คอนเซปต์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวนี้โยงกับเลข 3 อย่างมาก เพราะเขาบอกว่าหลังจากทำการศึกษาผู้บริโภคแล้ว พบว่าปัญหาหลัก ๆ ที่พวกเธอต้องการอย่างแรกคือการมีผิวที่เรียบเนียน อย่างที่สองคือต้องการผลิตภัณฑ์ที่มอบความชุ่มชื่นยาวนานและมอบความสบายให้กับผิว สุดท้ายคือต้องการความเปล่งปลั่งดูมีสุขภาพดี ซึ่งเขาก็ตอบโจทย์สามข้อนี้ด้วยส่วนผสมสามอย่างในแต่ละข้อ
ในแง่ของการมอบความเรียบเนียนให้กับผิวนั้น ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีส่วนผสมของกรด AHAs สามชนิด ซึ่งได้แก่ Glycolic Acid กับ Mandelic Acid และ Citric Acid ซึ่งมีขนาดของโมเลกุลที่ต่างกันจะส่งผลต่อการดูดซึมและการทำงานในแต่ละระดับชั้นของผิวชั้นนอก (เล็กที่สุดคือ Glycolic ตามมาด้วย Mandelic และ Citric ตามลำดับ) ทางแบรนด์ไม่ได้ระบุความเข้มข้นมาให้ แต่กะโดยคร่าว ๆ น่าจะอยู่ที่ราว 4-5 % ทดสอบแล้วมีค่า pH4 โดยประมาณ
AHAs ช่วยในเรื่องของการผลัดเซลล์ผิวชั้นขี้ไคลให้หลุดอ่อนเผื่อเสริมให้เกิดการสร้างผิวใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม ในระดับความเข้มข้นที่ไม่มากนี้เหมาะกับการใช้ประจำทุกวัน ซึ่งช่วงที่ทดลองใช้ก็รู้สึกได้ว่าผิวเราเรียบเนียนขึ้นจริง ๆ
สำหรับในเรื่องของการให้ความชุ่มชื่นนั้น ทางแบรนด์ใช้ส่วนผสมสามชนิดหลัก นั่นก็คือ Hyaluronic Acid สองรูปแบบที่มีขนาดโมเลกุลต่างกัน (Sodium Hyaluronate และ Hyaluronic Acid) อีกส่วนผสมหนึ่งทางแบรนด์บอกว่าเป็นสารสกัดที่ได้มาจาก Blue Agave ซึ่งเป็นพืชแบบว่านหางจรเข้แต่มีขนาดใหญ่กว่ามาก แต่มันไม่มีชื่อของพืชชนิดนี้อยู่ในส่วนผสมหรอกนะ เพราะจริงๆ แล้วสิ่งที่เขาใส่มามันไม่ใช่สารสกัดจากพืชที่ว่าโดยตรง แต่เป็น Yeast Extract จากยีสต์ที่อาศัยอยู่บนต้น Blue Agave ต่างหาก ส่วนผสมที่ว่านี้น่าจะเป็นสารที่มีชื่อทางการค้าว่า Prohyal+ โดยบริษัท Silab ที่เคลมว่าสารสกัดนี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างไฮยาลูโรนิคแอซิดในผิวตามธรรมชาติได้มากขึ้น
ไฮยาลูโรนิคแอซิดมีลักษณะเป็นเจลที่อุ้มน้ำ มีอยู่ทั้งในผิวชั้นในและผิวชั้นนอก ในผิวชั้นในนั้นเจลเหล่านี้จะเป็นทั้งโครงสร้าง เพิ่มความเด้งดึ๋ง เป็นแหล่งสำรองความชุ่มชื่น รวมถึงมีอิทธิพลต่อการตกกระทบและกระจายแสงของผิวด้วย สำหรับผิวชั้นนอก มันเป็นแหล่งเก็บความชุ่มชื่นที่ดีทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น
