เชื่อว่าหลายคนที่ใช้งานสมาร์ทโฟนไม่ว่าจะระบบ iOS หรือ Android ก็ต้องเจอกับปัญหากวนใจอย่าง การชาร์จแบตไม่เข้า ชาร์จแบตนานเท่าไหร่ ก็ไม่เต็มสักที หรือแม้แต่ชาร์จแบตจนเครื่องเกิดความร้อนจนน่าตกใจ แต่ความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกที่แบตจะเป็นสิ่งแรกที่มักจะเกิดปัญหาขึ้น เพราะในทุกวันเราใช้เวลาไปกับการเล่นสมาร์ทโฟนแทบจะทั้งวัน ส่งผลทำให้แบตเตอรี่สมาร์ทโฟนหมดลงในระยะเวลาที่รวดเร็ว จึงต้องชาร์จไฟเข้าอยู่ทุก ๆ วัน แต่ไม่ว่าอย่างไร แบตเตอรี่มือถือทุกชนิด ก็ย่อมมีอายุการใช้งาน และต้องเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา โดยส่วนมากแบตเตอรี่จะเริ่มเสื่อมสภาพลงเมื่อใช้งานไปแล้วเป็นเวลานานเกิน 3 ปี แต่สิ่งที่เราทำได้นั้น คือ การถนอมสุขภาพแบตด้วยการชาร์จให้ถูกวิธีนั่นเอง Show การชาร์จแบตเตอรี่ผิดวิธี ส่งผลเสียต่อสุขภาพแบต อย่างที่คุณคาดไม่ถึง เราจะเห็นได้ว่า แบตเตอรี่ ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด สำหรับสมาร์ทโฟน หรือที่รู้กันว่าเป็นพลังงานหลักให้ตัวเครื่องเลยก็ว่าได้ หากตัวเครื่องไม่มีแบตเตอรี่ หรือแบตเกิดการเสื่อมสภาพ สมาร์ทโฟนที่เราใช้งานอยู่ก็จะหมดความหมายไม่ได้ประสิทธิภาพเหมือนเดิม ต่อให้สมาร์ทโฟนของเราจะมีสเปคที่สูงแค่ไหนก็ตาม หรือเลือกใช้งานหัวชาร์จเร็วที่จ่ายไฟสูงแค่ไหนก็ตาม วันนี้ Mercular.com จึงอยากมาแนะนำ ชาร์จแบตไม่เข้า สาเหตุมาจากอะไร แล้วแก้ไขยังไงได้บ้าง? เพื่อที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานได้รู้ถึงสิ่งที่ต้องห้าม! สิ่งที่ต้องทำ! เพื่อที่จะได้ช่วยถนอมสุขภาพแบตของเราให้คงสภาพดีไปได้อีกนานครับ
1. เลือกใช้งานสายชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐานสาเหตุแรก ๆ ที่มักจะพบได้ง่าย และบ่อยที่สุดของการชาร์จแบตไม่เข้า คือ การเลือกสายชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐาน อย่าง มาตรฐาน MFI ของ iphone หรือเลือกใช้งานสายชาร์จปลอม ทุกวันนี้จะเห็นได้ว่า สายชาร์จจะมาพร้อมความนิ่มเพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน ยืดหยุ่นได้ พกพาสะดวก จึงอาจส่งผลให้ความนิ่ม ยืดหยุ่นมาก ๆ ทำให้สายส่วนข้อต่อหัวสายมักขาดก่อน เพราะต้องหมุนไปตามการใช้งาน และอีกหนึ่งอย่าง คือ สายชาร์จภายในเกิดการขาดโดยไม่รู้ตัว ทำให้ชาร์จไม่เข้ารวมไปถึงสายชาร์จไม่แท้ที่มักจะเข้าใจกันว่าใช้งานด้วยกันได้ แต่ความจริงแล้ว แตกต่างกันทั้งเรื่องของการจ่ายไฟ และคุณภาพ ทำให้ชาร์จได้ช้า และชาร์จไม่เข้ายังทำให้แบตเสื่อมลงอีกด้วย วิธีแก้ไขหลีกเลี่ยงหมุนสามร์ทโฟนไปมา ขณะที่ชาร์จแบตอยู่ เพราะอาจทำให้ข้อต่อสายชาร์จเสื่อมสภาพ และควรพันเก็บสายให้เรียบร้อย อย่าหักสาย หรือกดทับ อาจทำให้สายภายในขนาดได้ หรือหากว่าข้อต่อเริ่มเกิดปัญหา ลองหาเทปมาพันช่วงข้อต่อ แต่แนะนำว่าไม่ควรฝืนใช้งานต่อ เพราะอาจเกิดอันตรายต่อตัวเครื่องได้ และควรซื้อสายชาร์จใหม่ที่ได้มาตรฐานเท่านั้น 2. เลือกใช้งานหัวชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐานนอกจากสายชาร์จแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ อแดปเตอร์ หรือหัวชาร์จ สาเหตุการที่ทำให้ชาร์จแบตไม่เข้า และแบตเสื่อมที่เราคาดไม่ถึงคือ การใช้งานที่ผิดวิธี และไม่ตรงตามอุปกรณ์ที่รองรับ ในอีกกรณีคือ ระบบวงจรภายในของอแดปเตอร์เสีย ,เลือกใช้งานหัวชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมไปถึงอแดปเตอร์ของปลอมด้วยเลยส่งผลให้จ่ายไฟไมไ่ด้ประสิทธิภาพ และมีโอกาสเสี่ยงจะเกิดการระเบิดกรณีที่เกิดการลัดวงจรภายในตัวเอง วิธีแก้ไขหลีกเลี่ยงการใช้งานหัวชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือหากว่าเกิดการเสียบชาร์จไม่เข้า ให้ลองสลับรูกันก่อน เพราะอาจจะเกิดจากสายชาร์จมีปัญหา แต่ถ้ายังใช้งานไมไ่ด้ แนะนำให้เปลี่ยนใหม่! 3. ใช้งานขณะเสียบสายชาร์จบอกเลยเป็นวิธีที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าในสมาร์ทโฟนจะมีการรองรับระบบที่ให้เล่มเกมส์ไปด้วยพร้อมการเสียบสายชาร์จ แต่รู้หรือไม่ว่า การทำเช่นนี้เป็นระยะเวลานาน ๆ เข้า ส่งผลให้สุขภาพแบตเสื่อมลง ยิ่งแอปพลิเคชันที่หนัก ๆ ก็ส่งผลให้แบตใช้งานหนักเช่นกัน ยิ่งใช้งานมือถือหนักมากเท่าไหร่ ตัวเครื่องก้ร้อนมากขึ้นด้วย ส่งผลให้วงจรยิ่งเสื่อมไปตาม ๆ กัน หรือแม้กระทั่งการดูหนัง ฟังเพลง ดูหนัง และคุยโทรศัพท์ ก็ไม่ควรชาร์จไปเล่นไปนะครับ วิธีแก้ไขหลีกเลี่ยงการใช้งานมือถือในขณะที่กำลังเสียบชาร์จอยู่เพื่อไม่ทำให้ตัวเครื่องเกิดความร้อนสูง ส่งผลแบตไม่เกิดปัญหา และยังเป้นการได้พักเครื่องไปในตัวอีกด้วยครับ 4. เลือกใช้หัวชาร์จไม่ตรงรุ่นการเลือกใช้งานอแดปเตอร์ให้ตรงกับมือถือที่เราใช้งานอยู่ เป็นอีกหนึ่งข้อที่สำคัญ หากเราใช้งานหัวชาร์จเร็ว แต่ตัวมือถือไม่สามารถรองรับการใช้งานได้ ก็ส่งผลเสียทั้งต่อตัวเครื่อง และแบตเตอรี่ ยิ่งถ้าเชื่อมต่อสาย USB เข้ามาชาร์จที่เครื่อง ก็จะได้ปริมาณไฟ ที่เข้ามายังตัวเครื่อง ที่ไม่เท่ากัน กรณีแบบนี้ แบตจะเข้าช้าจนบางทีชาร์จไม่เข้าด้วยซ้ำ หรือการเสียบปลั๊กผ่านตัวพ่วงหลายๆ ตัว ก็มีส่วนทำให้ชาร์จแบตช้าได้รวมไปถึงการชาร์จผ่าน Wireless Charge ที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ตรงตามอุปกรณ์ที่รองรับ ก็อาจทำให้ชาร์จแบตไม่เข้าได้ ท้ายที่สุดคือ การทำให้แบตเสื่อมนั่นเอง วิธีแก้ไขควรเลือกหัวชาร์จให้ตรงตามมือถือที่เราใช้งานอยู่ อย่างเช่น ถ้าเราใช้งาน iPhone 13 เราก็ควรเลือกหัวชาร์จที่รองรับการจ่ายไฟ 20W ขึ้นไป เพื่อให้ชาร์จได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการชาร์จผ่านปลั๊กไฟที่ติดกับผนังเป็นทางเลือกที่ดีอีกหนึ่งทางเลืือก เพราะจะช่วยส่งกระแสไฟมาตรงทำให้แบตนั้นจะได้รับปริมาณกระแสไฟที่คงที่ได้อย่างสม่ำเสมอ ดีกว่าการชาร์จผ่านโน้ตบุ๊คอย่างแน่นอน แต่หากต้องชาร์จผ่านโน้ตบุ๊คทำได้ แต่อาจจะเปิดโหมดเครื่องบินครับ 5. ใช้งานระบบปฏิบัติการ ที่ใหม่เกินไปอันนี้มักจะเกิดจากมือถือที่ค่อนข้างรุ่นเก่า และความจำไม่เยอะ การอัพเดทระบบ OS ของเครื่องให้ใหม่อยู่เสมอ จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ดีเสมอไป เนื่องจากการอัพเดทระบบใหม่นั้น อาจยังไม่เหมาะกับสมาร์ทโฟนรุ่นที่ใช้งานอยู่ในตอนนี้ เมื่ออัพเดทระบบใหม่ก็ต้องใช้พื้นความจุที่เยอะ ขึ้น ทำให้บางสมาร์ทโฟนไม่สามารถรองรับการใช้งานได้ อาจส่งผลให้ชาร์จแบตได้ช้า และยังทำให้กินแบตในปริมาณมากกว่าเดิมขึ้นด้วย วิธีแก้ไขก่อนการจะอัพเดทระบบใหม่ทุกครั้งควรตรวจสอบข้อมูลระบบก่อนว่าสมาร์ทโฟนที่เราใช้งานอยู่รองรับการใช้งานได้หรือไม่ ถ้าระบบใหญ่ไปสำหรับรุ่นที่ใช้งานอยู่ และอยากจะอัพเดทให้เป็นระบบเวอร์ชันใหม่ก็ไม่ต้องไปอัพเดทให้เครื่องมีข้อมูลที่น้อยลง เพื่อรองรับการอัพเดทนั่นเอง 6. ช่องเสียบ USB เสียหาย หรือมีสิ่งสกปรกช่องเสียบ USB ที่ไม่ว่าจะเป็นสายแบบ Micro, สายชาร์จ Lightningของ iPhone หรือจะเป็นช่อง USB-C ก็มีสิทธิที่จะเสียได้เหมือนกัน เนื่องจากทุกวันเรามีการชาร์จที่จะต้องมีการเสียบเข้า/ออก ซึ่งบางคนอาจจะรุนแรง หรือไม่ได้ระวังอาจส่งผลให้ช่องเสียบ USB เสียหายได้ หรือในขณะชาร์จก็มีโอากาสหักได้หากใช้งานผิดวิธี นอกจากนี้การเกิดความชื้น รวมไปถึงมีเศษต่างๆ อย่าง เศษฝุ่น หรือผงขนมก็มีสิทธิตกลงไปได้ หากเราเสียบหัวชาร์จเข้าไปอีก ก็ทำให้เกิดความเสียหายมากกว่าเดิม ส่งผลให้ชาร์จไม่เข้า และถ้าไม่ระวัง ทิ้งไปนาน ๆ อาจจะทำให้ช่องเสียบ USB เกิดความเสียหาย และทำให้ชาร์จแบตไม่เข้าไปเลยครับ วิธีแก้ไขก่อนเสียสายชาร์จ และถอดออกทุกครั้ง ควรใช้งานด้วยความเบามือ และเมื่อกรณีที่มีเศษฝุ่น หรือผงขนมเข้าไปช่องเสียบ USB ให้ลองเป่า หรือใช้เข็มเล็ก ๆ ไม้จิ้มฟันก็ได้เขี่ยออกอย่างเบามือ หรือหากกลัวเศษเข้าไปอีก ก็ซื้อที่ปิดช่อง USB เพื่อป้องกันเศษเข้าไปครับ 7. มือถือรุ่นเก่ามือถือเก่า! เป็นที่รู้กันว่ายิ่งเราใช้มือถือไปนานเท่าไหร่ อายุการใช้งานก็ต้องลดลงตามไปด้วย เลยส่งงผลให้ระบบภายในไม่ได้อัพเดท จนทำให้ภายในเครื่องก็ทำงานช้าลงพอทุกอย่างเริ่มช้าลงการชาร์จแบตก็ต้องช้าลงไปด้วย เช่นกัน จนไปถึงบางเครื่องชาร์จแบตไม่เข้า เป็นเพราะระบบวงจรข้างใน เริ่มเสียหายแล้ว หรืออาจเกิดสาเหตุที่แผนวงจรด้านในเสื่อมสภาพด้วยเช่นกัน วิธีแก้ไขหากสมาร์ทโฟนที่ใช้งานอยู่เริ่มเสื่อมสภาพลองหาทางเลือกอื่นเช่น การเลือกซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่เพื่อการใช้งานที่คุ้มค่า และยาวนานยิ่งขึ้น 8. แบตเตอรี่เสื่อมสภาพแบตเสื่อสภาพ! เชื่อว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนเลย แน่นอนว่าหากใช้งานมือถือเป็นระยะเวลานาน หรือใช้งชาร์จแบบผิดวิธี รวมไปจนถึงการใช้งาน หัวชาร์จ หรือสายชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐาน อะไรก็ตามส่งผลทำให้แบตเตอรี่เสื่อม หากว่าแบตเสื่อมไปแล้ว ไม่ว่าจะชาร์จด้วยวิธีใดมันก็ไม่เข้า บางครั้งชาร์จจนเต็มพอถอดออกมาสักพักแบตก็ลดลงไป และถึงแม้ฃมือถือรุ่นใหม่ ๆ จะสามารถดูสุขภาพแบตได้ แต่ถ้าใช้แบบไม่ถนอม ก็ส่งผลเสียไปยังแบตได้อยู่ดีครับ วิธีแก้ไขหากเป็นระบบ Android รุ่นเก่า ๆ ที่ยังพอหาแบตเปลี่ยนใส่ให้ได้ก็ดีไป แต่หากว่า เป็น iPhone หรือสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ ต้องเข้าศูนย์เพื่อส่งซ่อม หรือดูอาการไม่ควรจะเสี่ยงใช้งานต่อไป อาจทำให้แบตระเบิดหากปล่อยไว้นานอาจส่งผลทำให้แผงวงจรที่ร้อนจนเสียไปทั้งมือถือ ใช้งานอะไรไม่ได้เลยครับ |