ม นอ องไหล ผบ.ส งส ดเม ยนมาไปเย อนอ นเด ย

ผู้นำรัฐประหารเมียนมา "พล.อ.มิน อ่อง หล่าย" สหายทหารไทย ลูกบุญธรรม "พล.อ.เปรม" ย้อนความผูกพัน "ป๋า"

เส้นทาง “อองซานซูจี” จากลูกสาววีรบุรุษ สู่ไอคอนผู้ใฝ่หาประชาธิปไตย

บรรยากาศพร้อมไทม์ไลน์ "การประกาศยึดอำนาจรัฐบาลเมียนมา"

อัปเดต รัฐประหาร เมียนมา ด่วน! ประกาศภาวะฉุกเฉิน 1 ปี ยึดอำนาจบริหาร-นิติบัญญัติ-ตุลาการทั้งหมด

มินอ่องหล่าย เป็นนายพลกองทัพเมียนมา ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้นำในทางพฤตินัยของประเทศคนปัจจุบัน และยังเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพเมียนมา เขาเข้ายึดอำนาจในฐานะผู้นำรัฐในการรัฐประหารเมียนมาคครั้งล่าสุดวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

มินอ่องหล่าย เกิดเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2499 ที่เมืองทวาย ประเทศพม่า (ปัจจุบันคือเมืองทวายประเทศเมียนมา) พ่อของเขาชื่อ ต่องหล่าย เป็นวิศวกรโยธาซึ่งทำงานอยู่ที่กระทรวงการก่อสร้าง

มินอ่องหล่ายสอบผ่านการคัดเลือกทหารในปี พ.ศ. 2515 ที่โรงเรียนการศึกษาขั้นพื้นฐานมัธยมปลาย 1 ลาธาแห่งย่างกุ้ง (BEHS 1 Latha of Rangoon) ต่อมาเขาเข้าศึกษากฎหมายที่มหาวิทยาลัยศิลปะและวิทยาศาสตร์ย่างกุ้ง (Rangoon Arts and Science University) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515-2516 ก่อนจะเข้าร่วมสถาบันป้องกันรุ่นที่ 19 ในปี พ.ศ. 2517 หลังความพยายาม 3 ครั้ง และได้ติดยศจ่า

ในปี พ.ศ. 2520 มินอ่องหล่ายได้ติดยศร้อยตรีในกองทัพ และหลังจากสำเร็จการศึกษา เขาได้เข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการในรัฐมอญ และในปี พ.ศ. 2545 เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้บัญชาการกองบัญชาการในรัฐฉานตะวันออก และเป็นตัวตั้งตัวตีในการเจรจากับกลุ่มกบฏ 2 กลุ่มคือกองทัพรัฐว้า (UWSA) และกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติ (NDAA)

เขาเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังในปี พ.ศ. 2552 หลังจากเป็นผู้นำในการต่อต้านกองกำลังพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมาที่ก่อความไม่สงบในโกก้าง

ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2553 มินอองหล่ายได้เข้ามาแทนที่นายพลฉ่วยมานในตำแหน่งเสนาธิการร่วมกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ

มินอ่องหล่ายขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด บังคับบัญชาสำนักงานทหารสูงสุดที่เรียกว่า “ทัตมาดอว์” เมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554 แทนที่ประมุขแห่งรัฐและหัวหน้าคณะรัฐบาลทหารเดิมคือนายพลอาวุโสตานฉ่วย

เขายังเป็นสมาชิกของสภาป้องกันและความมั่นคงแห่งชาติ (NDSC) ซึ่งมีประธานาธิบดีแห่งเมียนมาเป็นประธาน

ต่อมาเมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555 รัฐบาลเมียนมาประกาศว่า มินอ่องหล่ายได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นรองนายพลอาวุโส ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดอันดับ 2 ของกองทัพเมียนมา และได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นนายพลอาวุโสในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2556

ในวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ทัตมาดอว์ได้ประกาศตำแหน่งพลเอกอาวุโสให้นายพลมินอองหล่าย ซึ่งมีสถานะเทียบเท่ากับรองประธานาธิบดีเมียนมา

ล่าสุด พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ประกาศยึดอำนาจบริหาร-นิติบัญญัติ-ตุลาการทั้งหมด พร้อมประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 1 ปี พร้อมตัดสัญญาณโทรคมนาคมจากส่วนกลางทั้งหมด พร้อมตั้ง อูมินต์ ส่วย อดีตมุขมนตรีย่างกุ้ง รองประธานาธิบดีสายทหาร เป็นประธานาธิบดีชั่วคราว

ม นอ องไหล ผบ.ส งส ดเม ยนมาไปเย อนอ นเด ย

ที่ผ่านมา มินอ่องหล่ายถูกวิพากษ์วิจารณ์ต่อเนื่องในประเด็นเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการทุจริตคอร์รัปชัน

คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) รายงานว่า ทหารของมินอ่องหล่าย จงใจพุ่งเป้า เลือกปฏิบัติ และละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชนกลุ่มน้อยในรัฐยะไข่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาถูกกล่าวหาว่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญา

สื่อโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่อย่างเฟซบุ๊กเอง ก็ออกคำสั่งห้ามมินอองหล่ายใช้แพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่และองค์กรระดับสูงของพม่าอีก 19 รายชื่อ เพื่อป้องกันความตึงเครียดทางเชื้อชาติและศาสนาในเมียนมา ต่อมา ทวิตเตอร์แบนเขาในวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2561 ส.ส.ชาวอาระกันได้เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกถึงมินอ่องหล่าย เกี่ยวกับพฤติการณ์ละเมิดิทธิมนุษยชนหลายครั้งของทัตมาดอว์ในรัฐยะไข่ สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือน รวมถึงอาคารมรดกทางวัฒนธรรมบางส่วนด้วย

ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2561 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาสั่งห้ามไม่ให้มินอ่องหล่ายเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา และในเดือนธันวาคมปี พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา บริษัทหลายแห่งของมินอ่องหล่ายถูกแช่แข็งทรัพย์สินที่อยู่ในอเมริกา รวมถึงห้ามการทำธุรกรรมทางการเงินใดระหว่างเขากับใครก็ตามในสหรัฐอเมริกา

มินอ่องหล่ายยังมีประเด็นเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางธุรกิจของครอบครัว และความขัดแย้งทางผลประโยชน์ โดยเขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน Myanmar Economic Holdings Limited (MEHL) ที่เป็นเจ้าของเป็นทหาร ในช่วงปีงบประมาณ 2553–54 เขามีหุ้น 5,000 หุ้น และได้รับเงินปันผลประจำปีถึง 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.5 ล้านบาท)

นอกจากนี้ ลูกชายของมินอ่องหล่ายยังเป็นเจ้าของบริษัทเอกชนหลายแห่ง รวมถึง Sky One Construction Company และ Aung Myint Mo Min Insurance Company และยังถือหุ้นใหญ่ใน Mytel ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมระดับชาติ ในปี พ.ศ. 2556 ลูกชายของเขาได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลโดยไม่ต้องผ่านการประมูล ให้สามารถเช่าที่ดินเพื่อทพการประกอบการได้เป็นเวลา 30 ปีที่ Yangon People's Park ซึ่งเป็นที่ตั้งร้านอาหารและหอศิลป์ระดับไฮเอนด์

ยังมีลูกสาวและลูกสะใภ้ของเขา ที่ก่อตั้งสตูดิโอภาพยนตร์ใหญ่ 7th Sense Film Production และบริษัทบันเทิงอีกแห่ง Stellar Seven Entertainment ในปี พ.ศ. 2560 โดยหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตถึงฐานะที่ร่ำรวยผิดปกติของมินอ่องหล่าย