กลับ
สุภาษิต คำว่า
คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผลหมายความว่า:
-
คบใครก็จะเป็นคนอย่างนั้น
คำถัดไป:
- คบคนให้ดูหน้า ซื้อผ้าให้ดูเนื้อ
- ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด
- ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก
- คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก
- คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล
🍀🍀มาลาริน/สุภาษิตสอนไว้ค่ะ...คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล
คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล หมายถึง คบคนชั่วก็ถูกชักนำพาไปทำชั่ว คบคนดีก็จะพากันทำดี
ขยายความ – สุภาษิตไทยคำว่า “คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล” นั้น คนโบราณท่านใช้เพื่อสอนให้เรารู้จักการคบคน โดยสอนให้คบแต่คนดีและคนที่เป็นบัณฑิต หรือคนที่มีความรู้และความคิดที่ดี เนื่องมาจากถ้าเราคบคนดีหรือบัณฑิต บัณฑิตนั้นก็จะนำพาเราไปหาแต่สิ่งที่ดี ไม่ข้องแวะกับสิ่งเลวร้ายและอบายมุขทั้งปวง ในขณะที่คนพาลหรือคนไม่ดีนั้น จะชักนำเราไปในทางตรงกันข้าม อันหมายถึงทางที่ไม่ดี ทางที่ตกต่ำ และจะทำให้ชีวิตมีแต่ปัญหาและเรื่องที่ไม่ดีตามมาในภายหลังได้
คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล เป็นสุภาษิตหมายถึง การเลือกคบคนค้องพิจารณาให้ดีถ้าคบคนชั่วมาเป็นมิตร คนชั่วก็จะชักนำ พาเราไปในทางไม่ดี ถ้าคบคนดีมีความรู้ คนดีก็จะชักนำ พาเราไปในทางที่ดี
ความหมายนำมาจากอินเทอร์เน็ตค่ะ@
กระทู้การเมืองหาย เพราะพูดผิดนิดเดียว ไม่น่าตอบกับคนพาลเลย
คนโบราณสอนลูกหลานไว้เป็นจริงเชียวค่ะ
เห็นนักการเมืองพรรคหนึ่ง กระโดดหนีไม่อยากคบคนพาล ไม่รู้จะทันไหม ?
พากันผิดไปทั้งพรรค เพราะคบคนพาล เห็นๆกันแล้ว
เชียร์พลังประชารัฐดีกว่าค่ะ เพราะเลือกคบคนดีๆ
คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล หมายถึง คบคนชั่วก็ถูกชักนำพาไปทำชั่ว คบคนดีก็จะพากันทำดี ตัวอย่างของการใช้สำนวนไทย คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล เช่น advertisementsคบคนพาลพาลพาไปหาผิด แปลว่าอะไร หมายถึง…
คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงการเลือกคบคนต้องดูดีๆ เพราะหากคบคนชั่วหรือคนไม่ดีเป็นมิตร ก็มักชักพาเราจูงเราไปในทางไม่ดี แต่ถ้ารู้จักเลือกคบเพื่อนที่ดี มีความรู้ ก็จะพากันชักจูงให้เรามีความรู้และสิ่งดีๆตามมา
ที่มาของสํานวน –
วิทย์คิดไม่ถึง
โดย ดร. นำชัย ชีววิวรรธน์
ปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ที่พัวพันสังคม ชีวิต และจิตใจ ในแง่มุมใหม่ ๆ ที่คาดไม่ถึง
ภาพผลสแกนสมองจากมุมต่างๆ (ซ้าย กลาง ขวา) ขณะที่มีความเห็นสอดคล้อง (a) และขัดแย้ง(b) กับคนในกลุ่ม จะเห็นได้ว่าสมองส่วนที่ทำงาน (จุดแดงส้ม) มีตำแหน่งแตกต่างกัน
ที่มา : Neuroscience and Biobehavioral Reviews 72 (2016) 101-111.
คนไทยคุ้นเคยสำนวน “คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล” เป็นอย่างดี แม้บางคนอาจงงว่าถ้าเป็นคนดีแล้วคบคนพาล เราจะเป็นคนพาลแน่หรือ หรือคนพาลจะกลับมาเป็นคนดีตามเรากันแน่ อีกปัญหาหนึ่งคือวิทยาศาสตร์ไม่ได้ให้นิยามคำว่า “คนดี” และไม่แน่ว่าในอนาคตหากมีนิยามแล้วจะตรงกับนิยาม “คนดี” ของคนไทยมากน้อยเพียงใด
แต่อย่างไรก็ตามความรู้ทางวิทยาศาสตร์เท่าที่มีในวันนี้ยืนยันค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า การคบเพื่อนนิสัยใจคอหรือความคิดอ่านแบบใด เราก็มีโอกาสจะมีความคิดอ่านเหมือนกับบรรดาเพื่อน ๆ ที่แวดล้อมตัวเราด้วย
หากพวกเขาเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย เราก็จะมองโลกในแง่ร้ายเช่นกัน
