"พลังงาน" ถือเป็นสิ่งที่มีค่าและมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันของเราทุกคนไม่ว่าจะเป็นพลังงานน้ำ พลังงานน้ำมัน พลังงานไฟฟ้า ซึ่งความต้องการใช้พลังงานมีอัตราที่เพิ่มมากขึ้นทุกๆปี ในขณะที่พลังงานต่าง ๆ มีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้น วิธีการประหยัดพลังงานซึ่งทำได้ทุกแห่งไม่ว่าจะในบ้าน ในรถยนต์ ในโรงเรียน และในสถานที่ทำงาน แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าเราจะทำอย่างไรถึงจะช่วยกันประหยัดพลังงานของชาติให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ของทุกคนได้ ต่อไปนี้เป็นคำตอบถึงวิธีการประหยัดพลังงานอย่างง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้
วิธีประหยัดน้ำ
- หมั่นตรวจสอบการรั่วไหลของน้ำภายในบ้าน
- ไม่เปิดน้ำทิ้งไว้ เช่น เวลาโกนหนวด แปรงฟัน ล้างจาน
- เปิดน้ำซักผ้าแค่พอใช้ อย่าเปิดทิ้งไว้ตลอดการซัก
- ไม่ควรใช้สายยางล้างรถและเปิดน้ำไหลตลอดเวลา
- ใช้สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ
- รินน้ำดื่มให้พอดีดื่ม และอย่าทิ้งน้ำดื่มที่เหลือโดยเปล่าประโยชน์
วิธีประหยัดไฟฟ้า
- ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งที่เลิกใช้งาน และเลือกอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีฉลากเบอร์ 5 ควรใช้สีอ่อนตกแต่ง อาคารเพื่อลดอุณหภูมิความร้อนจากภายนอกอาคาร
- ถ้าออกจากห้องเกิน 1 ชั่วโมง ควรปิดเครื่องปรับอากาศทุกครั้ง หมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ และตั้งอุณหภูมิที่ 25 องศาเซลเซียส
- ตรวจสอบอุดรอยรั่วในห้องและปิดประตูทุกครั้งก่อนใช้เครื่องปรับอากาศ
- ถ้าไม่จำเป็นควรใช้พัดลมแทนเครื่องปรับอากาศ
- ใช้โคมไฟที่มีแผ่นสะท้อนแสง เพื่อช่วยกระจายความสว่าง
- เลือกขนาดตู้เย็นให้เหมาะสมกับขนาดของครอบครัว ไม่ควรนำของร้อนเข้าแช่ตู้เย็นและเปิดตู้เย็น บ่อย ควรปิดให้สนิททุกครั้งหลังเปิด
- ไม่ควรพรมน้ำจนแฉะเวลารีดผ้าเพราะต้องใช้ไฟในการรีดมากขึ้น ดึงปลั๊กออกก่อนรีดผ้าเสร็จ เพราะสามารถใช้ความร้อนรีดต่อได้
- ดูโทรทัศน์เครื่องเดียวร่วมกันทั้งบ้าน และปิดทันทีเมื่อไม่มีคนดู
- ใช้เตาแก๊สหุงต้มแทนเตาไฟฟ้า
- หมั่นซ่อมบำรุงอุปกรณ์ไฟฟ้า
วิธีประหยัดพลังงานอื่น ๆ
- ใช้กระดาษให้คุ้มค่า
- แยกประเภทของขยะ
- ขึ้นลงอาคารชั้นเดียวไม่ควรใช้ลิฟท์
- ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ครั้งเดียวแล้วต้องทิ้ง
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
- ปลูกฝังค่านิยมให้ลูก - หลานใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด
วิธีการประหยัดพลังงานที่กล่าวข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีอีกหลากหลายวิธีที่เราสามารถประหยัดพลังงานได้ จึงขอเชิญชวนทุกคนให้ความสำคัญกับการประหยัดพลังงาน ช่วยกันคนละไม้คนละมือก็สามารถช่วยชาติประหยัดงบประมาณในการจัดหาพลังงานมาใช้ได้และยังช่วยทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้นอีกด้วย
ข้อมูลจาก : กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ
ปัจจุบัน เราต้องนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศถึงปีละเกือบสามแสนล้านบาท มากถึงหนึ่งในสามของหนี้ที่เรามีอยู่พลังงานที่เราใช้มากมายขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการใช้พลังงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ใช้มากเกินความจำเป็น ขาดความเอาใจใส่ รอบคอบ ไม่ได้คิดก่อนใช้ ทำให้เกิดการรั่วไหล สูญเปล่าไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จริงๆ แล้ว หากเรารอบคอบกันสักนิดคิดก่อนใช้ เราจะประหยัดพลังงานลงได้อีกอย่างน้อยก็ร้อยละ 10นั่นหมายถึง การประหยัดเงินที่ต้องใช้จ่ายออกไปนอกประเทศเกือบสามหมื่นล้านบาททีเดียว เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อการใช้พลังงานที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงขอนำเสนอการประหยัดพลังงานไฟฟ้าในสำนักงานเพื่อให้ผู้ที่สนใจ และบุคลากรทุกท่านได้เรียนรู้และนำไปใช้อย่างถูกต้อง
