Margin level เท่า ไหร่ ล้างพอร์ต

คุณควรมีเงินในบัญชีเท่าไหร่ถึงจะเทรดได้? คุณจะต้องมีเงินเพื่อรักษาตำแหน่งที่เปิดอยู่ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าวจะถูกเรียกว่า Margin ซึ่งโบรกเกอร์จะตั้งข้อกำหนดของ Margin สำหรับลูกค้าเอาไว้

โดยปกติ margin จะเท่ากับ 1-2% ของขนาดตำแหน่ง ความคิดนี้ใกล้เคียงกับคำว่า 'leverage'

เมื่อคุณทำการค้ากับ margin คุณจะต้องใช้ leverage: คุณสามารถเปิดตำแหน่งได้มากกว่าจำนวนเงินที่คุณมีอยู่ในบัญชีของคุณ

การเคลื่อนไหวเพียงเบ็กน้อยเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดผลกำไรขนาดใหญ่หรือขาดทุนขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับตำแหน่งที่ไม่มีการขาย

ลองมาดูกันว่ามันทำงานอย่างไรในตัวอย่างค้อไปนี้

คุณมีเงินฝาก 1,000 ดอลลาร์ฯและต้องการซื้อขาย 10,000 ดอลลาร์ฯ

ในกรณีนี้ 1% margin เท่ากับ 100 ดอลลาร์ฯจะถูกตั้งไว้นอกบัญชีของคุณ นี่คือ margin ที่ใช้

ในเทอร์มินอล ช่อง "การค้า" คุณสามารถดูคอลัมน์ "Balance", "Equity" และ "Usable Margin" ได้

"Margin ที่ใช้ได้" จะเท่ากับ “Equity” น้อยกว่า “Used Margin”เสมอ   leverage คือ 100:1 เนื่องจากคุณสามารถควบคุม $10,000 โดยมีเพียง $100 เท่านั้น

ส่วนที่เหลืออีก 99% มาจากโบรกเกอร์ คุณจำเป็นต้องใช้ margin เพื่อความปลอดภัยของโบรกเกอร์ในกรณีที่ตลาดสวนทางตำแหน่งของคุณ

โบรกเกอร์มักกำหนด margin ที่เรียกว่าระดับ (level)

ตัวอย่างเช่นถ้าเป็น 20% คุณจะได้รับ margin call หากบัญชีของคุณลดลงเหลือ 20% ของ margin (ในกรณีของเรา 20% ของ $100 คือ $20)

ในกรณีนี้คุณจะได้รับคำเตือนจากโบรกเกอร์ของคุณว่าคุณจำเป็นต้องปิดการค้าหรือฝากเงินเพิ่มเพื่อให้ได้มาซึ่ง margin ที่ต้องการขั้นต่ำสุด

นอกจากนี้ระวังว่าโบรกเกอร์จะต้องปิดตำแหน่งของคุณในราคาตลาดในปัจจุบันหากอัตราส่วนเงินฝากของคุณสูญเสียไปถึงระดับ stop out level 

ถ้า stop out เท่ากับ 10%,  กรณีนี้จะเกิดขึ้นถ้าส่วนของคุณลดลงเหลือ $10 (10% ของmargin) บางครั้ง margin call และ stop out เหมือนกัน

และหากลดลงต่ำกว่า 100% ของความต้องการขั้นต่ำในการซื้อขายตำแหน่งจะโดนปิดโดยปราศจากคำเตือนใดๆ

Margin requirements, ระดับ margin call และ stop out levels aถูกกำหนดโดยโบรกเกอร์สำหรับแต่ละประเภทบัญชีและแสดงไว้ที่เว็บไซต์ของบริษัทนั้นๆ

ในฐานะของเทรดเดอร์ คุณควรทำให้ดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการแตะ  margin call และ stop out levels

