การว ดอ ณหภ ม ต แช ช องใส ต อสาย

ใช้อุปกรณ์ iOS และ iPadOS ในที่ซึ่งมีอุณหภูมิระหว่าง 0º และ 35º C (32º ถึง 95º F) สภาวะอุณหภูมิที่ต่ำหรือสูงกว่านี้อาจทำให้อุปกรณ์ของคุณมีการทำงานที่เปลี่ยนไปเพื่อปรับอุณหภูมิของเครื่องให้เป็นปกติ การใช้อุปกรณ์ iOS หรือ iPadOS ในสภาวะที่ร้อนจัดอาจส่งผลให้ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่สั้นลงอย่างถาวร

เก็บอุปกรณ์ของคุณในที่ที่มีอุณหภูมิระหว่าง -20º ถึง 45º C (-4º ถึง 113º F) ห้ามทิ้งอุปกรณ์ไว้ในรถยนต์ เพราะอุณหภูมิในรถที่จอดไว้อาจเกินช่วงอุณหภูมินี้ได้

การว ดอ ณหภ ม ต แช ช องใส ต อสาย

อุปกรณ์ของคุณอาจจะร้อนขึ้น

คุณอาจสังเกตเห็นว่าอุปกรณ์ของคุณอุ่นขึ้นเมื่อคุณ:

  • ตั้งค่าอุปกรณ์ของคุณในครั้งแรก
  • กู้คืนจากข้อมูลสำรอง
  • ชาร์จอุปกรณ์ของคุณแบบไร้สาย
  • ใช้แอป เกม หรือคุณสมบัติที่เน้นกราฟิกหรือการประมวลผลมาก รวมถึงแอปที่ใช้เทคโนโลยีความจริงเสริม
  • สตรีมวิดีโอคุณภาพสูง

เงื่อนไขเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ และอุปกรณ์ของคุณจะกลับไปเป็นอุณหภูมิปกติเมื่อกระบวนการเสร็จสิ้นหรือเมื่อคุณทำกิจกรรมเสร็จ หากอุปกรณ์ของคุณไม่แสดงคำเตือนอุณหภูมิ คุณสามารถใช้อุปกรณ์ต่อไปได้

การว ดอ ณหภ ม ต แช ช องใส ต อสาย

หากอุปกรณ์ร้อนเกินไป

อุปกรณ์ iOS และ iPadOS มีการป้องกันในตัวเพื่อป้องกันความร้อนสูงเกินไป หากอุปกรณ์ภายในเครื่องสูงเกินช่วงอุณหภูมิในการทำงานปกติ อุปกรณ์ของคุณจะป้องกันส่วนประกอบภายในด้วยการปรับอุณหภูมิเครื่องเอง

หลีกเลี่ยงสภาวะและกิจกรรมเหล่านี้ เนื่องจากอาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์ของคุณเปลี่ยนแปลงได้

  • ทิ้งอุปกรณ์ของคุณไว้ในรถยนต์ในวันที่อากาศร้อน
  • ทิ้งอุปกรณ์ของคุณให้สัมผัสกับแดดโดยตรงเป็นเวลานาน
  • การใช้คุณสมบัติบางอย่างในที่ร้อนหรือโดยแสงโดยตรงเป็นเวลานาน อย่างเช่น การติดตามโดยใช้ GPS หรือการนำทางในรถยนต์ การเล่นเกมที่ต้องใช้กราฟิกมากๆ หรือการใช้แอปความจริงเสริม

หากอุณหภูมิภายในอุปกรณ์ของคุณเกินช่วงการทำงานปกติ คุณอาจสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้:

  • การชาร์จ ซึ่งรวมถึงการชาร์จแบบไร้สาย อุปกรณ์ทำงานช้าหรือหยุดทำงาน
  • จอแสดงผลหรี่แสงหรือหน้าจอมืด
  • วิทยุที่ใช้สัญญาณเซลลูลาร์จะเข้าสู่สภาวะการใช้พลังงานต่ำ สัญญาณอาจจะอ่อนลงในช่วงเวลานี้
  • แฟลชของกล้องจะปิดใช้งานชั่วคราว
  • ประสิทธิภาพการทำงานช้าลงเมื่อใช้แอปหรือคุณสมบัติที่ใช้กราฟิกมากหรือเป็นแบบความจริงเสริม

นอกจากนี้ หากคุณใช้การนำทางอยู่ อุปกรณ์ของคุณอาจแสดงการเตือนนี้แล้วปิดจอภาพ "อุณหภูมิ: ต้องให้ iPhone เย็นลง" การนำทางยังคงให้บริการระบบนำทางด้วยเสียงแบบเลี้ยวต่อเลี้ยวอยู่ เมื่อถึงทางเลี้ยว จอแสดงผลจะสว่างขึ้นเพื่อนำทางคุณให้เลี้ยว

การว ดอ ณหภ ม ต แช ช องใส ต อสาย

หากอุปกรณ์ของคุณเย็นเกินไป

การใช้อุปกรณ์ iOS หรือ iPadOS ในสภาพอากาศที่เย็นจัดซึ่งอยู่นอกช่วงอุณหภูมิที่เครื่องทำงาน อาจทำให้ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่สั้นลงชั่วคราว และอาจทำให้อุปกรณ์ของคุณปิดการทำงานได้ ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่จะกลับสู่ภาวะปกติเมื่อคุณนำอุปกรณ์กลับสู่อุณหภูมิแวดล้อมที่สูงขึ้น

