2024 ทำไม ดอกแก ว คนเขาบอกไม ควรปล กในบ าน

"วัฒนา" เตรียมเล่นผู้ประกาศข่าวบอกมีหน้าที่อ่านอย่าทะลึ่งวิจารณ์

เผยแพร่: 18 ม.ค. 2549 18:06 โดย: MGR Online

"วัฒนา" เอาจริงกำหนดระยะเวลาออกอากาศรายการ - ละครทีวีเนื้อหาไม่เหมาะสม ไอเดียกระฉูดเตรียมเล่นคนอ่านข่าวที่แสดงและใส่ความคิดเห็นถึงขนาดแบนตลอดชีวิต ลั่นมีหน้าที่อ่านข่าวก็อ่านไปอย่าทะลึ่งวิจารณ์ ด้านผู้ประกาศทั้งเห็นด้วยไม่เห็นด้วย แต่เชื่อคงจะห้ามกันลำบาก

ออกมารับลูกหลังข่าวเด็กวัย 6 ขวบเลียนแบบละครทีวีเรื่องหนึ่งผูกคอตนเองจนเกือบเสียชีวิตว่าจะเข้มงวดมากขึ้นต่อเนื้อหาของรายการ - ละครทีวีที่จะออกอากาศในช่วงเวลาประมาณสี่โมงเย็นไปจนถึงสี่ทุ่ม ล่าสุดในงาน "การประชุมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อและมาตรการเพื่อออกระเบียบปฏิบัติการในการเผยแพร่ทางโทรทัศน์เกี่ยวกับสิ่งที่ควรเป็นข้อห้ามในการเผนแพร่ภาพและเสียง" เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ "นายวัฒนา เมืองสุข" ยืนยันอีกครั้งว่า ตนจะทำเรื่องนี้อย่างจริงๆ จังๆ แน่นอนโดยบอกว่าเป็นความต้องการของเยาวชน แม้จะมีหลายเสียงคัดค้านว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุก็ตาม

"ผมได้พูดคุยกับตัวแทนเด็กถึงสิ่งที่ไม่อยากเห็นในสื่อ คือภาพลามกอนาจาร การแต่งกายไม่เหมาะสมล่อแหลมของดารานักแสดงและพิธีกร ฉากบทรักอิจฉาริษยา ความรุนแรงและสิ่งเสพติด ไม่ต้องทำภาพเบลอ ให้ตัดออกไปเลย เด็กส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันเรื่องการกำหนดเวลาสำหรับเด็กคือช่วงเวลา 16.00 - 22.00น.”

เจ้าของฉายารัฐมนตรี "อิกคิวเซ็ง" ยังได้วิจารณ์ไปถึงการทำงานของบรรดาผู้ประกาศข่าว โดยเฉพาะผู้ที่ทำหน้าที่พิธีกรประเภทรายการเล่าข่าวทั้งหลายด้วยว่า ขอให้ทำตามหน้าที่ของตนเองในกรอบกติกาที่กำหนด คือมีหน้าที่อ่านข่าวก็อ่านไป ไม่ใช่อ่านไปด้วยแล้วทะลึ่งวิจารณ์หรือใส่ความคิดเห็นของตนเองไปด้วย ซึ่งหากพบว่าใครเล่นนอกกรอบที่ว่าตนก็อาจจะต้องหาบทลงโทษมาดำเนินการซึ่งอาจจะร้ายแรงถึงขนาดแบนการทำงานไปจนตลอดชีวิตเลยก็ได้

“เขาให้คุณอ่านข่าวคุณดันทะลึ่งไปวิจารณ์ข่าว กติกามันก็มีอยู่แล้ว การที่คุณเอาข่าวมาอ่านคุณก็อ่านไปตามข้อเท็จจริง นั่นคือการนำเสนอ เราไม่ได้มีอคติ กติกามันมีอยู่แล้วเพียงแต่เราไม่เอามาปฏิบัติ”

"กติกาหรือบทลงโทษก็แล้วแต่..อาจจะมีมาตรการในการลงโทษอย่างหนัก ถ้าเกิดครั้งแรกอาจจะมีมาตรการห้ามเผยแพร่ สมมติว่าสองสัปดาห์อันนี้กระเทือนเขาแล้ว ครั้งที่สองอาจยกออกทั้งรายการเลยก็ได้ หรือพิธีกรคนที่อ่านข่าวละเมิดคุณจะแบนเขา ครั้งแรกอาจจะห้ามหรือแบนห้ามสามวัน ครั้งที่สองห้ามหนึ่งเดือนแบบนี้ใช้ได้ถ้าแบบนี้ใช้ได้"

"ทีนี้เขาก็จะระมัดระวัง กฎกติกาเขามีไว้แล้วไปเขียนกติกาให้ชัดไม่ยากหรอก ไม่ยกทั้งรายการก็ได้ เป็นสเต็ป ครั้งแรกสามวัน ครั้งที่สองเดือนนึง ครั้งที่สามตลอดชีวิต” ทั้งนี้เกี่ยวกับคำให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ที่ออกมา เมื่อสอบถามความคิดเห็นไปยังแหล่งข่าวที่ทำงานอยู่ในแวดวงของผู้ผลิตรายการทีวีส่วนใหญ่ต่างแสดงความไม่เห็นด้วยกับทัศนะดังกล่าว โดยบอกว่าล้วนแล้วแต่เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุทั้งสิ้น "ผมบอกว่ามันไม่ได้ผลหรอกแล้วมันก็จะยิ่งวุ่นวายมากขึ้นด้วย ผมว่าทุกวันนี้พวกเราที่ทำละครหรือรายการทั้งหลายก็ตามต่างพยายามที่จะไม่ทำอะไรที่มันออกนอกกรอบนอกกติกาอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าแต่ละคนต่างก็มีลิมิตมีกรอบกติกาของตนเองอยู่ด้วย ซึ่งมันยากมากที่มันจะเท่ากัน"

