หนังเรื่องนี้เป็นกึ่งภาคต่อกึ่งภาคแยกจากหนังเรื่อง UNBREAKABLE ออกฉายเมื่อปี 2000 โดยภาคนี้เป็นการนำเสนอตัวร้ายเพื่อที่จะได้ต่อยอดนำไปสู้กับพระเอกในหนังเรื่องแรก เป็นจักรวาลหนังซุปเปอร์ฮีโร่ขนานใหม่...... น่าสนใจมากเลยชะมะร่า!!!! เนื้อเรื่อง........ เริ่มจากปมตัวร้ายเคยโดนพ่อทำทารุณทางเพศมาก่อนและนางเอกก็เคยโดนลุงทำทารุณทางเพศเช่นกัน เป็นเหตุให้ตัวร้ายตัดสินใจไว้ชีวิตนางเอกตอนใกล้จบเพราะได้เห็นแผลเป็นของนางเอก(นางเอกถอดเสื้อนอกออก)จากการโดนทารุณ...... โอว้! อะไรจะลึกซึ้งขนาดนี้!!!! เฉลยตัวร้ายมีพลังพิเศษหลายบุคลิก สามารถแปลงร่างเป็นอสูรกายหนังเหนี่ยวยิงไม่เข้า ตอนท้ายเรื่องนางเอกใช้ปืนลูกซองยิงโดนเต็มๆแต่ตัวร้ายไม่เป็นไรเลย หลังจากนั้นก็ไว้ชีวิตนางเอกด้วยปมข้างต้นที่อธิบายแบบย่อๆไป 2. นักแสดงชาย โปรโมทเสียยิ่งใหญ่ว่าได้รับบท 23 บุคลิค จริงๆถ้าไม่ได้เสื้อผ้าช่วยก็ไม่แน่ว่าจะแยกออก (ยิ่งตัวละครสกินเฮดตลอด ยิ่งแยกยากเอาเรื่อง) บุคลิคที่โผล่มาในหนัง 23 บุคลิคก็แบบผิวๆ แต่ยอมรับว่าแสดงได้ดุดันโอเค คือรู้ว่าตั้งใจมากครับ แต่ออร่าเวลาแสดง...? (อาจจะเหมือนใจร้าย แต่ถ้าเทียบกับนักแสดงที่ได้รับรางวัลปีก่อนๆ มันยังเหมือนมีอะไรหายไปอยู่นะ) 3. ชอบทีมงาน ที่แคสนักแสดงสาวๆได้แบบ...น่ารักมากกก มีฉากโชว์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ วิ่งทีก็กระเพื่อมดีจัง (พุง...มั้ง) ใครโลลิค่อนหน่อยน่าจะถูกใจมาก 5. หนังเล่าเรื่องไม่ซับซ้อน เข้าใจได้ง่าย ไม่สับสน ไม่ต้องลุ้นว่าจะเกิดอะไรต่อถ้าเวลาดูหนังเก็บรายละเอียดระหว่างทางไปเรื่อยๆ หนังจะให้คำตอบด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เกือบครบถ้วนตลอดทาง (อาจจะมีภาพตัดสลับย้อนอดีตเล็กน้อยให้งงเล่นเล็กๆ แต่ก็ไม่สับสนครับ) 7. สิ่งที่ไม่ชอบที่สุด คือความพยายามทิ้งติ่ง แถมพยายามขยี้ด้วยการแช่ภาพตอนก่อนจบเรื่อง ทำให้หนังอืดดดมากตอนท้าย อารมณ์อึ้งหลังไคล์แม็กซ์หายไปแทบหมด 8. เป็นหนังฟอร์มเล็กกว่าที่คิด คือแทบจะไม่มีซีจีอะไรเลย แต่ก็อาจจะเรียกว่าเป็นจุดเด่นก็ได้ ที่ทำหนังแบบประหยัดงบให้ดูดีได้ในระดับหนึ่งด้วยความกดดัน และลุ้นว่าจะออกหัวหรือก้อยตลอดเรื่อง 9. สรรสาระ (ข้อคิดเตือนใจจากหนัง)... ไม่ว่าจะเก่งมาจากไหน จงอย่ามั่นใจว่าคนเดียวเอาอยู่ อย่างน้อยหาผู้ช่วยบ้างก็ดีคนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตายนะจ๊ะ 10. สรุป...จริงๆหนังดีนะครับ เพียงแค่ถ้าจะลุ้นออสการ์ ผมว่าความประทับใจยังไม่เท่ากับหนังออสการ์ปีก่อนๆที่เขาเคยทำได้ แต่อย่างไรก็ถือว่าเป็นหนังที่สร้างได้ดีระดับเกรต A ครับ ...เราเป็นอะไรก็ได้ตามที่ใจเราอยากเป็น... ภาพยนตร์แนว Physiological - Trailer ว่าด้วยตัวละคร เควิน เวนเดลล์ (James McAvoy) ชายหนุ่มจิตผิดปกติ ที่มีตัวตนถึง 23 ตัวตนซ่อนอยู่ภายใต้กายหยาบเดียว เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเควิน ได้ลักพาตัวเด็กหญิงสามคนมาที่สถานที่ปิดแห่งหนึ่ง หลังจากเปิดตัวด้วยบุคคลิกหนึ่ง เควินก็ได้แนะนำสาวๆ ทั้งสามด้วยบุคคลิกที่แตกต่างกันไป ทางด้าน เคซี คูก (Anya Taylor-Joy) หญิงสาวที่ทำตัวแปลกแยก และชอบสร้างปัญหา พร้อมเพื่อนทั้งสอง ต้องรับมือกับตัวตนที่แตกต่างกันของเควิน และต้องหาทางหนีออกจากเหตุการณ์ที่เลวร้ายนี้ ด้วยแผนการที่แตกต่างกันไปตามตัวตนต่าง ๆ ของเควินที่พวกเธอต้องเผชิญ ซึ่งรวมถึงตัวตนปริศนาของเควินที่ไม่เคยปรากฏตัวออกมา ที่ว่ากันว่าเลวร้ายที่สุดเท่าที่โลกเคยพบเจอ... ความเป็น Mystery ของเรื่องนี้ต้องปรบมือให้กับเฮียโนช และพี่เจมส์เลยครับ ปมทั้งหมดถูกออกแบบมาได้พอเหมาะพอเจาะมาก ผกก.ค่อย ๆ รินความจริงใส่แก้วของความไม่รู้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ตัวละครเควิน และเรื่องราวของเคซีจะปัดแก้วใบนี้ให้สะบัดไปมาเสมอ ภาพรวมของเรื่องนี้จะแบ่งกันเล่าเป็น Plot เป็น 3 เส้นหลัก ๆ คือ
สามเส้นเรื่องนี้จะเดินขนานกันไปเรื่อย ๆ ปมแล้วปมเล่าต่างส่งเสริม และหักล้างกันจนเราไม่รู้ว่าอะไรจริง อะไรหลอก คนไหนกำลังพูดจริง หรือคนไหนกำลังจะบอกอะไร แต่หากบอกว่าเรื่องนี้จัดอยู่ในประเภท Plot Twist หรือ End Twist ส่วนตัวผมมองว่าไม่นะ ตัวหนังค่อนข้างจะซื่อสัตย์ และเป็นไปตามที่คนดูคาดครับ สิ่งที่หยอดไว้ตามจุดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของจิตแพทย์ ปมวัยเด็กของเควิน หรือ flashback ของเคซี มันมีจุดร่วมกัน และพบกันในตอนจบได้ดี สิ่งที่ผมชอบในเรื่องนี้หลัก ๆ คงเป็นการตัดต่อ และลำดับเรื่อง เพราะมันดีมากจริง ๆ จังหวะไหนควรหยอดอะไรเล่าอะไร เรื่องนี้วางไว้ดีมาก ทำให้อารมณ์ความเป็นปริศนามันตามคนดูไปเรื่อย ๆ ไม่เบื่อเอาซะก่อนตอนกลางเรื่อง งานโปรดักชั่น ถือเป็นเล็กน้อยที่ยิ่งใหญ่ เป็นการเล่นกับสถานที่แคบ ๆ ชวนอึดอัด ทำให้รู้สึกเหมือนถูกขังอยู่กับตัวละครไปด้วย และด้วยสเกลที่เล็ก ทำให้ทุกดีเทลมันสำคัญมาก และหนังก็เจ๋งพอที่จะเก็บหมด ไม่หลุดซักเม็ด (และก็ไม่แปลกใจครับ ที่ทุนสร้างจะมูลค่าเพียง 9 ล้านเหรียญ - ทำให้เห็นว่าหนังดีไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไป) และที่ชอบสุด คงเป็นการแสดงของเจมส์ครับ ช่วงแรก ๆ นั้น ผมรู้สึกสับสนกับตัวตนที่เขาเป็นเล็กน้อย แต่เริ่มดูไปเรื่อย ๆ คุณจะไม่เห็นเจมส์ แมคเออวอยอีกเลย ด้วยการแสดงของเขา ไม่ว่าจะเป็นแววตา, รูปปาก, รอยยิ้ม, ท่าทางการเดิน หรือยืน และสุดท้ายทั้งน้ำเสียง และคำศัพท์ที่ใช้ มันคนละคน คนละเพศ ยิ่งท้าย ๆ จะมีหลายซีนที่ตัวตนต่างพาเหรดกันออกมาแบบสลับกัน ยิ่งเห็นชัดว่าเขาทำได้อย่างยอดเยี่ยม อาจจะไม่ถึงขนาดชิง Oscar แต่ทำให้เห็นว่าการแสดงของเขามันไม่มีขอบเขตจริง ๆ และอีกอย่างนึงที่รู้สึกแอบรำคาญคือ Reaction ตัวละคร กล้องมัก Freeze Frame จับ Reaction ตัวละคร แช่อยู่เป็นวิ คือผมไม่รู้ว่าผกก.จะให้รู้สึกอะไร จะทำเป็น Awkward Moment ให้อึดอัด หรือปล่อย Running Joke ให้ขำกันแน่ กล้อง Close Up หน้าเคซีทีไร ต้องนั่งเดาว่าคนเล่าจะให้เครียด หรือฮา คิดดูว่าแรงจูงใจของพระเอกก็ไม่ชัดเจน แล้วยังไม่รู้อีกว่านางเอกรู้สึกอะไร ทำให้ผมงงไปยาว ๆ และเป็นปัญหาไปยันจบเรื่อง (อาจจะมีคนอื่นเข้าใจนะ ผมอาจจะเข้าไม่ถึงเอง) ผมเข้าใจในข้อคิดที่ผู้ผกก.อยากบอก แต่พอเจาะมาที่เรื่องที่เล่า กลับไม่เข้าใจเลยซักนิด เพราะงั้นคนชอบหนังระทึกขวัญ สั่นประสาท น่าจะชอบ (แต่เสียใจด้วยนะ เรื่องนี้ Jump Scare น้อยมาก) และก็น่าจะถูกใจคนชอบความเป็น Mystery เช่นกัน ส่วนคนที่มองหาข้อคิดดี ๆ ปรัชญาที่แอบซ่อนอยู่ อาจจะไม่ถูกใจท่านมากครับ เรื่องนี้ผมจึงให้คะแนนกลาง ๆ ไม่ดีขึ้นหิ้ง แต่ก็ไม่แย่ขนาดดูไม่ได้ครับ และเหมือนเดิม ไม่ว่าคุณจะกะเกณฑ์คะแนนในใจไว้เท่าไหร่ จำไว้ว่าต้อง + อีก 1 คะแนนให้กับความสวย เซ๊กซี่ของน้องอันยา เทย์เลอร์-จอย ด้วยครับ ชื่อสินค้า: Split จิตหลุดโลก คะแนน: |