เซ็นทรัลพระราม 9 ตรวจสอบการจัดระเบียบวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง วางเป้าขจัดกลุ่มผู้มีอิทธิพล ย้ำหากมีข้าราชการอยู่เบื้องหลังจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดและให้ออกจากราชการทันที ด้าน ผบ.มทบ.11 ลงพื้นที่สนามบินดอนเมืองหารือแท็กซี่ และบริษัทดูแลคิวแท็กซี่สนามบินดอนเมือง โชเฟอร์ได้ทีร้องขอ คสช.เพิ่มค่ามิเตอร์สตาร์ทที่ 50 บาท

วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่บริเวณศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 ถนนรัชดาภิเษก พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) ในฐานะ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการมีใบอนุญาตตั้งวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง เพื่อดำเนินการจัดระเบียบรถบริการสาธารณะ ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

ทั้งนี้ พล.ต.อภิรัชต์ระบุว่า การตรวจสอบในครั้งนี้พบว่ายังมีวินจักรยานยนต์รับจ้างอีกกว่า 500 วินทั่วกรุงเทพมหานครยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนและใบอนุญาตอย่างถูกต้อง ส่งผลให้เกิดช่องว่างต่อการเข้ามาหาผลประโยชน์ของกลุ่มผู้มีอิทธิพล ดังนั้น การดำเนินการเพื่อจัดระเบียบในระยะแรกจึงจะต้องเร่งให้วินรถจักรยานยนต์ที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนไปขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง พร้อมทั้งติดป้ายแสดงราคาค่าโดยสารเพื่อป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาในช่วงเร่งด่วน รวมทั้งการให้บริการแก่ประชาชนด้วยความสุภาพ ปลอดภัย

เมื่อถามว่า หากกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่อยู่ในเครื่องแบบทั้งในส่วนของทหาร ตำรวจจะดำเนินการอย่างไรนั้น พล.ต.อภิรัชต์ระบุว่า จะดำเนินการในขั้นเด็ดขาดต่อคนกลุ่มนี้อย่างแน่นอน หากพบมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะสั่งพักงานและตั้งคณะกรรมการสอบสวน และเมื่อสอบสวนแล้วพบว่ามีความผิดจริงก็จะให้ออกจากราชการและส่งดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ เบื้องต้นทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้มีข้อมูลและรายชื่อของกลุ่มคนเหล่านี้บางส่วนแล้ว และกำลังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป หรืออาจจะมีการเรียกเข้ามาพูดคุยและรายงานตามตามประกาศของ คสช. ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการเรียกตัวมาพูดคุยในบางส่วนแล้ว และหากประชาชนมีข้อมูลหรือเบาะแสที่เป็นประโยชน์ก็สามารถร้องเรียนหรือแจ้งมาได้ที่ศูนย์วิทยุของกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ และกองบัญชาการตำรวจนครบาล

ขณะที่ พล.ต.ท.จักรทิพย์ระบุว่า จากนี้ต่อไปจะมีการดำเนินการอย่างเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ และจะประเมินผลการดำเนินงานภายใน 1-2 เดือน หากพบมีข้อบกพร่องก็จำนำมาปรับเปลี่ยนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด แต่มั่นใจภายในกรอบระยะ 3 เดือนจะสามารถขจัดกลุ่มผู้มีอิทธิพลและจัดระเบียบรถบริการสาธารณะให้เป็นรูปธรรมตามนโยบายของ คสช.ได้

พล.ต.นิรันดร สมุทรสาคร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ที่รับผิดชอบดูแลการจัดระเบียบรถแท็กซี่ ได้ลงพื้นที่สนามบินดอนเมืองเพื่อหารือกับ พล.อ.อ.มนัส รูปขจร เจ้าของบริษัทพลังร่วม ซึ่งเป็นบริษัทดูแลรักษาความปลอดภัย และดูแลคิวแท็กซี่ที่ดอนเมือง โดยจากการพูดคุยร่วมกัน ทั้งหมดเห็นตรงกันว่าจะเข้ามาช่วยกันบริหารดูแลแท็กซี่เพื่อให้ความสะดวกแก่ผู้โดยสาร เนื่องจากที่ดอนเมืองมีปัญหาแท็กซี่ไม่เพียงพอเมื่อมีเครื่องบินลงพร้อมกัน และมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายของแท็กซี่ ซึ่ง คสช.จะเข้ามาดูแล

โดยที่ดอนเมืองมีความแตกต่างจากสุวรรณภูมิ ที่มีบริษัทมาดูแลจัดระเบียบแท็กซี่โดยเฉพาะ แต่ที่ดอนเมืองฝากให้บริษัท รปภ.ดูแล ทำให้อาจมีปัญหาในเรื่องกิริยามารยาท ตลอดจนปัญหาอาชญากรรมและการพนัน แต่ยืนยันว่าไม่มีมาเฟีย หรือ ผู้มีอิทธิพล ดังนั้นในอนาคตจะมีการนำระบบสมาร์ทการ์ดมาใช้ดูแลระบบแท็กซี่ ซึ่งในปัจจุบันมีแท็กซี่ทั่วประเทศกว่า 1.1 แสนคัน เป็นแท็กซี่อิสระกว่า 3.7 หมื่นคัน ขณะเดียวกันรถแท็กซี่เรียกร้องขอให้มีการปรับขึ้นค่าโดยสารเริ่มต้นเป็น 50 บาท ซึ่งเรื่องนี้ คสช.จะนำไปพิจารณาอีกครั้ง โดยยืนยันการที่เข้ามาจัดระเบียบแท็กซี่เนื่องจากต้องการให้เกิดความเป็นธรรมกับแท็กซี่และผู้โดยสาร