มีงานวิจัยระบุว่าพบเจอได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย โดยเฉลี่ยถึงร้อยละ 40 เนื่องด้วยเมื่ออายุมากขึ้น อารมณ์ทางเพศมักลดลง โดยสาเหตุที่เกี่ยวข้องคือโรคภัยไข้เจ็บ ความชราภาพ (Aging) ไม่มีคู่ครอง ทั้งยังเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะวิถีชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน ที่มักอยู่อย่างสันโดษ อาจเกี่ยวข้องกับความเครียดเรื่องเศรษฐกิจ ไม่มีเวลา ไม่ได้ออกกำลังกาย พักผ่อนไม่พอ รับประทานอาหารไม่ครบหมู่ มีความขัดแย้งทั้งส่วนตัวและสังคม ไปจนสุขภาพทรุดโทรม Show
แต่เมื่อตัดภาพมาที่ชีวิตจริง การคงอารมณ์ทางเพศให้อยู่ในระดับ ‘ดี’ ก็คงไม่ต่างกับเรื่องทุกเรื่องในชีวิต นั่นคือต้องใช้ความมานะพยายาม นอกจากนั้นยังต้องมีการสื่อสารที่ดีกับฝ่ายตรงข้าม และมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน อารมณ์ทางเพศของหญิงกับชายนั้นแตกต่างกันค่ะ ฝ่ายชายอาศัยการทำงานของฮอร์โมนเพศชาย เทสโทสเตอโรน (Testosterone) เป็นหลัก ในขณะฝ่ายหญิงนั้นนอกจากจะมีฮอร์โมนเพศชายแล้ว ยังมีฮอร์โมนเพศหญิง เอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) เป็นตัวถ่วงดุล อารมณ์ทางเพศของฝ่ายชายจึงเป็นแบบก้าวร้าวมากกว่า หากอยากมีเพศสัมพันธ์จึงห้ามได้ยากกว่า ทั้งยังเกิดอารมณ์ได้ง่ายกว่าฝ่ายหญิง หากมีตัวกระตุ้น อาทิ หนังโป๊ ภาพเปลือย เห็นผู้หญิงที่ชอบ ก็อาจเกิดอารมณ์ได้ง่ายๆ มาที่ฝ่ายหญิงกันบ้าง อารมณ์ทางเพศของผู้หญิงนั้นเป็นอารมณ์อ่อนโยน โรแมนติก และกระตุ้นได้ด้วยคำพูดหวานๆ ความผูกพัน ความสัมพันธ์ที่ดี สัมผัสที่นุ่มนวล เมื่อคุณผู้หญิงเครียด ไม่ว่าจะเรื่องงาน การเลี้ยงดูลูก ปัญหาการเงิน ฯลฯ จึงรู้สึกไม่มีอารมณ์คึกคัก ตรงข้ามกับคุณผู้ชายที่ยิ่งเครียด อาจยิ่งมีอารมณ์ นั่นเป็นเหตุผลให้ฝ่ายชายหลายๆ คนเลือกใช้การมีเพศสัมพันธ์เป็นเครื่องมือดับความเครียด แต่อย่าลืมว่าเรื่องบนเตียงเป็นเรื่องของคนสองคน ดังนั้น การแบ่งปัน เอื้ออาทร เข้าใจถึงอีกฝ่าย จึงช่วยสร้างความสุขให้เกิดร่วมกัน จึงต้องปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกัน ดังนั้นหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มีอารมณ์ทางเพศ ไม่มีความสุขจากเพศสัมพันธ์ ความทุกข์ ความกระวนกระวาย ความหดหู่จากปัญหา มีส่วนทำให้ความสัมพันธ์หรือครอบครัวแตกร้าวในที่สุด ไม่มีอารมณ์ฮิฮะเลย ควรทำอย่างไร1. ไม่ต้องทำอะไร หากไม่มีคู่ หรือไม่มีปัญหาในการใช้ชีวิต อย่าลืมว่าเวลาของคนเรามีจำกัด ดังนั้นหากเราไม่เสียเวลากับเรื่องเซ็กซ์ เราสามารถเอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์ได้ หรือออกไปทำอะไรสนุกๆ ที่อยากทำ 2. หาสาเหตุและแก้ไขเบื้องต้น เช่น หาสาเหตุของความเครียด แก้ปัญหาสัมพันธภาพไม่ดี ไปจนใช้เจลในกรณีที่มีน้ำหล่อลื่นน้อย