สถานะของกระทู้: กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด
วันที่สมัครสมาชิก:23 กันยายน 2004โพสต์:7,859กระทู้เรื่องเด่น: 22ค่าพลัง:+161,171
ถาม : อาสวักขยญาณ เป็นตั้งแต่ผู้ที่จะบรรลุอรหัตผลเท่านั้นหรือ ?
ตอบ : ตั้งแต่โสดาบันขึ้นไป อาสวักขยญาณ แปลว่า ญาณอันทำให้กิเลสสิ้นไปได้ ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปสามารถทำให้กิเลสหมดไปบางส่วน เขาเรียกว่าเป็นอาสวักขยญาณ
ถาม : จะต้องผ่านฌานอะไรเป็นอย่างน้อย ?
ตอบ : ปฐมฌานเป็นอย่างน้อย เพราะกำลังปฐมฌานขึ้นไป เพียงพอที่จะตัดกิเลสเบื้องต้นในสังโยชน์ได้แล้ว
ถาม : ปฐมฌานเป็นพื้นฐานขั้นแรกก็พอแล้วใช่ไหมครับ ?
ตอบ : อย่าลืมว่าใช้คำพูดผิดไปแม้แต่คำเดียว จะทำให้หลักธรรมของพระพุทธเจ้าผิดไปด้วย
ถาม : ขอประทานอภัยครับ
ตอบ : คุณใช้คำว่าปฐมฌานก็พอ แล้วเขาจะไปทำถึงฌานสี่ทำซากอะไร..! อย่างน้อยต้องถึงปฐมฌานจึงจะใช้ได้ ไม่อย่างนั้นกำลังไม่พอตัดกิเลส
ถาม : คำว่าน้อมไปเพื่อความสิ้นอาสวะ เขาทำกันอย่างไรครับ ?
ตอบ : ไล่ไปตามสังโยชน์ ตัดไปทีละข้อๆ อาสวกิเลสหยาบที่สุดก็คือ นิวรณ์ ๕ ถ้าเราทรงปฐมฌานได้ นิวรณ์ ๕ ก็กินเราไม่ได้ หลังจากนั้นก็เป็นในส่วนของ กรรมกิเลส ก็คือในส่วนที่เราละเมิดแล้วผิดศีล หลังจากนั้นก็จะเป็น สังโยชน์ คือกิเลสที่ร้อยรัดเราให้ติดอยู่กับวัฏฏะ ไล่ไปทีละระดับ
เรารู้จักศีลอย่างเดียวว่าห้ามทำนั่นห้ามทำนี่ แต่ตัวที่ทำแล้วผิดศีล เขาเรียกว่า กรรมกิเลส (การกระทำที่เกิดจากกิเลส) ฆ่าสัตว์ก็เพราะโทสะกิเลสบังคับไว้ ลักทรัพย์เพราะโลภะกิเลสบังคับไว้ ฯลฯ เขาจึงเรียกว่ากรรมกิเลส
ถัดจากนิวรณ์ก็ต้องแก้ไขกรรมกิเลส จากนั้นก็อาศัยกำลังของศีลซึ่งเกิดจากการที่เราระมัดระวังรักษาเอาไว้ไม่ให้เกิดกรรมกิเลส ทำให้เกิดสมาธิ ก้าวขึ้นไปสู่การตัดสังโยชน์เบื้องต้น ท่ามกลางและที่สุด
แต่ พระพุทธเจ้า ท่านแบ่งสังโยชน์ออกเป็นสองส่วน เขาเรียก โอรัมภาคิยสังโยชน์ (สังโยชน์เบื้องต่ำ กับ อุทธัมภาคิยสังโยชน์ (สังโยชน์เบื้องสูง) สังโยชน์เบื้องต่ำ ก็คือ สังโยชน์ข้อที่ ๑-๕ สังโยชน์เบื้องสูง คือ ข้อที่ ๖-๑๐ แค่สังโยชน์ข้อ ๑-๕ ก็แทบปางตายแล้ว โดยเฉพาะข้อที่ ๔ กับ ๕
.
-
ถูกใจ x 3
- ดูรายการ
tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด
วันที่สมัครสมาชิก:23 กันยายน 2004โพสต์:7,859กระทู้เรื่องเด่น: 22ค่าพลัง:+161,171
ถาม : เขาบอกว่า ต้องทรงฌานให้มากที่สุด เกี่ยวไหมครับ ?
ตอบ : จำเป็นต้องมี ถ้าสมาธิหลุดเมื่อไรกิเลสก็กินเรา เพียงแต่ให้ทรงในลักษณะที่มีสติ มีปัญญาประกอบรู้อยู่เสมอว่า นี่เป็นเครื่องมือที่จะพาเราให้พ้นกิเลส ไม่อย่างนั้นคนจำนวนมาก จะไปหลงติดอยู่ในสุขของฌานที่ปราศจากกิเลส และไม่คิดจะขยับขยายไปทำอะไรอีก ถ้าอย่างนั้นก็จะเป็นรูปราคะสังโยชน์ หรือ อรูปราคะสังโยชน์ แล้วแต่ว่าตัวเองได้รูปฌานหรืออรูปฌาน
ถาม : ถ้าเราทรงปฏิภาคนิมิตในกสิณใดกสิณหนึ่ง เราจะน้อมไปเป็นอาสวักขยญาณได้หรือไม่ ?
ตอบ : ได้..ลักษณะเดียวกัน เพราะตัวปฏิภาคนิมิตในกสิณนั้น ต้องเป็นฌานสี่จึงจะเป็นปฏิภาคนิมิตเต็มที่ เราก็ใช้กำลังของฌานในการละนิวรณ์ ๕ หรือเรื่องการระมัดระวังศีลของเรา หรือใช้ในเรื่องการตัดสังโยชน์
ถาม : การพิจารณาองค์ฌาน ถือว่าเป็น..?
ตอบ : เป็นการซักซ้อมให้เกิดความคล่องตัว ถึงเวลาจะได้หนีกิเลสได้ทัน ต้านกิเลสได้ทัน
ถาม : การพิจารณาองค์ฌาน ยังไม่ใช่อาสวักขยญาณ ?
ตอบ : การพิจารณาองค์ฌานเป็นสมถกรรมฐาน ต้องตัดสังโยชน์ให้ได้อย่างน้อยได้ ๓ ข้อแรก จึงจะเป็นอาสวักขยญาณ
สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ที่มา : //www.watthakhanun.com/webboard...?t=2399&page=5
.
- ถูกใจ x 3
- ดูรายการ
-
แชร์หน้านี้
- หน้าแรก
หน้าแรก
- เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ด
-
มีอะไรใหม่
มีอะไรใหม่
-
วิดีโอ
วิดีโอ
- รูปภาพ
รูปภาพ
- เสียงธรรม
- สมาชิก
สมาชิก
-
ห้องสนทนา1
ห้องสนทนา
- Menu