เป็นอุปกรณืที่ทำหน้าที่แปลงข้อมูลให้สัญญาณต่างๆ เพื่อส่งสัญญาณไปในสื่อกกลางซึ่งแผนวงจรเชื่อต่อเครือข่ายแต่ละชนิดใช้ได้กับสื่อกลางต่างกัน
และมีอัตราความเร็๋วในการส่งข้อมูลต่างกัน
2.1 แผนวงจรเชื่ีอมต่อเครือข่าย หรือการ์ดแลน
3. สนื่อกลางในการส่งข้อมูล (Communication media)
เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการรับ-ส่งข้อมูลต่างๆ ในเครือข่ายสามารถออกเป็น 2 ประเภท
คือ สื่อกลางประเภทมีสาย และสื่อกลางประเภทไร้สาย
3.1 สื่อกลางประเภทไร้สาย
4. มาตรฐานในการับ-ส่งข้อมูล (Protocol)
เป็นมาตรฐานหรือกฎเกณฑ์ในการสื่อสารข้อมูลระหว่างเครื่อคอมพิวเตอร์ต่างๆ ในระบบเครือข่าย โดยที่ไพรโตคอลนี้จะทำหน้าที่ควบคุมการรับ-ส่งข้อมูล
กำหนดวืธีการรับ-ส่งข้อมูล กำหนดเส้นทางในการส่งข้อมูล และตรวจสอบความผิดพลาดในการส่งข้อมูล
5. ระบบปฏิบัติการเครือข่าย (Network Operating System: NOS)
เป็นซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่บริหารและจัดการการใช้ทรัพยากรต่างๆ ในระบบเครือข่าย
5.1 ตัวอย่างระบบปฏิบัติการเครือข่าย
4. ลักษณะการเชื่อมต่อของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
จุดปลายทางของการรับ-ส่งข้อมูล เรียกว่า โหนด (Node) ซึ่งการที่ีจะทำให้แต่ละโหนดติดต่อรับ-ส่งข้อมูล
ถึงกันได้นั้นต้องมีการเชื่อมต่อที่เป็นระบบ ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์นี้สามารถแบ่งลักษณะของการเชื่อมโยงออกเป็น 4ลักษณะ คือ
1. เครือข่ายแบบดาว (Star Network)
จะมีคอมพิวเตอร์หลักเป็นโฮสต์ (Host) ต่อสายสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ย่อยที่เป็นไคลเอนต์ (Client) คอมพิวเตรอ์ที่เป็นไคลเอนต์แต่ละเครื่อง
ไม่สามารถติดต่อกันได้โดยตรง ต้ัองบผ่านคอมพิวเตอร์โฮสต์ที่เป็นศุนย์กลาง
- มีความคงทนสูง คือ หากสายเคเบิลบางโหนดเกิดการขาดก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบโดยรวม โดยโหนดอื่นๆ ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ
- เนื่องจากมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ฮับ (Hub) ดังนั้น การจัดการและการบริการจะง่ายและสะดวก
ข้อเสียของเครือข่ายแบบดาว
- ใช้สายเคเบิลมากเท่ากับจำนวนเครื่อที่เชื่อมต่อ หมายถึง ค่าใช้จ่ายที่ศุงขึ้นด้วยแต่ก็ใช้สายเคเบิลมากกว่าแบบ BUS กับแบบ RING
- การเพิ่มโหนดใดๆ จะต้องมีพอร์ตเพียงพอต่อการเชื่อมโหนดใหม่ และจะต้องโยงสายจากพอร์ตของฮับ (Hub) มายังสถานที่ตั้งเครื่อง
- เนื่องจากมีศูนย์กลางอยู่ที่ฮับ (Hub) หากฮับเกิดข้อขัดข้องหรือเสียหายใช้งานไม่ได้ คอมพิวเตอร์ต่างๆ ที่เชื่อมต่อเข้ากับฮับ (Hub) ดังกล่าวก็จะใช้งานไม่ได้ทั้งหมด
