“Twogether” รายการวาไรตี้ใหม่แกะกล่องที่จัดทำเพื่อเอาใจแฟนคลับด้วยการพา 2 นักแสดงดังระดับเอเชียอย่างนักแสดงชื่อดังจากเกาหลีใต้ อีซึงกิ และนักแสดงชื่อดังจากฝั่งไต้หวัน แจสเปอร์ หลิว เดินทางไปเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวด้วยกัน ล่าสุด Netflix ปล่อยภาพโปสเตอร์แรกออกมาพร้อมประกาศวันออกอากาศอย่างเป็นทางการแล้ว
บทความที่เกี่ยวข้อง : อีซึงกิ เตรียมคัมแบคผลงานการแสดง ในซีรีส์ใหม่ ช่อง tvN
รายการวาไรตี้แนวใหม่นี้จะนำพา 2 หนุ่มคนดังไปยังจุดหมายปลายทางที่ได้รับการแนะนำจากบรรดาแฟนคลับและจากการร่วมงานกันของทั้งคู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นมิตรภาพอันดีงาม ซึ่งทั้ง 6 ตอนของรายการบอกเล่าถึงการเดินทางไปยังเมืองต่าง ๆ เริ่มต้นที่ ยอกยาการ์ตา และ บาหลี ของประเทศอินโดนีเซีย ต่อด้วย กรุงเทพมหานคร และ เชียงใหม่ จากประเทศไทย และจุดหมายสุดท้ายคือ โพคารา และ กาฐมาณฑุ ในประเทศเนปาล ซึ่งถ้าทั้ง 2 หนุ่มสามารถทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายในแต่ละตอนได้สำเร็จ พวกเขาจะได้ไปพบกับแฟนคลับที่รอพวกเขาอยู่ในสถานที่ที่ได้จัดเตรียมไว้ ซึ่งประสบการณ์ความใกล้ชิดกับแฟนคลับจะฟิลกู้ดขนาดไหน ต้องรอติดตามชม..
อีซึงกิ นักร้อง-นักแสดงชื่อดังจากเกาหลีใต้ที่เคยผ่านงานทั้งการทำพิธีกรรายการทีวีและงานแสดงภาพยนตร์ด้วยเช่นเดียวกัน โดยภาพยนตร์ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีอาทิเช่น Love Forecast (2015) และ The Princess and the Matchmaker (2018) ด้านซีรีส์ที่เป็นผลงานโดดเด่นอาทิเช่น My Girlfriend is a Gumiho (SBS,2010) รวมถึงซีรีส์แอคชั่นผลงานล่าสุดที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีและท่วมท้นอย่าง Vagabond (SBS,2019)
สำหรับคนดังจากฝั่งไต้หวัน แจสเปอร์ หลิว ที่มีผลงานทางภาพยนตร์และซีรีส์มากมาย ผลงานภาพยนตร์ที่สร้างชื่ออาทิเช่น More Than Blue (2018) และซีรีส์ที่สร้างชื่ออาทิ Before We Get Married (2019) และซีรีส์ออริจินัลจาก Netflix เรื่อง Triad Princess (2019)
Twogether เป็นผลงานการผลิตของ SangSang Company บริษัทที่สร้างคอนเทนต์ด้านรายการวาไรตี้มามากมายอาทิเช่น Family Outing, Running Man และรวมไปถึง Busted! รายการวาไรตี้สัญชาติเกาหลีออริจินัลจาก Netflix รายการแรกอีกด้วย ซึ่ง Twogether มีกำหนดออกอากาศผ่านระบบสตรีมมิ่งพร้อมกันทั่วโลกพร้อมซับในวันแรกวันที่ 26 มิถุนายนที่จะถึงนี้
โครงเรื่องไม่มีอะไรแปลกใหม่ ยำประเด็นเข้ามาเยอะเกินไป จนรู้สึกไม่สุดสักทาง และทุกอย่างก็ยังไม่ถึงจุดจบ ต้องรอซีซั่นต่อไปโดยไม่มีทางเลือก
Pros
- การถ่ายทำดี ภาพชัด ตัดต่อเนียน
- เพลงประกอบเพราะ
- มีการเล่าเรื่องได้ค่อนข้างน่าสนใจ
Cons
- หนังดูค้างๆ ไปซะทุกด้าน
- เล่นมุขวนลูปบ่อยไปหน่อย
- เก็บไต๋ไว้ภาคต่อไปเยอะเกินไป ต้องรออีกกว่า 1 ปี
- ดูผ่าน Netflix คลิกที่นี่
- SKIP IT ข้ามผ่านเลย
Triad Princess นับเป็นซีรี่ส์จากไต้หวันเรื่องแรกที่ได้รับทุนจาก Netflix ในการสร้างแบบเต็มๆ (เรื่องก่อนหน้านี้ A Taiwanese Tale of Two Cities นั้นมี iQiyi อ่านว่า “อ้ายฉีอี้” เป็นโต้โผหลัก) โดยในซี่ซั่นแรกนี้ มีด้วยกัน 6 ตอน และแต่ละตอนก็มีความยาวแค่ 30 นาทีเศษ ถือว่าเป็นซีรี่ส์ที่สั้นมากๆ เมื่อเทียบกับของประเทศอื่นๆ ที่ได้ทุนไป
Triad Princess – ลูกสาวเจ้าพ่อลุ้นรัก หนังตัวอย่าง
เรื่องย่อ
หนังเป็นเรื่องราวความรักระหว่าง “ฉู อี้หัง” นักแสดงหนุ่มสุดหล่อ ดาวรุ่งพุ่งแรง ฉายา สามีแห่งชาติ กับ “หนี่ แองจี้” ลูกสาวเจ้าพ่อมาเฟียแก๊งใหญ่แห่งเกาะไต้หวัน ซึ่งเธอเกิดมาพร้อมกับหน้าตาที่สะสวยเหมือนแม่ที่เป็นดารา และเก่งเรื่องบู๊ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเตะ ต่อย ยิงปืน ใช้มีด ที่ได้พ่อมาเต็มๆ
อยู่ๆ วันหนึ่งผู้จัดการดาราต้นสังกัดของ อี้หัง ได้นัดพบพ่อของ แองจี้ เพื่อจะจ้างเธอไปเป็นบอร์ดี้การ์ดให้ดาราสาวอีกคนในสังกัด และแน่นอนว่า “หนี่ คุน” พ่อของแองจี้ ปฏิเสธไปเพราะจะให้แองจี้ไปแต่งงานกับลูกชายเพื่อนสนิทที่เป็นเจ้าพ่ออีกแก๊งของฮ่องกง ไม่อยากให้ลูกสาวหัวแก้หัวแหวนต้องออกไปทำงานเดินตามดาราต้อยๆ เมื่อแองจี้รู้ดังนั้นเธอจึงหนีออกจากบ้าน และแอบไปสมัครเป็นบอร์ดี้การ์ดด้วยตัวเองอย่างลับๆ เพราะจะตามไปติ่ง อี้หัง ดาราหนุ่มคนโปรดในสังกัดนั้น แล้วเรื่องราววุ่นๆ ก็เกิดขึ้นอย่างมากมาย ตามสไตล์หนัง แอ็กชั่น, โรแมนติก, คอมเมดี้ ทั่วๆ ไป เว้นแต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในซีซั่นนี้มันมีประเด็นนู่นนี่นั่นเข้ามาวุ่นวายเยอะแยะเต็มไปหมดนี่สิ
โลภ หรือ รีบ
ที่ว่าโลภนี่ไม่ใช่ว่าผมจะกล่าวหาทีมงานว่าซุกเงินนะครับ แต่หมายถึงพยายามจะใส่ทุกอย่างมาในหนังชุดที่ถือว่าสั้นมากๆ นี้
เท่าที่ผมพอได้ยินมา (ถูกผิดไม่แน่ใจ) แต่ละประเทศที่ได้ทุน Netflix ไปจะได้ไปในงบพอๆ กัน โดยจากที่เราเห็นกลุ่มนี้ก็จะมี “Kingdom” และ “Love Alarm” จากเกาหลี, “เคว้ง” จากไทย แล้วก็มาถึงเรื่องนี้ “Triad Princess” จากไต้หวัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีความยาวอยู่ที่ 8 ตอน ยกเว้นเรื่องนี้ที่มาแค่ 6 ตอนเท่านั้น
และถึงจะมีแค่ 6 ตอนแต่ ผู้กำกับก็เลือกที่จะใส่อะไรมามากมายเหลือเกิน …โอเค, เข้าใจว่าพล็อตหลักค่อนข้างจะเก่า เลยต้องเอาความเป็นคอมเมดี้เสริมเข้ามาเพื่อให้หนังน่าสนใจขึ้น แต่เอาจริงๆ นะ ผมว่าใส่มาพร่ำเพรื่อไปหน่อย มีหลายมุขที่ใส่มาแบบไม่เห็นต้องใส่เลย แถมทำโปรดักชั่นซะดีเกินจำเป็นอีกต่างหาก (งบหมดไปกับของแบบนี้แน่เลย…) นอกจากนี้ ยังมีเรื่องราวมดราม่าของตัวละครอื่นๆ ที่แวดล้อมอยู่รอบตัวพระเอกและนางเอกเข้ามาอีก อย่างเช่นเจ้าของต้นสังกัดที่อี้หังอยู่ก็มีดราม่าเป็นของตนเอง “หลิงหยุน” ดาราสาวจากค่ายเดียวกันและเป็นคู่จิ้นกับอี้หัง ก็มีดราม่าอีกเรื่องเป็นของตนเอง แม้แองจี้จะเข้ามาช่วยแก้ไขให้ แต่ด้วยที่หนังอยากให้มองว่าเป็นหนังตลกเลยจะไม่มีคนตายในหนัง ทำให้ตัวร้ายยังสามารถกลับมาตามรังควานหลิงหยุนได้เรื่อยๆ ด้วยความแค้นที่มากกว่าเก่าอีกต่างหาก ไหนจะมุขตลก..มั้ง? ที่ใส่มาระหว่างเพื่อสนิทของนางเอก กับลูกน้องมาเฟียของนางเอก และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้โดยรวมทุกอย่างดูรีบร้อนไปหมด เจอกันครั้งสองครั้งก็รักกันได้ ปัญหาก็แก้อย่างลวกๆ ทำให้ตัวหนังไปไม่สุดสักทาง จะขำก็ไม่ค่อย จะแอ็กชั่นก็ไม่มาก จะดราม่าก็ไม่ซึ้ง
ตอนเริ่มดู 2 ตอนแรกนี่ทำเอาแทบไม่อยากดูต่อเลย ต้องรอมาถึงตอนที่ 6 ถึงดูจะเริ่มเป็นโล้เป็นพายขึ้นมาหน่อย จังหวะจบเลยก็ทำแบบมีภาค 2 แน่ๆ ก็ดูน่าสนใจดีอยู่บ้าง ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้มีภาค 2 ไวๆ และหวังจะแก้ตัวได้บ้างนะ แต่เหมือนว่าต้องรอ ธันวาคม 2020 เลย ส่วนภาคแรกที่ผมว่าไม่ผ่านอะครับ
สรุป
ถ้าจะดูดารา หรือหนังแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก ก็ดูได้นะครับ แต่ถ้าจะเอาเนื้อเรื่องก็ผ่านไปได้เลยไว้ย้อนมาตอนมีเวลาก็ได้ ช่วงนี้ซีรี่ส์มาเยอะไปเรื่องอื่นก่อนดีกว่า