"อย่างถ้าเป็นละครที่มีเนื้อหาประมาณว่าเป็นเรื่องของผู้หญิงเจ้าชู้ มีการยั่วยวนตามจับผู้ชายไปเรื่อย ถ้าเป็นผู้ผลิตที่เขาทำแต่ละครธรรมะเขาก็อาจจะบอกแรง เนื้อหาไม่เหมาะสม ในขณะที่คนที่เขาทำละครแนวอีโรติกมาตลอดเลยเนี่ย เขาก็จะบอกมันเรื่องธรรมดา ทีนี้พอมันมีการมาห้ามกันในเรื่องเวลานี้เวลานั้น ก็เถียงกันตายเลย ทำไมเจ้านั้นถึงออกได้เจ้านี้ออกไม่ได้ แล้วมันก็ต้องถามอีกแหละว่าใครจะเป็นคนมาตัดสินว่ามันเหมาะสมหรือไม่เหมาะ"

"ส่วนเรื่องห้ามผู้ประกาศข่าวแสดงความคิดเห็นอะไรนั้น ผมว่าไม่ค่อยจะเข้าท่าสักเท่าไหร่ คือถ้าเป็นเรื่องของการแสดงความคิดเห็นในมุมมองที่เป็นประโยชน์ไม่ใช่การชี้นำหรือว่าใส่อารมณ์ส่วนตัวเข้าไป มันก็เป็นเรื่องที่ดี เรื่องนี้ผมไม่อยากวิจารณ์มากเพราะมันอาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวที่ว่าท่านไปมีเรื่องมีราวอะไรกับคุณสรยุทธ์อะไรหรือเปล่าถึงได้ออกมาพูดในลักษณะนี้ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน"

ด้าน "บุญยอด สุขถิ่นไทย" ผู้ประกาศข่าวชื่อดังได้พูดถึงกรณีการที่จะมีข้อกฎหมายขึ้นมาลงโทษสำหรับผู้ประกาศข่าวที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวแบบสั้นๆ ว่า โดยส่วนตัวแล้วหากจะให้ผู้ประกาศทำหน้าที่แค่อ่านข่าวอย่างเดียวอย่างที่ว่าตนก็อยากจะให้นักการเมืองทำตัวดีๆ พูดดีๆ เป็นคนดีเหมือนกัน ถ้าไม่อยากให้ใครเค้าพาดพิง ในขณะที่ผู้ดำเนินรายการ "ฮอตนิวส์" ทางไอทีวี "กิตติ สิงหาปัด" แสดงความคิดเห็นว่า ถ้าจะมีข้อห้ามนี้ออกมาก็ควรจะดูให้ชัดเจนว่าเป็นการนำเสนอข่าวหรือเป็นรายการที่มีการวิเคราะห์ข่าว

"ไม่แน่ใจว่าแกพูดยังงั้นหรือเปล่า เท่าที่ฟังคือรายการที่เป็นข่าว มันก็ควรจะเป็นข่าว ส่วนรายการที่แสดงความเห็นก็คงอยู่ประเด็นที่เค้าพูด คือเรื่องที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก ทั้งเรื่องโป๊อะไรแบบนั้นมากกว่า เพราะการเสนอข่าวเนี่ยบางทีเด็กเค้าดูอยู่ด้วย ช่วงเวลามันใกล้กันไง”

“สำหรับผม ผมว่ามันห้ามไม่ได้หรอกครับ ห้ามแสดงความเห็นไม่ได้หรอก เพียงแต่ว่าต้องชัดเจนว่าอันไหนเป็นรายการข่าวรายการโทรทัศน์ ช่วงหลังบางรายการแรกๆ ก็เป็นการรายงานข่าวอยู่ดีๆ แต่พอช่วงท้ายข่าวกลับออกความคิดเห็นเสียอย่างนั้น ใส่ความเห็นลงไป ชาวบ้านร้านช่องที่เค้าไม่รู้ เค้าก็เอ๊ะ...มันคือแบบนั้นหรือ บางทีตรงนั้นมันก็อาจทำให้เกิดปัญหา”

“การแสดงความเห็นของคนมันก็คือความเห็น ผมก็คงไม่วิเศษจากไหนไปแสดงความคิดเห็นคนนั้นคนนี้ อันนี้คือความอันตรายของการแสดงความเห็น แต่เวลาผมทำรายการข่าวผมก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรอยู่แล้ว หน้าที่หลักของสื่อไม่ใช่การแสดงความเห็น ถ้าความเห็นควรจะอยู่ในหน้าคอลัมน์อะไรพวกนั้นมากกว่า ไม่ใช่เสนอข่าวเสร็จคอมเม้นต์ต่อ อันนั้นไม่ใช่ สำหรับผมนะ"