2. เครือข่ายแบบแหวน (Ring Network)
เป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ด้วยสายเคเบิลเดียวในลักษณะวงแหวนไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นศูนย์กลาง ข้อมูลจะต้องผ่านไปยังคอมพิวเตอร์รอบๆ วงแหวน และผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องเพื่อไปยังสถานีที่ต้องการซึ่งข้อมูลที่ส่งไปจะไปในทิศทางเดียวกัน การวิ่งของข้อมูลในเครือข่ายวงแหวนจะใช้ทิศทางเดียวเท่านั้น เมื่อคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งส่งข้อมูลจะส่งไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องถัดไป ถ้าข้อมูลที่รับมาไม่ตรงตามที่คอมพิวเตอร์ต้นทางบระบุก็จะส่งไปให้คอมพิวเตอร์เครื่องถัดไป ซึ่งจะเป็นขั้นตอนแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงคอมพิวเตอร์ปลายทาง ที่ถูกระบุตามที่อยู่จากเครื่องต้นทาง
ข้อดีของเครือข่ายแบบวงแหวน
- แต่ละโหนดในวงแหวนมีโอกาสที่จะส่งข้อมูลได้เท่าเทียมกัน
- ประหยัดสายสัญญาณ โดยจะใช้สายสัญญาณเท่ากับจำนวนโหนดที่เชื่อมต่อ
- ง่ายต่อการติดตั้งและการเพิ่ม/ลบจำนวนโหนด
ข้อเสียของเครือข่ายแบบวงแหวน
- หากวงแหวนเกิดขาดหรือเสียหายจะส่งผลต่อระบบทั้งหมด
- ยากต่อกาาตรวจสอบ ในกรณีที่มีโหนดใดโหนดหนึ่งเกิดขัดข้อง เนื่องจากต้องตรวจสอบทีละจุดว่าเกิดข้อขัดข้องอย่างไร
3. เครือข่ายแบบบัส (Bus Network)
จะมีการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์บนสายเคเบิล ซึ่งเรียกว่า บัสคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งๆ สามารถส่งถ่ายข้อมูลได้เป็นอิสระในการส่งข้อมูลนัี้นจะมีเพียงคอมพิวเตอร์ตัวเดียวเท่านั้นที่สามารถส่งข้อมูลได้ในช่วงเวลาหนึ่งๆ จากนั้นข้อมูลจะวิ่งไปตลอดความยาวของสายเคเบิล แล้วคอมพิวเตอร์ปลายทางจะรับข้อมูลที่ีวิ่งผ่านมา
- เป็นโครงสรต้างที่ไม่ซับซ้อน และติดตั้งง่าย
- ง่ายต่อการเพิ่มจำนวนโหนด โดยสามารถเชื่อมต่อเข้ากับสายแกนหลักได้ทันที
- ประหยัดสายส่งข้อมูล เนื่องจากใช้สายแกนหลักเพียงเส้นเดียว
ข้อเสียของเครือข่ายแบบบัส
- หากสายเคเบิลที่เป็นสายแกนหลักขาดจะส่งผลให้เครือข่ายต้องหยุดชะงักในทันที
- กรณีระบบเกิดข้อผิดพลาดใสดๆ จะหาข้อผิดพลาดได้ยาก
- ระหว่างโหนดแต่ละโหนดจะต้องมีระยะห่างตามข้อเกำหนด
เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทีร่ผสมผสานระหว่างรูปแบบต่างๆ แบบเข้าด้วยกัน คือ มีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ย่อยหลายๆ เครือข่ายเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงานเครือข่ายบริเวณกว้าง ซึ่งเครือข่ายที่ถูกเชื่อมต่ออาจจะอยู่ห่างกันคนละจังหวัด หรืออาจจะอยู่คนละประเทศก็เป็นได้