ในเรื่องของทำให้เปล่งปลั่งมีสุขภาพดีนั้น ส่วนผสมสามชนิดที่เขาใช้ก็คือ Bismuth Oxychloride ซึ่งให้เอฟเฟคเหลือบมุกกระจายแสงแบบละเอียดมาก ตัวกระจายแสงใส่มาเพื่อให้เอฟเฟคกระจ่างใสในทันที แต่ในครีมตัวนี้น่าจะใส่มาไม่เยอะจึงไม่เห็นผลทันทีชัดเจนเท่าไหร่ (ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีในมุมมองของเรา เราไม่ชอบครีมที่แล้วดูหลอก ดูมีวิ้ง ๆบนผิวชัดจนเกินไป) ส่วนผสมอันที่สองคือ Evodia Rutaecarpa Fruit Extract ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรจีนชนิดหนึ่ง ทางแบรนด์เคลมว่าช่วยกระตุ้นการไหลเวียนใต้ผิวเพื่อให้โทนสีผิวสวยสดใส ตัวนี้คาดว่าน่าจะเป็นสารที่มีชื่อทางการค้าว่า Gatuline® Radiance จากบริษัท Gattefossé สารสกัดตัวสุดท้ายคือ Opuntia Coccinellifera Flower Extract หรือดอกของต้นกระบองเพชรชนิดหนึ่งเคลมว่ากระตุ้นการสร้างเอนไซม์ในผิวเพื่อเพิ่มความเปล่งปลั่ง อันนี้หาข้อมูลไม่เจอจริง ๆ แฮะ
นอกจากส่วนผสมของสารออกฤิทธ์ที่ว่ามานี้ ก็ยังมีส่วนประกอบของวิตามินอีช่วยต้านอนุมูลอิสระ และ Adenosine เป็นสารต่อต้านริ้วรอยที่ปัจจุบันนิยมใช้กันทั่วไป
Ingredients : Aqua/Water/Eau, Cyclopentasiloxane, Stearic Acid, Glycerin, Butylene Glycol, C12-15 Alkyl Benzoate, Glycolic Acid, Dimethicone, Polyacrylamide, Cetearyl Alcohol, Phenoxyethanol, Sodium Hydroxide, C13-14 Isoparaffin, Dimethicone Crosspolymer, Ceteareth-20, Ammonium Acryloyldimethyltaurate/VP Copolymer, Polysilicone-11, Acrylates/C10-30 Alkyl Acrylate Crosspolymer, Laureth-7, Citric Acid, Chlorphenesin, Mandelic Acid, Tocopheryl Acetate, Synthetic Fluorphlogopite, Ethlhexyl Palmitate, Propanediol, Parfum/Fragrance, Disodium EDTA, Adenosine, Evodia Rutaecarpa Fruit Extract, Limonene, Faex/Yeast Extract/Extrait De Levure, Magnesium Stearate, Opuntia Coccinellifera Flower Extract, Silica Dimethyl Silylate, Caprylyl Glycol, BHT, Ethylhexylglycerin, Hyaluronic Acid, Silanetriol, Sodium Hyaluronate, Sorbic Acid, Hexylene Glycol, Bismuth Oxychloride (CI 77163).
