กล องต ดรถยนต แบบไม ม แบตในต ว ยพนนด

แม้สมาร์ทโฟนในตลาดจะมีมากมายหลายแบรนด์ หลายรุ่น หลายราคา หลายความจุ แต่แบตเตอรี่มือถือที่นิยมใช้ในปัจจุบันนี้ มีแค่ 2 แบบเท่านั้นครับ ได้แก่

  • Lithium Ion (Li-Ion)
  • Lithium Ion Polymer (Li-Po)

ซึ่งความแตกต่างเรื่อง อายุการใช้งาน ความจุ ฯลฯ ของแบตเตอรี่ทั้งสองแบบนี้ ก็ไม่ค่อยมีความแตกต่างกันซักเท่าไหร่ครับ เพียงแต่แบตเตอรี่แบบ Li-Po จะมีน้ำหนักที่เบากว่า ยืดหยุ่น และปลอดภัยกว่า แต่โดยรวมคือไม่แตกต่างกันมากครับ

โดยโทรศัพท์ iPhone ของ apple จะใช้แบตเตอรี่แบบ Li-Po

ส่วนของ Android รุ่นใหม่ๆ ส่วนมากก็จะเป็นแบบ Li-Po แต่ก็มีรุ่นที่ราคาถูกที่ผู้ผลิตยังเลือกใช้แบบ Li-Ion อยู่

กล องต ดรถยนต แบบไม ม แบตในต ว ยพนนด

สาเหตุที่แบตเตอรี่โทรศัพท์เสื่อม

มีเกิดก็ต้องมีดับ แฟรงค์เปิดด้วยคำคมเลยนะครับ แต่มันก็เป็นเรื่องจริง เพราะแบตเตอรี่ทุกชนิดนั้นมีอายุการใช้งานอยู่แล้ว ถ้าใช้ไปนานๆ ก็ย่อมเสื่อมสภาพเป็นธรรมดา แต่ก็มีหลายสาเหตุ ที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ จะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน

1. ใช้จนแบตหมดเกลี้ยง

เนื่องจากแบตเตอรี่แบบ Li-Po , Li-Ion ที่ใช้กันในปัจจุบัน หากปล่อยให้แบตหมดจนเหลือ 0% บ่อยๆ จะยิ่งทำให้แบตเสื่อม และคายประจุออกไปเรื่อยๆ จนมีความจุสูงสุดน้อยลง

2. ใช้เครื่องร้อนเกินไป

แน่นอนว่าเมื่อใช้งานไปเรื่อยๆ ย่อมเกิดความร้อนอยู่แล้วครับ แต่หากเราฝืนใช้งานหนักๆ เช่น เล่นเกมหนักๆ ต่อเนื่องเป็นเวลานาน เปิดหน้าจอความสว่างสูงสุดต่อเนื่อง หรือใช้งานขณะชาร์จจนเครื่องเกิดความร้อนสะสมเกินมาตรฐาน เซลล์ของแบตเตอรี่ค่อย ๆ เสื่อมลงตามไปด้วยครับ

3.ใช้อุปกรณ์ชาร์จแบตปลอม

ใครคิดว่าสายชาร์จ หัวชาร์จ ที่ไหนก็เหมือนกัน บอกเลยว่าผิดครับ! เพราะในสายชาร์จหรือหัวชาร์จ ไม่ได้มีแค่สายไฟเฉยๆ นะ แต่ยังมีชิปสำหรับควบคุมการจ่ายไฟ ให้ได้มาตรฐานอยู่ ซึ่งถ้าเราไปซื้อสายชาร์จของปลอม ที่ไม่ได้มาตรฐานมา นอกจากจะชาร์จช้าแล้ว ยังทำให้แบตเตอรี่เสื่อม หรือเสี่ยงระเบิดด้วย

กล องต ดรถยนต แบบไม ม แบตในต ว ยพนนด

วิธีเช็กว่าแบตเตอรี่เสื่อมหรือเปล่า

การดูว่าแบตเตอรี่มือถือของเราเสื่อมรึเปล่า สามารถทำได้หลายวิธีครับ โดยแฟรงค์ได้แบ่งออกเป็น 3 วิธี ดังนี้

1. ดูเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ด้วยตัวเอง

แน่นอนว่าเราต้องรู้อาการของโทรศัพท์ของเราดีที่สุดครับ โดยเราสามารถสังเกตอาการแบตเตอรี่ได้ด้วยตัวเอง โดยมีจุดสังเกตุ ดังนี้ครับ

  • แบตเตอรี่ลดฮวบทั้งๆที่ไม่ได้ใช้งาน
  • ชาร์จเต็ม 100% เร็วกว่าปกติ และหมดเร็วกว่าปกติ ความจุของแบตลดลงนั่นเอง
  • แบตเตอรีรวน ลดเอง เพิ่มเอง โดยที่ไม่ได้ใช้และไม่ได้ชาร์จ

ถ้าแบตเตอรี่ิของโทรศัพท์เราเป็นแบบนี้ ให้สันนิษฐานไว้เลยว่า แบตเตอรี่เสื่อมแน่นอน

2. ใช้แอปพลิเคชั่นช่วยเช็ก

แอปพลิเคชั่นของโทรศัพท์มือถือทุกวันนี้มีหลากหลายให้เราเลือกใช้งานครับ ทั้งแอปถ่ายรูปสวยๆ ไม่แพ้กล้องโปร หรือ แอปสำหรับคนชอบเที่ยวต่างประเทศ และแน่นอนว่า แอปสำหรับเช็กแบตเตอรี่ก็มีเช่นกัน

Andriod : แฟรงค์แนะนำให้ใช้แอปพลิเคชั่น AccuBattery ในการเช็กสุขภาพของแบตนะครับ โดยสามารถเข้าไปตรงแถบ health ในแอปพลิเคชั่นได้เลย

iOS : สามารถเช็กได้เลยผ่าน Battery Health หรือ สุขภาพแบตเตอรี่ โดยดูที่ Maximum Capacity หรือ ความจุสูงสุดของแบตเตอรี่ครับ หากลดต่ำลงกว่าตอนซื้อมาใหม่ๆ แสดงว่าแบตเริ่มเสื่อมแล้วครับ

3. ดูด้วยตาเปล่า

เมื่อแบตเตอรี่เสื่อม สิ่งที่ตามมาก็คือ อาการแบตเตอรี่บวม โดยถ้าเป็นโทรศัพท์ยุคก่อน ๆ ที่สามารถถอดฝาหลังออกมาเช็กได้ ก็ให้ลองถอดแบตมาหมุนกับพื้นเรียบๆ ดู หากแบตของเราหมุนได้ แสดงว่ามีอาการบวมแล้ว ส่วนโทรศัพท์สมัยใหม่ที่มักจะปิดฝาหลังให้สนิท ไม่สามารถถอดได้ ให้ดูว่าโทรศัพท์ของเราเริ่มมีรอยเผยออกมาหรือเปล่าครับ เพราะแบตที่บวมจะดันหน้าจอให้สูงขึ้น จับๆดู ก็จะรู้เองครับ

กล องต ดรถยนต แบบไม ม แบตในต ว ยพนนด

วิธีป้องกันไม่ให้แบตเสื่อม

เมื่อเรารู้สาเหตุที่ทำให้แบตเสื่อมแล้ว วิธีการป้องกันไม่ให้แบตเสื่อมก็ง่ายๆ ครับ ทำทุกอย่างตรงข้ามเลย ดังนี้

1. ไม่ใช้แบตเตอรี่จนหมดเกลี้ยงแล้วค่อยชาร์จ

โดยแฟรงค์แนะนำให้ชาร์จตอนแบตเหลือ 30% จะเหมาะสมนะครับ

2. ไม่ใช้โทรศัพท์จนร้อนเกินไป

เมื่อโทรศัพท์มีอุณหภูมิสูงเกินปกติ ให้ลองพักเครื่องสักนิด หรือลดความสว่างหน้าจอลง และค่อยมาใช้ต่อเมื่ออุณหภูมิเป็นปกติแล้วนะครับ

3. ใช้อุปกรณ์ชาร์จแบตที่ได้มาตรฐาน

ให้เลือกซื้อสายชาร์จและหัวชาร์จของแท้ จากร้านที่เชื่อถือได้เท่านั้นนะครับ

และนี่ก็คือเรื่องราวของอาการแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ ที่เรานำมาเสนอ แต่ส่วนมาก สาเหตุที่เราเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือกันไม่ใช่เพราะแบตเสื่อม แต่เป็น “หน้าจอแตก” หรือ “ตกน้ำ” ต่างหากครับ