หรือพบแพทย์หากมีโรคเรื้อรังกำเริบ 3. จัดสรรเวลาให้ดี ควรแบ่งเวลาดูแลตนเองเสียหน่อย หันมาดูแลรูปร่าง สุขภาพ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกาย หรือทำในสิ่งที่ชอบ ทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น เพื่อน ครอบครัว ส่วนรวม และจัดสรรเวลากุ๊กกิ๊กโรแมนติก จุดเทียนหอม หรือชวนกันเปลี่ยนบรรยากาศ ออกเดินทางกับคนข้างตัวเสียหน่อย 4. ดูแลรูปลักษณ์ งานวิจัยพบว่าคนที่หน้าตา รูปร่าง หรือบุคลิกภาพดี ไม่น้ำหนักเกิน และมีความมั่นใจในตนเอง มักมีอารมณ์ทางเพศมากกว่า ดังนั้นควรเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง ด้วยการดูแลตัวเอง เสริมหล่อเติมสวยกันเสียหน่อยก็คงไม่ผิด 5. สื่อสารกับคู่ของคุณ ปัญหาบนเตียงมักมาจากนอกเตียง ตามธรรมเนียมไทย เรื่องเซ็กซ์นั้นอาจจะพูดกันยาก ถือเป็นเรื่องกระดากปาก แต่ทุกปัญหาเบื้องต้นสามารถแก้ด้วยการสื่อสาร หากพูดถึงตัวปัญหาโดยตรงไม่ได้ อาจไปร้านหนังสือหรือห้องสมุด หาหนังสือความรู้เกี่ยวกับเซ็กซ์ที่ใกล้เคียงกับปัญหามาศึกษาร่วมกัน ปรึกษาผู้รู้ร่วมกันเพื่อหาทางออก 6. พบแพทย์ การไม่มีความรู้สึกทางเพศเลย อาจเกิดจากโรคที่เป็น ยาที่รับประทาน หรือมีโรคเรื้อรังซ่อนเร้นที่เป็นสาเหตุ เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคข้อ โรคภูมิแพ้ ก็เป็นได้ ดังนั้นหากอยากเช็กให้ชัวร์ หมอแนะให้ไปปรึกษาแพทย์เพื่อความสบายใจค่ะ ผู้หญิงจากเริ่มกระตุ้นจนถึงระยะPlateau phase ต้องใช้เวลารวม21-23นาที..... จึงเข้าระยะOrgasmic Phaseแล้วอยู่ได้ยาว และถึงได้หลายๆรอบ เวลามาตรฐานคือ 40นาทีครับ ..... กอดจูบ5นาที กระตุ้นอวัยวะผู้หญิง15นาที(การเล้าโลม) ทั้งชายและหญิงจะอยู่ในระยะPlateau phase(อวัยวะของทั้ง2เพศขยายตัวเต็มที่ รับความรู้สึกเสียวได้เต็มที่) จุดนี้คือเวลาที่ควรสอดใส่ แล้วทำๆหยุดๆอีก20นาทีหรือมากกว่าครับ(ต่ำสุดคือ8.7นาทีขึ้นไป) *ผู้ชายจากเริ่มกระตุ้นตัวเองให้แข็ง จะใช้เวลาเฉลี่ย20-35นาที ก่อนที่จะอ่อนตัว......ถ้าใส่ถูกเวลาผู้หญิงถึงแน่นอนครับ จะอยู่ในระยะOrgasmic Phaseกี่นาทีและถึงกี่ครั้งเท่านั้นเอง *ปัญหาที่ทำการบ้านไม่สำเร็จคือ ใส่ก่อนเวลา(อวัยวะของผู้หญิงยังไม่ขยายตัวเต็มที่)ทำให้ผู้หญิงเจ็บหรือไม่รู้สึกเสียว ส่งผลให้ระยะPlateau phaseของผู้หญิงนานเพิ่มขึ้น .....ผู้ชายจึงหมดเวลาก่อนผู้หญิงเข้าระยะOrgasmic Phaseครับ (ผลสำรวจของดูเร็ก.....ผู้หญิงไทยไม่เคยถึงจุดสุดยอดกับผู้ชายไทย70%) ......หมายถึง มีผู้ชายไทยทำการบ้านเป็นแค่30%เองครับ - -* ปัญหานอกใจของประเทศเราจึงสูงมาก ปล. อ่านข้อมูลวิทยาศาสตร์เรื่องนี้เลยครับ http://pantip.com/topic/31883472 หวังว่าจะช่วยแก้ปัญหาครอบครัวและลดปัญหาการนอกใจได้นะครับ (เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับลีลาหรอกครับ มันเป็นความเชื่อผิดๆ.... ความจริงแล้วมันเกี่ยวกับเวลา) จากการสำรวจโดย National Health and Social Life Survey (NHSLS) ปี พ.