คล้ายกัน

 2,829 ครั้ง ที่มีคนอ่านบทความนี้

ผู้สนับสนุน

• บทความนี้ทำขึ้นเพราะ ผู้เขียนไม่อยากให้ใครล้างพอร์ตแบบงงๆ😅 ส่วนท่านใดที่ตั้งใจ Over Trade และพร้อมจะล้างพอร์ตก็ไม่มีใครห้ามนะครับ 😉

• สรุปสั้น ๆ😎 สำหรับคนไม่อยากอ่านเยอะ แก่นก็มีแค่ ถ้ามีเงินในพอร์ตที่สมดุล และออก Lot รวมทั้งหมดไม่ Over Trade เกินหลัก MM ก็จะทำให้ล้างพอร์ตยาก แถมใจไม่สั่น ไม่เครียด😂 และถ้ามีการ MM เผื่อการโดนลากไว้เยอะ หรือเผื่อการแก้ไม้ คุณก็แทบจะไม่ต้องเฝ้ากราฟก็ได้เพราะเดี๋ยวราคาก็กลับมากำไร 😊

• การออก Lot รวมน้อยๆ ทำให้ ล้างพอร์ตยาก (ตามเปอร์เซ็นทุน)
• การออก Lot รวมมากๆ ทำให้ ล้างพอร์ตเร็ว (ตามเปอร์เซ็นทุน)

*หมายเหตุ คำว่า "จุด" ในที่นี้ ภาษาสากลคือ Point แต่... 😅 มีคนจำนวนไม่น้อยใช้ผิดและสอนผิดต่อๆกันมา(รวมทั้งผมด้วย) เพราะจริงๆแล้วจะมีทั้ง Point และ Pip ซึ่งถ้าในทอง (XAUUSD) มีทศนิยม 2 ตำแหน่ง จะมีหน่วยเป็น Pip แต่เทรดเดอร์ชาวไทยอาจจะไปนับตามจำนวนที่ MT4 นับมาเป็นตัวเลขแบบไม่มีหน่วยมาให้เห็นครับ*😅 เพราะฉะนั้นถ้าเห็นคำว่า "MM 30,000 จุด" สำหรับราคาทองที่มีทศนิยม 2 ตำแหน่ง คือการ "MM 30,000 Pips" นะครับ*

ทั่วไปแล้ว คนที่ล้างพอร์ตมี 2 แบบคือ
1. ยังไม่รู้หลักการ MM ( Money Management )
2. รู้หลักการ MM อยู่นะ แต่อยากใช้พอร์ตเป็นจุด SL หรือไม่ก็อารมณ์มันพาไป😅

การล้างพอร์ต คือ “การที่จำนวนเงินในพอร์ตเทรดนั้นๆ เหลือ Equity ซึ่งรวมไปถึง ระดับ Margin Level % (ใน MT4 จะมีบอก) ที่ไม่เพียงพอที่จะทนโดนลากไปผิดทางได้อีกแล้ว” (คล้ายๆกับการที่คนๆนึงทำธุรกิจเจ๊งล้มละลาย แล้วโดนธนาคารยึดเงินทุนคืน เพราะธนาคารก็ไม่อยากปล่อยกู้กับคนทำเจ๊ง ให้เกิดความเสียหายต่อ) พอร์ตนั้นๆ ก็จะเกิดอาการ Stop out หรือปิดออเดอร์ที่ขาดทุน ออกจากพอร์ตนั้นๆโดยอัตโนมัติ

“สิ่งที่ทำให้ล้างพอร์ตเร็ว คือ การออก Lot รวม ที่มากเกินกว่าที่ MM ไว้ หรือที่เรียกว่า Over Trade”

การออก Lot รวม ที่สมดุลกับเงินทุนคิดยังไง? เราก็ต้องไปดูหลัก MM (Money Management) ส่วนใหญ่จะบอกให้ MM เผื่อการทนลากได้ 10,000 จุด ซึ่งหมายถึง เช่น Lot 0.01 (1 ไม้) จะต้องใช้ทุน 100$