อุปกรณ์ iOS หรือ iPadOS ของคุณอาจไม่ชาร์จหรือหยุดชาร์จได้หากเครื่องเย็นเกินไป

การว ดอ ณหภ ม ต แช ช องใส ต อสาย

หากการแจ้งเตือนการชาร์จถูกระงับปรากฏขึ้น

หากข้อความนี้ปรากฏบนหน้าจอล็อค: "การชาร์จหยุดพักอยู่ จะชาร์จต่อเมื่ออุณหภูมิ [อุปกรณ์] กลับเป็นปกติ" ดูสิ่งที่ควรทำ

การว ดอ ณหภ ม ต แช ช องใส ต อสาย

หากหน้าจอการแจ้งเตือนอุณหภูมิปรากฏขึ้น

หากอุปกรณ์ของคุณมีอุณหภูมิสูงเกินขีดจำกัดของอุณหภูมิที่กำหนด จะแสดงหน้าจอการแจ้งเตือนอุณหภูมิที่คล้ายเช่นนี้:

การว ดอ ณหภ ม ต แช ช องใส ต อสาย

iPhone ที่แสดงข้อความนี้อาจยังคงสามารถใช้โทรฉุกเฉินได้อยู่

หากต้องการใช้อุปกรณ์ต่อโดยเร็วที่สุด ให้ปิดเครื่อง ย้ายอุปกรณ์ไปยังสภาพแวดล้อมที่เย็นกว่า (ห่างจากแสงแดดโดยตรง) และปล่อยให้เครื่องเย็นลง

การว ดอ ณหภ ม ต แช ช องใส ต อสาย

หากการแจ้งเตือนการกู้คืนหยุดพักอยู่ปรากฏขึ้น

หากอุปกรณ์ของคุณเกินเกณฑ์อุณหภูมิขณะกู้คืนข้อมูลจากข้อมูลสำรอง iCloud การกู้คืนของคุณอาจหยุดลงชั่วคราว ข้อความนี้จะปรากฏขึ้น: "การกู้คืนหยุดพักอยู่ การกู้คืนจาก iCloud จะทำต่อเมื่อ [อุปกรณ์] เครื่องนี้เย็นลง"

การหยุดพักนี้ช่วยให้อุปกรณ์ของคุณอยู่ในช่วงอุณหภูมิที่ยอมรับได้ การกู้คืนจะกลับมาดำเนินการต่อเมื่อเครื่องเย็นลง

การว ดอ ณหภ ม ต แช ช องใส ต อสาย

เกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัย

อุปกรณ์ iOS และ iPadOS เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยของอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศ IEC 60950-1 และ IEC 62368-1 ซึ่งหลายประเทศและภูมิภาคได้ใช้มาตรฐานความปลอดภัยนี้ ดังนี้:

Temperature Sensor มีกี่ประเภท

เซนเซอร์อุณหภูมิมีสองประเภทหลักๆ คือ เซนเซอร์อุณหภูมิชนิดสัมผัส และเซนเซอร์อุณหภูมิชนิดไม่สัมผัส เซนเซอร์อุณหภูมิชนิดสัมผัสจะต้องมีการสัมผัสทางกายภาพกับวัตถุที่ตรวจจับและใช้การกระแสเพื่อตรวจสอบความเปลี่ยนแปลง เซนเซอร์อุณหภูมิชนิดไม่สัมผัสจะใช้การพาความร้อนหรือการแผ่รังสีเพื่อตรวจสอบความเปลี่ยนแปลง

DHT11กับDHT22ต่างกันยังไง

เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิตระกูล DHT จะแบ่งได้หลายรุ่น โดยแต่ละรุ่นจะมีขนาด และความละเอียดในการวัดต่างกัน สำหรับรุ่น DHT11 และ DHT22 ที่ยกมานี้ จะมีความแตกต่างที่ DHT22 จะวัดค่าได้ความละเอียด 0.1 องศาเซลเซียส แต่ DHT11 จะวัดได้ที่ความละเอียด 1 องศาเซลเซียส ทั้งนี้ราคาของ DHT11 และ DHT22 จะห่างกันไม่มากนัก ผู้เขียนแนะนำให้ใช้ ...

เซ็นเซอร์วัดความชื้น มีกี่ประเภท

เซนเซอร์วัดความชื้นทำงานโดยตรวจจับความเปลี่ยนแปลงที่เปลี่ยนกระแสไฟฟ้าหรืออุณหภูมิในอากาศ โดยเซนเซอร์วัดความชื้นมีสามประเภทหลักๆ คือ Capacitive Resistive และ ความร้อน ทั้งสามชนิดจะตรวจจับความเปลี่ยนแปลงในบรรยากาศเพียงเล็กน้อยได้เพื่อคำนวณความชื้นในอากาศ

Humidity Sensor ใช้ทําอะไร

เซ็นเซอร์วัดความชื้น (Humidity Sensor) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับวัดค่าความชื้น โดยความชื้นนี้มาจากความชื้นสัมพันธ์ (Relative Humidity หรือ RH) ซึ่งความชื้นสัมพันธ์หมายถึง “อัตราส่วนของปริมาณไอน้ำที่มีอยู่จริงในอากาศต่อปริมาณไอน้ำที่จะทำให้อากาศอิ่มตัว ณ อุณหภูมิเดียวกัน” หรือ “อัตราส่วนของความดันไอน้ำที่มีอยู่จริงต่อความ ...