ศ. 2542 ที่ผ่านมาในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่ามีความผิดปกติทางเพศที่เกิดขึ้นกับเพศหญิงที่มีอายุระหว่าง 18 – 59 ปีถึงร้อยละ 43 ซึ่งสูงกว่าเพศชายในการสำรวจคราวเดียวกัน ที่พบความผิดปกติเพียงร้อยละ 31 เท่านั้น โดยเพศหญิงกว่า 1 ใน 3 จะมีความต้องการทางเพศลดลงหรือไม่มีเลย เกือบ 1 ใน 4 ไม่สามารถเข้าถึงระยะสุดยอดทางเพศได้ และร้อยละ 20 มีความเจ็บปวดระหว่างประกอบกิจการทางเพศ Sexual Response Cycle (วงจรการตอบสนองทางเพศ)1. Desire or Excitement Phase (ระยะความต้องการทางเพศ) ระยะนี้อาจจะใช้เวลาตั้งแต่เป็นนาทีหรือหลายชั่วโมง มีลักษณะที่จำเพาะหลายอย่าง ดังต่อไปนี้
2. Arousal or Plateau Phase (ระยะตื่นตัวทางเพศ)
3. Orgasm Phase (ระยะสุดยอดทางเพศ) ระยะนี้เป็นระยะที่สูงสุด ของวงรอบการตอบสนองทางเพศ Sexual Response cycle ระยะนี้เป็นระยะที่ใช้เวลาสั้นที่สุดคือ เพียงประมาณไม่กี่วินาที ลักษณะที่สำคัญคือ
4. Resolution Phase (ระยะกลับสู่ภาวะปกติ) ในระยะนี้ส่วนต่างๆของร่างกายที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในช่วงที่มีกิจกรรมทางเพศจะเริ่มค่อยๆกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ส่วนของร่างกายที่มีการบวม เกร็งแข็ง ก็จะเริ่มอ่อนตัวลง และสีก็จะกลับมาเป็นสีปกติของร่างกายส่วนนั้นๆ ผู้ผ่านเข้ามาถึงระยะนี้จะมีความรู้สึกเป็นสุข สบายตัว มีความผูกพันใกล้ชิดกับคู่ของตน และมีอาการอ่อนล้าด้วย ในผู้หญิงบางคนสามารถกลับเข้าสู่ระยะ Orgasm ได้อีกในระยะเวลาอันสั้น ถ้าได้รับการกระตุ้นทางเพศอีกอย่างต่อเนื่อง และผู้หญิงบางคนสามารถมี Orgasm ได้หลายๆ ครั้งติดกัน Classification of Female Sexual Dysfunction (การแบ่งประเภทของความบกพร่อง)
ความผิดปกติในระยะความต้องการทางเพศ (Female Sexual Desire Disorders : FSDD)หมายถึงสภาวะที่ความต้องการทางเพศลดลงกว่าที่ควรจะเป็น หรือไม่มีความต้องการทางเพศเลย ซึ่งแต่ละบุคคลมีความต้องการทางเพศพื้นฐานที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นจึงต้องคำนึงถึงระดับความสนใจทางเพศในอดีตมาเปรียบเทียบด้วยในการวินิจฉัย ความผิดปกติในระยะความต้องการทางเพศนี้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
ความผิดปกติในระยะตื่นตัวทางเพศ (Female Sexual Arousal Disorders : FSAD)หมายถึงการที่ร่างกายไม่สามารถตอบสนองต่อการกระตุ้นทางเพศ หรือไม่มีการตื่นตัวทางเพศ (Frigidity) เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน อาจเกิดจากสาเหตุทางร่างกายและจิตใจ การขาดเลือดไปหล่อเลี้ยงช่องคลอดเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะนี้ ทำให้การร่วมเพศมีอาการเจ็บปวด สาเหตุทางร่างกายสามารถทำให้เกิดความบกพร่องทางเพศได้ประมาณร้อยละ 20-50 โดยเฉพาะในผู้หญิงสูงวัย ซึ่งอาจแบ่งสาเหตุได้ดังนี้ 1. ระบบหลอดเลือด พบในกลุ่มสตรีที่มีความเสี่ยง เช่น เป็นเบาหวาน สูบบุหรี่จัด ไขมันในเลือดสูง หรือมีความดันโลหิตสูง ปัญหาของหลอดเลือดแบ่งเป็น
2. ระบบประสาท พบในสตรีที่เคยมีอุบัติเหตุเกี่ยวกับไขสันหลัง หรือมีโรคที่มีผลต่อระบบประสาทเกี่ยวกับการตอบสนองต่อการตื่นตัวทางเพศ 3. ระบบฮอร์โมนต่อมไร้ท่อ ในกลุ่มสตรีที่หมดประจำเดือน หรือการทำงานของรังไข่ล้มเหลวก่อนกำหนด รวมไปถึงผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดมาเป็นระยะเวลานาน ทำให้มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และเทสโทสเทอโรน (Testosterone) ต่ำ ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ต่ำทำให้ช่องคลอดแห้งจากการผลิดสารคัดหลั่งในช่องคลอดลดลง การหมุนเวียนของโลหิตไปยัง Clitoris ลดลง ส่วนการขาดฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนทำให้ความต้องการทางเพศของสตรีลดลงเช่นกัน 4. ระบบกล้ามเนื้อ ปกติการตอบสนองทางเพศในผู้หญิงจะมีระบบกล้ามเนื้อมาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ Bulbocarvernosus และ Ischiocarvernosus ที่จะหดรัดตัวเมื่อมีความรู้สึกสุดยอดทางเพศและจะรัดตัวเป็นจังหวะ ถ้ากล้ามเนื้อเหล่านี้มีความบกพร่อง การหดรัดตัวจะไม่แรงและทำให้ไม่มีความสุขเท่าที่ควร 5. ระบบจิตใจ จิตใจและอารมณ์ที่ผิดปกติหรือเปลี่ยนแปลงอาจมีผลต่อการตื่นตัวทางเพศในผู้หญิงได้ โดยสาเหตุทางจิตใจสามารถแบ่งได้ดังนี้
ความผิดปกติในระยะสุดยอดทางเพศ (Female Orgasmic Disorders : FOD)หมายถึง มีความยากลำบาก ล่าช้า หรือไม่สามารถเข้าถึงการสนองตอบทางเพศระยะสุดยอดทางเพศได้ แม้จะได้รับการกระตุ้นเร้าและมีการตื่นตัวทางเพศอย่างเพียงพอแล้วก็ตาม ทำให้เกิดปัญหาความยากลำบากขึ้นในตนเอง พบได้ประมาณร้อยละ 33 ของผู้หญิงที่สมรสแล้ว ความผิดปกติในระยะนี้แบ่งออกเป็น 4 ชนิด คือ
สาเหตุของความผิดปกติในระยะสุดยอดทางเพศมักคล้ายคลึงกับสาเหตุของความผิดปกติในระยะตื่นตัวทางเพศทั้งทางร่างกายและจิตใจ ดังต่อไปนี้ 1. สาเหตุทางจิตใจ เกิดจากความวิตกกังวลขณะร่วมเพศ – วิตกว่าจะปฎิบัติกิจกรรมทางเพศได้ไม่ดี – วิตกว่าจะไม่บรรลุความสุขสุดยอดทางเพศ – กลัวการตั้งครรภ์ หรือกลัวการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ – กลัวจะควบคุมตัวเองไม่ได้ขณะบรรลุความสุขสุดยอดทางเพศ เช่น ร้องกรี๊ด หรือปัสสาวะราด 2. เทคนิคการร่วมเพศ ถ้าไม่ดีพอ ผู้หญิงจะไม่มีความสุขสุดยอด เช่น การเล้าโลม (Foreplay) ที่น้อยเกินไป ฝ่ายชายขาดความนุ่มนวลอ่อนโยน ไม่สนใจที่จะเรียนรู้ความต้องการของฝ่ายตรงข้าม รวมถึงระยะเวลาที่องคชาติอยู่ในช่องคลอด ถ้าน้อยกว่า 1 นาที ผู้หญิงส่วนใหญ่จะไม่ถึงจุดสุดยอด ระหว่าง 1-11 นาที ผู้หญิงร้อยละ 50 จะถึงจุดสุดยอด และถ้ามากกว่า 16 นาที ผู้หญิงเกือบทุกคนจะถึงจุดสุดยอด แต่ในความเป็นจริง ผู้ชายส่วนใหญ่จะหลั่งน้ำกามภายใน 3-4 นาทีหลังสอดใส่องคชาติเข้าในช่องคลอด การรักษาภาวะความผิดปกติในระยะสุดยอดทางเพศ จะต้องตรวจหาความผิดปกติทางร่างกายให้ได้ก่อน หากมีความผิดปกติตามร่างกายให้รักษาตามความผิดปกติหรือโรคนั้นๆก่อน ส่วนการรักษาอื่นๆ มีวิธีการดังต่อไปนี้
ความเจ็บปวดทางเพศ (Female Sexual Pain Disorders)หมายถึง ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นที่อวัยวะเพศระหว่างมีสัมพันธ์ทางเพศ ทำให้เกิดปัญหาความยากลำบากขึ้นในตนเอง แบ่งออกเป็น 1. ความเจ็บปวดระหว่างประกอบกิจทางเพศ (dyspareunia) หมายถึง ความเจ็บปวดที่อวัยวะเพศที่เกิดขึ้นระหว่างหรือหลังประกอบกิจทางเพศ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากความผิดปกติทางร่างกาย ได้แก่ การอักเสบติดเชื้อในอวัยวะเพศภายนอก (vulvar vestibulitis) ช่องคลอดอักเสบ (vaginitis) ช่องคลอดฝ่อเหี่ยวลง (senile vaginal atrophy) ในวัยหมดประจำเดือน ส่วนสาเหตุทางจิตใจ ได้แก่ ความวิตกกังวลกลัว หรือได้รับการกระตุ้นเร้าทางเพศไม่เพียงพอทำให้น้ำเมือกและสารคัดหลั่งถูกขับออกมาน้อย 2. ความเจ็บปวดจากการเกร็งตัวของปากช่องคลอด (vaginismus) หมายถึง ความเจ็บปวดที่อวัยวะเพศ ที่เกิดขึ้นจากการหดเกร็งตัวแน่นอย่างไม่ตั้งใจของกล้ามเนื้อรอบปากช่องคลอดส่วนล่าง คือ Levator Ani Muscle ระหว่างพยายามสอดใส่องคชาต นิ้วมือ หรือเครื่องมือเข้าไปในช่องคลอด ส่วนใหญ่เกิดจากสาเหตุทางจิตใจ ได้แก่ ความกลัว ความเจ็บปวดครั้งแรกจากการตรวจภายใน หรือการประกอบกิจทางเพศ สำหรับสาเหตุทางร่ายกายที่พบ ได้แก่ การอักเสบเรื้อรังในช่องเชิงกราน (Chronic Pelvic Inflammatory Disease ; Chronic PID) หรือ Endometriosis เป็นต้น 3. ความเจ็บปวดจากสัมพันธ์ทางเพศอื่น (noncoital sexual pain disorder) หมายถึง ความเจ็บปวดที่อวัยวะเพศ ที่เกิดขึ้นระหว่างการกระตุ้นเร้าทางเพศ โดยไม่มีการประกอบกิจทางเพศ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากความผิดปกติทางร่างกาย ได้แก่ ความผิดปกติพิการของอวัยวะเพศ การบาดเจ็บที่อวัยวะเพศ Endometriosis การติดเชื้ออักเสบที่อวัยวะเพศ เช่น Herpes Simplex Virus หรือ Vestibulitis การรักษาความความเจ็บปวดทางเพศ ควรเริ่มต้นจากการค้นหาสาเหตุทางกาย และแยกออกไปรักษาตามโรคและสาเหตุที่ตรวจพบ ส่วนการรักษาด้านอื่นๆมีหลักการดังนี้
หลักในการรักษาความบกพร่องทางเพศโดยรวม (Treatment of Female Sexual Dysfunction)
การรักษาด้วยยา (Medication)