ตัวอย่าง จำนวนจุด กับ Lot ที่กดออเดอร์เข้าตลาด เช่น Lot 0.01 (1 ไม้) ราคาวิ่งไป 100 จุด จะเท่ากับ 1$ , ถ้าราคาวิ่งไป 1,000 จุด จะเท่ากับ 10$

สูตรคำนวณ Lot รวมทั้งหมด ที่เข้าตลาดได้คือ
( ทุนที่มีในพอร์ต ÷ จำนวนระยะที่จะ MM )
จะยกตัวอย่างจากทุน 1,000
– ในพอร์ตแบบ Standard = 1,000 USD
– ในพอร์ตแบบ Cent = 1,000 Cent (10 USD)

จากสูตรคือ ทุน 1,000 ÷ MM 10,000 = 0.10
หมายความว่า Lot รวมทั้งหมดที่ออกได้ = 0.10
*คือ ออเดอร์กี่ไม้ก็ได้ ที่ Lot ทั้งหมดไม่เกิน 0.10* เช่น
– 0.10 (1 ไม้)
– 0.03 (1 ไม้) , 0.07 (อีก 1 ไม้)
– 0.05 (2 ไม้)
– 0.01 (10 ไม้)

จากนั้น คุณผู้อ่านก็สามารถเอาสูตรการ MM ข้างบนนี้ ไปใส่กับกลยุทธการเทรดของคุณ ว่ารับความเสี่ยงได้แค่ไหน จะมี SL ไว้ที่กี่เปอร์เซ็นของทุน

ผู้สนับสนุน

เช่น สมมุติมีทุน 100$ แล้วคุณสามารถรับความเสี่ยงได้ที่ 5% ก็ต้องตั้ง SL ไว้ที่ 5$ ซึ่งก็จะอิงตามจำนวน Lot รวมที่เปิดออเดอร์ด้วย ถ้าออก Lot รวม 0.01 (1 ไม้) ราคาต้องผิดทาง 500 จุด ก็จะถึง 5$

แต่ส่วนของผู้เขียนนั้น ได้ใช้กลยุทธ์ที่ไม่มี SL เพราะรู้สึกว่าตั้งทีไรก็โดนแดรก แล้วมันก็เด้งกลับไปให้เจ็บใจ!!🤣😂 …จึงอยากเชิญชวนให้ผู้อ่านได้ MM ไว้ที่ 30,000 จุด ครับ เพื่อความไม่ประมาทต่อตลาด Forex โดยเฉพาะทอง ที่เวลาโดนรายใหญ่ทุบราคาอย่างรวดเร็ว …ซึ่งการมี MM 30,000 จุด เผื่อประมาณนี้ ทำให้การเทรดของเรามีใจที่สบาย ไม่กดดัน ซึ่งการเหลือ Margin Level % ไว้ให้เยอะอยู่เสมอ ทุนในพอร์ตเราก็ปลอดภัย

อีกอย่างคือ ในกราฟราคาพอมันขึ้น เดี๋ยวมันก็ลง ถ้าเรา MM ครอบความเสี่ยง ของราคากว้างประมาณนึงไว้แล้ว การขาดทุนก็จะยาก ที่เหลือก็คือรอเก็บกำไรครับ 🙂

เรายินดีบอกวิธีทำกำไรได้ง่ายๆยาวๆด้วย
อยากรู้เพิ่มเติมมั้ยครับ?🙂 ถ้าอยากรู้ต่อก็…

ถ้าหากคุณอยากสอบถามรายละเอียดกับทางทีมงานเว็บ How2Trader ก่อน หรืออยากเรียนรู้กลยุทธ์แผนการเทรดที่ความเสี่ยงต่ำและไม่เครียด โดยคลิกที่รูปสีเขียวข้างล่างนี้ เพื่อมาพูดคุยทำความรู้จักกันก่อนได้ เพราะยังไงก็ต้องมีการพูดคุยกันอยู่แล้วครับ 😀

👉

👈