มีนักจิตวิทยาชื่อ โซโลมอน แอสช์ (Solomon Asch) จากวิทยาลัยสวอร์ทมอร์ (Swarthmore College) เคยทำการทดลองแปลก ๆ ไว้เรื่องหนึ่งตั้งแต่ ค.ศ. ๑๙๕๖ (dx.doi.org/10.1037/h0093718) เขาขีดเส้นตรงในแนวตั้งด้วยหมึกดำบนกระดาษแข็งพื้นสีขาวปราศจากลวดลายเพื่อใช้เป็นเส้นเปรียบเทียบ จากนั้นก็ขีดอีกสามเส้นยาวแตกต่างกัน มีแค่เพียงเส้นเดียวที่เท่ากับเส้นเปรียบเทียบ แล้วก็ให้คนแต่ละคนประมาณความยาวของเส้นสีดำนั้น
ในบรรดานักศึกษาชายอายุตั้งแต่ ๑๗-๒๕ ปี อายุเฉลี่ยอยู่ที่ ๒๐ ปีนั้น เขาสุ่มอยู่หลายกลุ่ม รวมผู้เข้าร่วมทดลองทั้งสิ้น ๑๒๓ คน จุดที่เขาต้องการทดสอบก็คือ ความเห็นเรื่องความยาวเส้นสีดำของแต่ละคนขึ้นกับความเห็นของกลุ่มเทียมหรือหน้าม้าที่เตรียมไว้เพียงใด
ผลก็คือผู้เข้าร่วมทดลองแต่ละคนประมาณความยาวของเส้นแตกต่างกัน “ขึ้นกับ” ว่าคนรอบข้างคิดอย่างไร หากกลุ่มจำแลงที่สร้างขึ้นบอกตัวเลขความยาวมาก ก็จะประมาณเส้นนั้นยาวมากตามด้วย ในทางตรงกันข้ามหากบอกว่าสั้นก็ได้ผลเช่นเดียวกัน
สรุปว่าแต่ละคนแสดงความคิดเห็นคล้อยตามความคิดเห็นของกลุ่ม ไม่ใช่ความคิดเห็นของตัวเองจริง ๆ
ผลการทดลองยืนยันงานเขียนของ กุสตาฟ เลอ บง (Gustave Le Bon) เรื่อง ฝูงชน : การศึกษาความคิดแบบมหาชน (The Crowd : A Study of the Popular Mind) ซึ่งไม่ว่าจะเลนิน มุสโสลินี หรือฮิตเลอร์ ต่างก็ผ่านตามาแล้วทั้งสิ้น เลอบงเขียนว่าสำหรับฝูงชนแล้ว “อารมณ์ความรู้สึกและแนวคิดของคนทุกคนในกลุ่มรวมกันเป็นหนึ่งเดียว และไปในทิศทางเดียวกัน จนราวกับความสำนึกแบบปัจเจกชนสูญหายไป”
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ และทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
เมื่อเกิดความคิด ความเห็น หรือความต้องการใด ๆ หากไปด้วยกันได้กับผู้คนรอบตัว จะทำให้สมองเข้าสู่วงจรการให้รางวัลของสมอง พูดง่าย ๆ คือถ้าคิดอะไรไม่ขัดแย้งกับพรรคพวกเราก็จะรู้สึกดี แต่ถ้าไม่ สมองส่วนที่เรียกว่าแอนทีเรียร์อินซูลา (anterior insula) รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องความรู้สึกเจ็บปวดจะทำงาน
คราวนี้ก็มีสองทางเลือก
ทางเลือกหนึ่งคือแกล้งทำเป็นเห็นด้วยกับคนอื่น แต่ยังคงเก็บอาการไม่เห็นด้วยไว้ในหัวอย่างลับ ๆ อีกทางก็คือ สมองจะหาทางเปลี่ยนและปรับจนความคิดที่อยู่เบื้องลึกที่สุดเข้ากันได้กับคนรอบ ๆ ตัว
ที่น่าสนใจคือ มีงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่ง (Neurosci Biobehav Rev. 2016 Dec ;71 : 101-111) ยืนยันว่า เราเลือกใช้วิธีการแบบหลังบ่อยเป็นอย่างยิ่ง
การทำงานของสมองสองส่วน คือ คอยติดตามตรวจสอบสิ่ง “ผิดแปลก” ไม่เข้ากันกับคนรอบข้าง ส่วนแรกคือแอนทีเรียร์อินซูลาที่กล่าวไปแล้ว อีกส่วนหนึ่งคือมีเดียลฟรอนทัลคอร์เท็กซ์ (medial frontal cortex) ที่ตั้งอยู่ตรงบริเวณตรงกลาง ๆ ของเปลือกสมองส่วนหน้า ทั้งสองจะร่วมกันหาทางลดความไม่ลงรอยดังกล่าว
งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งใน ค.ศ. ๒๐๑๐ (doi.org/10.1093/scan/nsq054) ระบุว่าเครือข่ายสมองทำงานอย่างแข็งขันมากเสียจนกระทั่งเราเปลี่ยนใจในเรื่องต่าง ๆ ให้เข้ากับปัจจัยแวดล้อมภายนอก คือความคิดเห็นของเพื่อนฝูง รวดเร็วจนเราเองก็ไม่รู้ตัวเลยทีเดียว
นั่นก็หมายความว่าเราเลือกตัดสินใจเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตหลายเรื่องผ่านอิทธิพลจากแรงกดดันของความคิดเห็นของพรรคพวก เพื่อนฝูง คนใกล้ชิดเป็นอย่างมาก การเลือกคบเพื่อนจึงเป็นเรื่องสำคัญ
ภาษิตที่ว่า “คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล” จึงถือได้ว่าเป็นภูมิปัญญาที่ไม่เกินเลยความเป็นจริง โดยมีผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน
ภาพผลสแกนสมองจากมุมต่าง ๆ (ซ้าย กลาง ขวา) ขณะที่มีความเห็นสอดคล้อง (a) และขัดแย้ง (b) กับคนในกลุ่ม จะเห็นได้ว่าสมองส่วนที่ทำงาน (จุดแดงส้ม) มีตำแหน่งแตกต่างกัน
ที่มา : Neuroscience and Biobehavioral Reviews 71 (2016) 101-111.
- ตีพิมพ์ใน นิตยสาร สารคดี ฉบับที่ 408 กุมภาพันธ์ 2562
- ติดตามเพจ Sarakadee Magazine