การรักษาด้วยอุปกรณ์ (Sexual Therapy Device)1. Clitoral Therapy Device อุปกรณ์นี้ได้รับการรับรองโดย FDA (The USA Food and Drug Administration ในการใช้รักษาสตรีที่มีความผิดปกติในช่วย Arousal Phase ลักษณะเป็นถ้วยเล็กๆใช้ครอบ clitoris เมื่อกดปุ่มเปิดสวิตซ์ ถ้วยนั้นจะทำให้เกิดระบบสุญญากาศ เพิ่มเลือดมาเลี้ยง Clitoris และเพิ่มความดันบน Clitoral Nerve ทำให้การตื่นตัวทางเพศเพิ่มมากขึ้น 2. Sex Toy เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระตุ้นบริเวณรอบ ๆ อวัยวะเพศ ทั้งชายและหญิง เพื่อให้มีความรู้สึกคล้ายกับกำลังมีเพศสัมพันธ์ หรือร่วมรัก สำหรับผู้ที่ต้องการความสุขทางเพศแบบส่วนตัว หรือการช่วยตัวเองผ่าน Sex Toy แต่ในปัจจุบันมักจะถูกนำมาใช้เพื่อการกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ ให้กับคู่รักหรือคู่ขา พบว่ามีประสิทธิภาพที่ดีในการรักษาภาวะบกพร่องทางเพศ การฝึก Sensate FocusSensate Focus เป็นการปฎิบัติที่คู่สมรสต้องถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมดในห้องส่วนตัว แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ
การออกกำลังกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (Kegel’s Exercise)จุดประสงค์เพื่อทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและกลั้นปัสสาวะได้ สูติแพทย์จำเป็นต้องตรวจติดตามเพื่อดูว่าผู้ป่วยทำได้ถูกต้องหรือไม่ โดยการใช้นิ้วมือสองนิ้วสอดเข้าช่องคลอดแล้วให้ผู้ป่วยขมิบก้น ถ้ากล้ามเนื้อช่องคลอดรัดนิ้วมือ แสดงว่าผู้ป่วยทำได้ถูกต้องแล้ว การฝึกกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน มีวิธีการดังต่อไปนี้
การฝึกให้ฝึกทุกวัน ประมาณ 3-4 นาที การปฎิบัติที่ 1 และ 2 ให้ทำ 10 ครั้งต่อวัน เพิ่มเป็น 30 ครั้งต่อวันในระยะเวลา 4-6 สัปดาห์ ส่วนการปฎิบัติวิธีที่ 3 และ 4 ให้ทำวันละ 5 ครั้ง และเพิ่มเป็น 20 ครั้งในระยะเวลา 4-6 สัปดาห์ การรักษาทางจิตใจตามวิธี PLISSIT Model of Sex Therapyวิธีการรักษาปัญหาทางเพศของ Annom (1976) มี 4 ระดับ ดังนี้
การรักษาทางจิตใจตามวิธีของ Masters and Johnsonเชื่อว่าปัญหาความบกพร่องทางเพสเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ดังนั้นการรักษาจะต้องทำเป็นคู่ สามีและภรรยาจะมีแพทย์เฉพาะเพศช่วยดูแล การรักษาจะเข้มข้นใช้เวลา 2 สัปดาห์ มีการสอบถามประวัติ ตรวจร่างกาย พูดคุยอย่างละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมและความบกพร่องทางเพศ ให้ความสำคัญเกี่ยวกับความรู้และทัศนคติทางด้านลบเรื่องเพศ ลดความวิตกกังวลและช่วยส่งเสริมการสื่อสารระหว่างคู่สมรส มีกิจกรรมให้ทำที่บ้านเพื่อเพิ่มความสุขทางเพศ และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความต้องการทางเพศของกันและกัน เช่น การทำ Sensate Focus การแนะนำท่าทางที่เหมาะสมในการร่วมเพศ เป็นต้น การรักษาทางจิตใจตามวิธีของ Kaplan Modelวิธีนี้มีพื้นฐานความเชื่อในการค้นหาสาเหตุของความบกพร่องทางเพศขณะปัจจุบันและอดีต การรักษาจะรักษาสัปดาห์ละครั้ง ไม่รีบร้อน รักษาไปเรื่อยๆ ไม่จำกัดเวลา โดยมีขั้นตอนดังนี้ |