สิ่งที่โดดเด่นมากและเป็นสิ่งที่เราประทับใจก็คือเนื้อครีมอันใหม่นี้มันแจ่มเลยล่ะ เทคโนโลยีการผลิตของเขาทำให้ได้ออกมาเป็นเนื้อแบบ Whipped Sorbet ที่ละมุน ๆ เบา ๆ ฟูหน่อย ๆ พอแตะลงบนผิวแล้วรู้สึกฉ่ำสบายผิว ซึมง่าย และเมื่อเซ็ทตัวแล้วจะไม่เหนอะหนะ
คือไอ้ส่วนผสมที่ร่ายยาวมาข้างบนมันจะไม่เกิดเลยถ้าเนื้อครีมมันเห่ย แต่อันนี้ดีม๊าก คนที่ผิวธรรมดา ผิวผสม หรือผิวที่ค่อนไปทางแห้งหน่อยคงจะชอบน่าดูทีเดียว สำหรับผิวมันตัวนี้ไม่เหนอะแต่ไม่ดูดซับหรือคุมความมัน และสำหรับผิวแห้งหรือแห้งมาก ตัวนี้เรามองว่าไม่น่าจะเพียงพอ ต้องหามอยซ์เจอไรเซอร์ที่เนื้อหนักกว่านี้หน่อย
ครีมตัวนี้มีส่วนผสมของน้ำหอม แต่กลิ่นมันบางเบามากจนเหมือนกับใช้พวกครีมที่ไม่ผสมน้ำหอม คือจะได้แต่กลิ่นของส่วนผสมมากกว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีในความคิดของเรา แต่จะดีกว่านี้มากถ้าไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมเลย
ข้อเสียหนึ่งที่จะไม่พูดก็คงไม่ได้ก็คือบรรจุภัณฑ์นรูปแบบกระปุก ซึ่งเอาจริงกระปุกมันสวยดูดีมีสกุลมากกว่ารุ่นเดิมนะ แต่บรรจุภัณพ์แบบกระปุกก็ไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่เมื่อใช้ไปนาน ๆ (ควรไม้พันสำลี หรือไม้พายตัก ไม่ควรใช้นิ้วจ้วง เพื่อลดการปนเปื้อนของเชื้อโรค) สำหรับเรื่องผลกระทบต่อส่วนผสมข้างในนั้น ตัวนี้ไม่ได้มีแอนติออกซิแดนท์มากเท่าไหร่นอกจากวิตามินอี ถ้าไม่คิดมากก็คงไม่เป็นไรมั้ง
โดยสรุปแล้ว Philosophy : Renewed Hope in a Jar Refreshing & Refining Moisturizer เป็นการปรับสูตรใหม่หมดจดที่ดีขึ้นในเกือบทุกด้าน ส่วนผสมของสารบำรุงหลักเน้นไปที่ความต้องการพื้นฐานของผิว สารผลัดเซลล์ผิวอยู่ในระดับที่อ่อนโยน มีค่า pH ที่คาดหวังผลได้ เบลนด์ของส่วนผสมให้ความชุ่มชื้นมาพร้อมกับเนื้อสัมผัสที่เสริมกันและกันทำให้ประสบการณ์ในการใช้นั้นน่าประทับใจ ผิวโดยรวมเรียบเนียนขึ้นและดูสดใส ชุ่มชื่น และนุ่มขึ้นภายในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของการทดลองใช้
กลิ่นน้ำหอมนั้นบางเบาจนไม่เป็นอุปสรรคในการใช้ แต่หากใครมีผิว sensitive ระคายเคืองง่าย บอบบาง หรือกังวลเรื่องอาการแพ้นั้น ก็คงต้องทดสอบอาการแพ้ดูก่อน (แต่อย่างไรก็ดี ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มี AHAs และค่า pH ที่เป็นกรดอ่อน มันไมาได้ทำมาเพื่อผิว sensitive ตั้งแต่แรกแล้วล่ะ)
คำเตือนเล็กน้อยด้วยความปรารถนาดี การทายากันแดดเป็นประจำโดยมีค่า SPF30 ขึ้นไป (แดดบ้านเรา 15 ไม่น่าจะอยู่) เป็นประจำทุกวันนั้นจำเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะเมื่อเราใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHAs นะจ๊ะ (แต่ถึงจะไม่ใช้ ก็ต้องทากันแดดทุกวันอยู่ดี)
นี่เป็นมอยซ์เจอไรเซอร์คุณภาพดีที่ให้ความรู้สึกสุนทรีย์ในการใช้ ถ้าปรับเรื่องบรรจุภัณฑ์ (ซึ่งเราคิดว่าคงเป็นไปไมไ่ด้) กับเพิ่มเรื่องสารแอนติออกซิแดนท์ให้มากขึ้น มันจะเพอเฟคเลยในความเห็นของเรา
สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง