สภาพแวดล้อมในการทำงานที่ไม่เหมาะสมมีอะไรบ้าง

พื้นฐานเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน

สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเสมอในการปฏิบัติงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในโรงงานคือความปลอดภัย โดยเฉพาะการผลิตในภาคอุตสาหกรรมซึ่งมีความเสี่ยงที่จะได้รับ อันตรายจากการทำงานสูง  หากป้องกันไม่รัดกุมไม่เพียงพออาจก่อให้เกิดความเสียหายทั้งผู้ปฏิบัติงาน วัตถุดิบและเครื่องจักรในการผลิต อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และความประมาทของผู้ปฏิบัติงานเอง นอกจากนี้แล้วสภาพแวดล้อม ในการทำงาน เช่น การวางผังโรงงาน เครื่องจักร อากาศ แสงสว่าง หรือเสียงก็อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ หากสิ่งเหล่านั้นมีความบกพร่องและผิดจากมาตรฐานที่กำหนดไว้ก็อาจเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อเช่นกัน

ดังนั้นความปลอดภัยในการทำงานจึงถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำงาน เมื่อมีความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องแล้วนั้น โอกาสที่จะประสบอันตรายในขณะทำงานย่อมลดน้อยลงตามไปด้วย

ความปลอดภัยในการทำงาน คือ การมีสภาพการณ์ที่ปลอดภัยพนักงานที่ทำงานปราศจากการอุบัติเหตุต่างๆ ที่ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บต่อร่างกาย ชีวิต หรือทรัพย์สินในขณะที่ปฏิบัติงาน

อุบัติเหตุ คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดมาก่อน และ เมื่อเกิดขึ้นแล้วทำให้ส่งผลกระทบต่อการทำงาน ทำให้ทรัพย์สินเสียหายหรือ บุคคลได้รับบาดเจ็บ

การเกิดอุบัติเหตุมักเกิดจากสาเหตุที่สำคัญอยู่ 3 ประการ คือ

1. สภาพการณ์ หรือเครื่องมือเครื่องจักร อุปกรณ์ ไม่ปลอดภัย (hard ware) เช่น เครื่องจักรหรืออุปกรณ์มีการชำรุด มีพื้นที่หรือบริเวณทำงานที่เป็นอันตราย

2. วิธีการทำงานไม่ปลอดภัย (soft ware) เช่น ไม่มีการกำหนดขั้นตอนการทำงาน ไม่มี WI

3. ตัวบุคคลประมาท (human ware) พนักงานไม่มีความระมัดระวัง ทำงานด้วยความประมาท ชอบเสี่ยง ไม่ทำตามกฎระเบียบ เป็นต้น

จากข้อ 3. อุบัติเหตุที่เกิดจากการกระทำที่ไม่ปลอดภัยเป็นสาเหตุใหญ่ที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ คิดเป็น 85% ของการเกิดอุบัติเหตุทั้งหมด การกระทำที่ไม่ปลอดภัย ได้แก่

– การทำงานข้ามขั้นตอน หรือ ลัดขั้นตอน
– ความประมาท พลั้งเผลอ เหม่อลอย
– การมีนิสัยชอบเสี่ยง หรือเจตนาหลีกเลี่ยงเพื่อความสะดวกสบาย
– ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบความปลอดภัยในการทำงาน
– ปฏิบัติงานโดยไม่ส่วมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคค PPE
– ใช้เครื่องมือไม่เหมาะสมหรือผิดประเภท , ดัดแปลงหรือแปลงสภาพเครื่องมือ เครื่องจักร
– การทำงานโดยสภาพร่างกายหรือจิตใจไม่ปกติ ไม่พร้อมปฏิบัติงาน
– ทำงานด้วยความรีบร้อน เร่งรีบ เป็นต้น

การป้องกันอุบัติเหตุ ตามหลักการของ safety มีด้วยกัน 3 วิธีคือ

  1. การป้องกันหรือแก้ไขที่แหล่งกำเนิดอันตราย source เป็นแก้ไขแก้ที่ดีที่สุด ตามหลักวิศวกรรม Engineering เพราะได้ทำการจัดการที่ต้นเหตุของปัญหาด้วยการออกแบบให้เครื่องจักรหรือสถานที่เกิดความปลอดภัยมากขึ้น แต่การแก้ไขด้วยวิธีนี้มักใช้งบประมาณและต้นทุนมาก เสียเวลา และ ทรัพยากรค่าใช้จ่ายสูง หรือ การแก้ไขทำได้ยาก จึงไม่เป็นที่นิยมมากนัก ส่วนใหญ่เราจะเห็นบริษัทหรือโรงงานใหญ่ๆที่ให้ความสำคัญด้าน safety จริงๆจึงจะยอมลงทุนแก้ไขด้วยวิธีการนี้
  2. การป้องกันที่ทางผ่าน Path เป็นการตัดแยกให้แหล่งอันตรายกับคนทำงานแยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ยกตัวอย่างเช่น การทำงานกับเครื่องจักรที่มีจุดหนีบ การแก้ไขคือให้ทำการเอาเครื่องกำบังมาครอบเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้มือของพนักงานสามารถเข้าไปอยู่ในบริเวณจุดหนีบได้ เป็นต้น
  3. การแก้ไขที่ตัวบุคคล Receivers เป็นวิธีการแก้ไขที่สามารถทำได้โดยง่ายและรวดเร็วประหยัด ทำให้ส่วนใหญ่จะจบด้วยการที่ให้พนักงานทำงานอย่างระมัดระวัง หรือ สวมใส่ PPE แต่การแก้ไขด้วยวิธีนี้ข้อเสียคือมีความปลอดภัยน้อยที่สุดใน 3 วิธีที่กล่าวมาและบ่อยครั้งอุบัติเหตุก็ยังคงเกิดอยู่ซ้ำตามเดิม

การป้องกันอุบัติเหตุและทำงานให้เกิดความปลอดภัยนั้นยังสามารถทำได้ด้วยวิธีอื่นเข้ามาช่วย เช่น

  • การปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับในสถานประกอบการอย่างเคร่งครัด
  • ใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล PPE ตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติงาน
  • ติดตั้งการ์ดเครื่องจักร                                                                          
  • สวมใส่เครื่องแต่งกาย และแบบฟอร์มที่เหมาะสมกับลักษณะงาน ไม่ใส่เครื่องประดับ หรือ ปล่อยผมยาวขณะทำงานกับเครื่องจักร
  • จัดให้มีแสงสว่างภายในโรงงานที่เพียงพอตามมาตรฐานพิจารณาในด้านตำแหน่งที่ตั้งที่เหมาะสมของระบบโครมไฟฟ้า เพื่อให้ความเข้มส่องสว่างบนโต๊ะทำงานที่เพียงพอและไม่เกิดเงาหรือแสงสะท้อน รวมทั้งการเลือกชนิดของหลอดไฟที่เหมาะสมกับสภาพการทำงาน
  • พื้นที่ทำวานมีการระบายอากาศ พิจารณาของการไหลเวียนอากาศเข้าออกจากบริเวณทำงาน รวมทั้งคุณภาพของอากาศด้วย อาทิ ความชื้นสัมพัทธ์อุณหภูมิอากาศ ปริมาณฝุ่นละออง กลิ่นควันพิษที่มีอยู่ในอากาศนั้น
  • การจัดสถานที่ทำงานให้ถูกสุขลักษณะ หรือทำ 5ส ในบริษัทอย่างจริงจัง เป็นต้น

สรุป: ความปลอดภัยในการทำงานเป็นหน้าที่ที่ทุกคนต้องช่วยกันทำให้เกิดความปลอดภัยในองค์กรของเราโดยไม่โยนให้เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของใครคนใดคนหนึ่งเพื่อให้เรานั้นทำงานและกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย

แหล่งที่มา: [1]

สภาพแวดล้อมการทำงานที่น่าอยู่เป็นส่วนสำคัญสำหรับการสร้างทีมในปัจจุบัน และส่งผลทั้งกับวัฒนธรรมองค์กรเองและประสบการณ์ที่พนักงานจะได้รับด้วย การสร้างทีมนั้นเปรียบได้กับถนนที่มีทั้งไปและกลับ ในทางหนึ่งบริษัทตัดสินใจจ้างเพราะพนักงานมีความสามารถและประสบการณ์ที่บริษัทมองหา และในอีกแง่มุมก็คือบริษัทเองก็ต้องพยายามจูงใจพนักงานผ่านทางผลตอบแทน และเรื่องอื่นๆ สภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีนั้นจึงมีส่วนช่วยเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้พนักงานรู้สึกรักและผูกพันในองค์กรมากยิ่งขึ้น นอกเหนือไปจากผลตอบแทนที่เป็นตัวเงิน

เราคงคุ้นชินกันดีกับการที่คนรอบข้างบ่นให้ฟังว่าสภาพแวดล้อมที่ทำงานนั้นแย่ขนาดไหน จนทำให้เค้าหรือเธอคนนั้นทนไม่ไหวที่จะต้องหางานใหม่เลยทีเดียว และคนทำงานในปัจจุบันนั้นก็พิจารณาในหลายๆส่วนก่อนที่จะตกลงปลงใจกับองค์กรและพร้อมจะก้าวเดินไปด้วยกัน บริษัทเองนั้นก็ไม่อาจจะรั้งคนไว้ด้วยด้วยผลตอบแทนเพียงอย่างเดียว แต่ต้องตอบควบคู่ไปกับสิ่งอื่นๆ สิ่งแวดล้อมในการทำงานที่ดีนั้นจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและมีส่วนช่วยในเรื่องของ retention พนักงานได้มากจริงๆ ลองมาดูกันเลยดีกว่าว่าวิธีการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่น่าอยู่จะทำได้อย่างไรบ้าง

1.สภาพที่ทำงาน

เมื่อพูดถึงสภาพแวดล้อมการทำงานสิ่งแรกที่ต้องพูดถึงเลยก็คือเรื่องของสภาพที่ทำงานที่ทุกคนต้องใช้อยู่ทุกวัน คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าจริงๆแล้วเราต้องใช้เวลาถึง 1 ใน 3 อยู่ในที่ทำงานและหากที่ทำงานมีสภาพที่ไม่น่าอยู่แล้วล่ะก็จะส่งผลกระทบอย่างนานอน ดังนั้นแล้วขั้นตอนแรกของการสร้างสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่นั้นคือทำสถานที่ให้น่าอยู่ โดยสิ่งที่ควรพิจารณาจะมีดังต่อไปนี้

  • โต๊ะทำงานต้องมีเนื้อที่ให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างสะดวก
  • พื้นที่ส่วนตัวระหว่างพนักงานแต่ละคน ต้องมี personal space ที่เพียงพอ
  • แสงไฟในสถานที่ทำงานต้องเหมาะสมทั้งจากแสดงธรรมชาติและจากหลอกไฟ
  • มีพื้นที่ส่วนกลางให้พนักงานอย่างพอเหมาะ
  • ความสะอาดในที่ทำงานก็เป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจ

2.การสื่อสารในองค์กร

นอกจากในข้อแรกเรื่องสถานที่ทำงานแล้ว กิจกรรมอีกอย่างหนึ่งที่คนในที่ทำงานต้องเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือการพูดคุยสื่อสารกับคนอื่นในองค์กร และองค์กรนั้นก็คงจะเป็นองค์กรที่น่าทำงานด้วยไม่ได้ หากการสื่อสารในองค์กรเต็มไปด้วยคำด่าทอและความรู้สึกด้านลบที่พร้อมก่อตัวอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นแล้วคุณควรต้องทำให้มั่นใจว่าทุกคนรู้ว่าองค์กรไม่สนับสนุนพฤติกรรมเช่นนั้น และส่งเสริมในเรื่องการสื่อสารกันในแง่บวก วิธีการพูดและน้ำเสียงที่ใช้ในการพูดคุยกัน รวมไปถึงวิธิการที่หัวหน้าสื่อสารกับคนในทีม นอกจากนั้นแล้วองค์กรเองก็ยังสามารถส่งเสริมในเรื่องอื่นๆเช่น การให้หัวหน้างานจัดพูดคุยแบบหนึ่งต่อหนึ่งกับคนในทีมเป็นประจำ การที่ผู้บริหารหมั่นลงมาสื่อสารกับคนในองค์กรทุกระดับ ก็จะช่วยให้วัฒนธรรมการสื่อสารในองค์กรนั้นเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น

3.ดูแลสุขภาพจิตพนักงาน

สภาพแวดล้อมที่ดีไม่ใช่แค่เรื่องของภายนอกอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงเรื่องภายในอย่างจิตใจของพนักงานด้วยเช่นกัน ดังนั้นแล้วต้องทำให้มั่นใจว่าพนักงานจะรู้สึกมีความสุขในการใช้เวลาในออฟฟิศ สาเหตุหลักๆที่สำคัญที่ทำให้สุขภาพจิตของพนักงานแย่ลง หลักๆนั้นมาได้จากหลายทางมาก เช่น

  • work-life balance ที่ไม่ดี พนักงานรู้สึกไม่มีเวลาส่วนตัวของตนเอง
  • หัวหน้างานหรือเพื่อนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
  • ตัวเนื้องานที่มีความเครียดและซับซ้อนมากๆจนเกินกำลัง
  • สิทธิ์การลาที่มีก็เหมือนไม่มี ไม่อนุญาตให้พนักงานลางานเลบ
  • ปัญหาส่วนตัวของพนักงานเอง

จะเห็นได้ว่านอกจากในข้อสุดท้ายแล้วนั้น บริษัทสามารถมีส่วนช่วยในการทำให้สุขภาพจิตของพนักงานดีขึ้นได้ ลองดูว่านโยบายของบริษัทข้อไหนที่ก่อให้เกิดปัญหาเช่นนี้ตามมาบ้างหรือไม่ เพราะสุดท้ายแล้วพนักงานจะทำงานออกมาได้ประสิทธิภาพดีที่สุด เมื่อความเครียดอยู่ในระดับที่พอเหมาะ

4.เห็นคุณค่าและให้โอกาสในการเติบโต

นอกเหนือจากทั้ง 3 สิ่งที่กล่าวไปแล้ว ทุกคนในองค์กรนั้นล้วนอยากจะเห็นการเติบโตในสายงานของตนเองอย่างแน่นอน คงไม่ดีแน่หากพนักงานรู้สึกว่าบริษัทไม่เห็นคุณค่าของการทำงานของเขาเลย และที่แย่ไปกว่านั้นหลายต่อหลายครั้งพนักงานเองอาจจะรู้สึกว่าการโปรโมตพนักงานนั้นไม่ยุติธรรม และเขาไม่มีโอกาสเติบโตกับบริษัทนี้ ด้วยสิ่งที่กล่าวมาเช่นนี้ก็จะทำให้พนักงานรู้สึกว่าสภาพแวดล้อมการทำงานนั้นไม่ได้ดีเลย

การสนับสนุนให้พนักงานเติบโตในองค์กรนั้นไม่ได้แค่ช่วยในเรื่องของ engagement พนักงานแต่ยังช่วยในเรื่องของ retention อีกด้วย เพราะพนักงานที่รู้สึกว่าสภาพแวดล้อมรอบๆส่งเสริมการเติบโตให้กับพวกเขา พวกเขาย่อมอยากที่จะทุ่มเทให้กับองค์กรมากยิ่งขึ้น ซึ่งการเห็นคุณค่าและให้โอกาสเติบโตของพนักงานนั้นทำได้หลายทางมาก ทั้งการชมเชยพนักงาน การให้รางวัล การขึ้นเงินเดือนอย่างยุติธรรม การส่งพนักงานไปอบรมเทรนนิ่งใหม่ๆเสมอ  ทุกสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนี้ย่อมทำให้พนักงานแฮปปี้ได้มากขึ้นอย่างแน่นอน

