สาระสำคัญ/ความคิดรวมยอด
การซ่อมแซมอุปกรณ์ เครื่องมือและเครื่องใช้ต้องพิจารณาจากลักษณะการชำรุดเป็นสำคัญ
ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้
ตัวชี้วัด
ง 1.1 ป.4/1อธิบายเหตุผลในการทำงานให้บรรลุเป้าหมาย
ง 1.1 ป.4/2 ทำงานบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ อย่างเป็นขั้นตอน ด้วยความขยัน อดทนรับผิดชอบ และซื่อสัตย์
ง 1.1 ป.4/3ใช้พลังงานและทรัพยากรในการทำงานอย่างประหยัด และคุ้มค่า
จุดประสงค์การเรียนรู้
1.วิเคราะห์ลักษณะการชำรุดของอุปกรณ์
เครื่องมือ และเครื่องใช้
2.เลือกวิธีการซ่อมแซมอุปกรณ์ เครื่องมือ และเครื่องใช้ได้เหมาะสมกับลักษณะการชำรุด
3.เห็นความสำคัญของการซ่อมแซมอุปกรณ์ เครื่องมือ และเครื่องใช้
สาระสำคัญ/ความคิดรวมยอด
ในการทำงานช่าง เราต้องรู้จักวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือช่างแต่ละชนิด เพราะมีการใช้งานที่แตกต่างกัน
ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้
ตัวชี้วัด
ป.1/1 บอกวิธีการทำงานเพื่อช่วยเหลือตนเอง
ป.1/2 ใช้วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือง่ายๆ ในการทำงานอย่างปลอดภัย
ป.1/3 ทำงานเพื่อช่วยเหลือตนเองอย่างกระตือรือร้นและตรงเวลา
จุดประสงค์
1. ยกตัวอย่างเครื่องมือที่ใช้ในงานช่างได้
2. เขียนวิธีการใช้งานของเครื่องมือในงานช่างได้อย่างถูกต้อง
3. เห็นประโยชน์ของการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือในงานช่างที่เหมาะสมกับงาน
การวัดผลและประเมินผล
1. การตอบคำถาม
2. ประเมินผลงาน/ใบงาน
3. สังเกตพฤติกรรมนักเรียน (รายบุคคล)
คุณครู Qanda - ครูพี่ปุ๋ย 1) การเลือกใช้และบำรุงรักษาอุปกรณ์ มีหลักการดังนี้ 1. ควรเลือกใช้ให้ถูกประเภทของวัสดุและอุปกรณ์ 2. ควรศึกษาวิธีการใช้ก่อนลงมือใช้ 3. เมื่อใช้แล้วเก็บไว้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย 4. ซ่อมแซมเครื่องมือที่ชำรุดให้พร้อมใช้เสมอ คุณครู Qanda - ครูพี่ปุ๋ย
ประเภทและสมบัติของวัสดุ วัสดุที่นำ มาทำ สิ่งของเครื่องใช้ที่เราพบในชีวิตประจำ วันส่วนใหญ่ ได้แก่ วัสดุประเภท ไม้ โลหะ พลาสติก ยาง ซึ่งแต่ละประเภท มีสมบัติและการนำ ไปใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้ 1.ไม้ (wood) คือ วัสดุธรรมชาติที่ได้มาจากลำ ต้นของต้นไม้ สามารถนำ มาใช้ประโยชน์ได้หลากหลายเนื่องจากมีสมบัติที่ดีหลายด้าน เช่น มีความแข็งแรง ทนทาน ไม่เป็นสนิม มีผิวเรียบ มีกลิ่นและลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่มีข้อเสียคือ ถ้าใช้ไปนาน ๆ อาจเกิดการโก่งตัว หรือผุได้ นำ มาใช้ทำเป็น คาน โครงหลังคาบ้าน ประตู หน้าต่าง เฟอร์นิเจอร์ 2. โลหะ (metals) คือ วัสดุที่ได้จากการถลุงสินแร่ต่าง ๆ โลหะส่วนใหญ่ผ่านกระบวนการปรับปรุงสมบัติให้ดีขึ้นก่อนนำ มาใช้งาน โลหะเป็นวัสดุที่นำ มาใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง เนื่องจากมีสมบัติที่ดีมากมาย เช่น เป็นตัวนำ ความร้อนและนำ ไฟฟ้าได้ดี มีความแข็งแรงสูง มีความคงทนถาวร ไม่เสื่อมสลายหรือเปลี่ยนแปลงสภาพง่าย เป็นวัสดุทึบแสง ทนทานต่อการกัดกร่อน มีความสวยงาม ผิวของโลหะสามารถขัดให้เป็นเงาวาว สามารถตีเป็นแผ่นบางหรือดึงให้เป็นเส้นลวดได้ ใช้ทำ ชิ้นส่วนอะไหล่ อุปกรณ์ เครื่องมือช่าง ลวด กรรไกร ชิ้นส่วนเครื่องจักร 3. พลาสติก (plastic) คือ วัสดุสังเคราะห์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลผลิตที่ได้จากการกลั่นน้ำ มันดิบ ปัจจุบันมีการใช้พลาสติกกันมากเนื่องจากพลาสติก มีหลายชนิด ทำ ให้พลาสติกมีสมบัติที่หลากหลาย เช่น บางชนิดมีลักษณะอ่อนนิ่ม บางชนิดจะแข็งมาก บางชนิดทนความร้อน ได้น้อยแต่บางชนิดทนความร้อนได้มาก บางชนิดหลอมละลายนำ มาใช้ใหม่ได้ บางชนิดไม่สามารถหลอมแล้วนำ มาใช้ใหม่ได้ แต่มีสมบัติโดยรวมที่เหมือนกัน เช่น น้ำ หนักเบา เป็นฉนวนไฟฟ้า สามารถทำ ให้เป็นสีต่าง ๆ ได้ ไม่เป็นสนิม ใช้งานหลายหลาย เช่น ถุงใส่ของ ช้อน ขวดน้ำ กะละมัง จานชาม สายไฟ ปลั๊กไฟ โฟมกันกระแทก รองเท้า 4. ยาง (rubber) คือ วัสดุที่มีความยืดหยุ่น เมื่อออกแรงดึงหรือกด ยางจะยืดหรือยุบและกลับสู่สภาพเดิมได้เมื่อปล่อยให้ยางเป็นอิสระ ยางแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ ยางธรรมชาติ (natural rubber) และยางสังเคราะห์ (synthetic rubber) ยางธรรมชาติได้มาจาก ต้นยาง มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการฉีกขาดและการสึกหรอ แต่ไม่ทนต่อตัวทำ ละลายพวกน้ำ มันปิโตรเลียม และเสื่อมสภาพเร็ว ภายใต้แสงแดด ความร้อน ออกซิเจน และโอโซน การใช้งาน เช่น ถุงมือยาง ยางรัดของ ลูกโป่ง ยางรถยนต์ ส่วนยางสังเคราะห์ ได้มาจากการสังเคราะห์ทางเคมีเพื่อเลียนแบบยางธรรมชาติ สามารถปรับปรุงสมบัติให้ดีขึ้นหลายด้าน เช่น ทนต่อเปลวไฟ สภาพอากาศ แสงแดด สารเคมีและน้ำ มันได้ตามต้องการ ทนทานต่อการใช้งานและเสื่อมสภาพได้ช้ากว่ายางธรรมชาติ แต่มี ราคาแพงกว่า ตัวอย่างการใช้งาน เช่น ยางรถยนต์ แป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ซิลิโคน พื้นรองเท้า ยางขอบหน้าต่าง