ถ้าคุณอยากที่จะสร้างทีมที่เต็มไปด้วยคนเก่ง อย่าลืมว่าปัจจัยสำคัญคงไม่ใช่เรื่องของตัวเงินเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป การทำสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีด้วยย่อมทำให้พวกเขาอยากที่จะเติบโตไปพร้อมๆกับบริษัท คุณต้องให้ในสิ่งที่พวกเขาหาได้ยากจากที่อื่น และนั่นคือที่ที่พวกเขาทำงานอยู่ สังคมที่พวกเขาจะได้พบเจอทุกวันนั่นเอง

สิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมในการทำงานหมายถึงอย่างไร

สภาพแวดล้อมในการทํางาน หมายถึง สิ่งที่อยู่รอบตัวและเอื้ออํานวยให้คนทํางานได้อย่าง มีคุณภาพ ส่วนที่สําคัญคือ สภาพแวดล้อมทางกายภาพ ได้แก่แสง สถานที่ในทํางาน เสียง อุณหภูมิ วัสดุอุปกรณ์ในการปฏิบัติงาน และสภาพแวดล้อมทางสังคมและเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่การจัดการ สวัสดิการค่าตอบแทนความสัมพันธ์กับผู้ควบคุมงานและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ( ...

ขอบข่ายของสภาพแวดล้อมของการทำงานมีอะไรบ้าง

สิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆ ตัวผู้ปฏิบัติงานในขณะทำงาน ได้แก่ เสียงดัง ความร้อน ความสั่นสะเทือน แสงสว่าง ความกดดันบรรยากาศ ตลอดจนเครื่องมือ เครื่องจักร อุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งบริเวณสถานที่ทำงาน

ปัจจัยสภาพแวเล้อมในการทำงานมีกี่ข้ออะไรบ้าง

ปัจจัยสิ่งแวดล้อมการทำงานที่อยู่รอบ ๆ ตัวผู้ปฏิบัติงานในขณะทำงานนั้น แบ่งได้เป็น 4 ประเภท คือ ปัจจัยสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ปัจจัยสิ่งแวดล้อมทางเคมี ปัจจัยสิ่งแวดล้อมทางชีวภาพ และปัจจัยสิ่งแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคม ในการทำงานนั้นอาจจะมีผลจากการเกี่ยวข้องจากสิ่งแวดล้อม 4 ประการ แต่จะมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับลักษณะงาน (ดัง ...

สภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีจะส่งผลถึงประสิทธิภาพการทำงานอย่างไร

สภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี ยิ่งจะช่วยทำให้พนักงานเกิดความพึงพอใจในการทำงานและช่วยเพิ่มประสิทธิผลในการทำงานให้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เมื่อพนักงานสามารถปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมขององค์กรได้ สามารถทำงานร่วมกับผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงาน

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน แปลภาษาอาหรับ-ไทย Terjemahan ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ศัพท์ทางทหาร military words แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 พจนานุกรมศัพท์ทหาร ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง ไทยแปลอังกฤษ ประโยค lmyour แปลภาษา การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 ประปาไม่ไหล วันนี้ ฝยก. ย่อมาจาก หยน ห่อหมกฮวก แปลว่า เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษาจีน ่้แปลภาษา onet ม3 การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 1 ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง ตตตตลก บบบย ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คาราโอเกะ เขียน อาหรับ แปลไทย เนื้อเพลง ห่อหมกฮวก แปลไทย asus zenfone 2e กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น การประปานครหลวง ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ข้อสอบภาษาอังกฤษ ม.ปลาย พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ชขภใ ชื่อเต็ม ร.9 คําอ่าน ตัวอย่าง flowchart ขั้นตอนการทํางาน นยน. ย่อมาจาก ทหาร บทที่ 1 ที่มาและความสําคัญของปัญหา ฝสธ. ย่อมาจาก มัดหัวใจเจ้าชายเย็นชา 2 ซับไทย มัดหัวใจเจ้าชายเย็นชา 2 เต็มเรื่อง ยศทหารบก เรียงลําดับ ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 รัชกาลที่ 10 ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คอร์ด