อาคารหรือสถานที่ทำงาน มีการใช้พลังงานไฟฟ้าหลายรูปแบบ เช่น ระบบแสงสว่าง ระบบปรับอากาศ และการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ แต่จะใช้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับลักษณะงาน และผู้ใช้อาคารทุกคนจะร่วมมือกันประหยัดพลังงานและใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นผู้บริหาร ผู้ดูแลอาคาร ผู้ปฏิบัติงานในอาคาร ตลอดจนผู้มาติดต่อกับอาคารจึงควรมีความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับการประหยัดพลังงานในระบบดังต่อไปนี้
ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง
1) ปิดไฟในเวลาพักเที่ยงหรือเมื่อเลิกการใช้งานหรือหมดความจำเป็นต้องใช้งาน การปิดสวิตซ์ไฟบ่อย ไม่ทำให้เปลืองไฟฟ้าแต่อย่างใด
2) เปิดม่านหรือหน้าต่างหรือติดตั้งกระเบื้องโปร่งแสงเพื่อรับแสงสว่างจากธรรมชาติ แทนการใช้แสงสว่างจากหลอดไฟ
3) กำหนดช่วงเวลาการเปิดปิดไฟให้เหมาะสมกับช่วงเวลาที่ใช้งาน
4) จัดระบบสวิตซ์ควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าแสงสว่างให้เหมาะสมกับพื้นที่ เช่น ปรับเป็นสวิตซ์เปิดปิดแบบแถวยาว แยกดวง เป็นต้น
5) ติดสติกเกอร์บอกตำแหน่งไว้ที่สวิตซ์เปิดปิดหลอดไฟเพื่อเปิดใช้งานได้อย่างถูกต้อง
6) ใช้อุปกรณ์และหลอดไฟชนิดประหยัดพลังงานที่ได้รับ การรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เช่น หลอดฟลูออเรสเซนต์ (หลอดนีออน) แบบผอมแทน หลอดแบบธรรมดา
7) ใช้หลอดคอมแพ็คฟลูออเรสเซนต์ (หลอดตะเกียบ แทนหลอดไส้ (ประหยัดไฟฟ้าร้อยละ 75) ใช้โคมสะท้อนแสงแบบประสิทธิภาพสูงและใช้บัลลาสต์อิเล็กทรอนิกส์แทนบัลลาสต์แบบธรรมดา
8) ทำความสะอาดหลอดไฟอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพราะฝุ่นละอองที่เกาะอยู่จะทำให้แสงสว่างน้อยลงและอาจทำให้ต้องเปิดไฟหลายดวงเพื่อให้ได้แสงสว่างเท่าเดิม
9) เมื่อพบว่าหลอดไฟ สายไฟ ชำรุดหรือขาหลอดเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลหรือดำควรเปลี่ยนทันทีเพื่อป้องกันอัคคีภัย เนื่องจากไฟฟ้าลัดวงจร
10) รณรงค์สร้างจิตสำนึกในการประหยัดพลังงานไฟฟ้า แสงสว่างอย่างจริงจังและต่อเนื่องด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น ติดสติกเกอร์ประชาสัมพันธ์ จัดนิทรรศการ การอบรมให้ความรู้ เป็นต้น
ระบบเครื่องปรับอากาศและพัดลมระบายอากาศ
1) ปิดเครื่องปรับอากาศทันทีเมื่อไม่ต้องการใช้งาน และเมื่อต้องการปิดเครื่องใหม่อีกครั้ง ควรอย่างน้อย 15 นาที
2) ปิดเครื่องปรับอากาศทันทีหากไม่อยู่ในห้องนานกว่า 1 ชั่วโมง และปิดก่อนเวลาเลิกงานเนื่องจากยังคงมีความเย็น อยู่จนถึงเวลาเลิกงาน
3) ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศไม่ต่ำกว่าที่ 25 องศาเซลเซียส เนื่องจากหากตั้งอุณหภูมิให้สูงขึ้นทุก 1 องศา จะช่วยประหยัดไฟเพิ่มขึ้นร้อยละ 10
4) แยกสวิตซ์ปิดเปิดเครื่องปรับอากาศและพัดลมระบาย อากาศออกจากกัน เนื่องจากไม่จำเป็นต้องเปิดพัดลมระบายอากาศไว้ตลอดเวลาที่ใช้เครื่องปรับอากาศ
5) เปิดหน้าต่างให้ลมพัดเข้ามาในห้องช่วงที่อากาศไม่รอ้น แทนการเปิดเครื่องปรับอากาศ จะช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและเป็นการถ่ายเทอากาศอีกด้วย
6) ตรวจวัดประสิทธิภาพการไหลเวียนหรือการถ่ายเทของอากาศในห้องปรับอากาศ หากมีการไหลเวียนของอากาศไม่เพียงพอให้แก้ไขโดยติดตั้งพัดลมระบายอากาศ โดยขนาดของพัดลมระบายอากาศต้องมีความเหมาะสมกับขนาดของห้อง
7) ไม่นำต้นไม้มาปลูกในห้องที่มีเตรื่องปรับอากาศเพราะต้นไม้จะคายไอน้ำ ทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานมากขึ้น
8) ย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ปล่อยความร้อน เช่น กาต้มน้ำร้อนไฟฟ้า เครื่องถ่ายเอกสาร เป็นต้น ออกไว้นอกเครื่องปรับอากาศโดยเฉพาะเครื่องถ่ายเอกสารนอกจากจะปล่อยความร้อนออกสู่ห้องปรับอากาศทำให้สิ้นเปลืองไฟฟ้าแล้ว ผงหมึกจากเครื่องจะฟุ้งกระจายอยู่ในห้อง เป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายของผู้ปฏิบัติงานบริเวณนั้น
9) ตรวจสอบและอุดรอยรั่วที่ผนัง ฝ้าเพดาล ประตู ช่องแสง เพื่อป้องกันความเย็นรั่วไหลจากปรับอากาศ
10) ทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศอยู่เสมอ อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง จะช่วยประหยัดไฟฟ้าร้อยละ 5-7
11) กำหนดตารางการดูแลรักษา ซ่อมบำรุง และมีคู่มือปฏิบัติงาน
12) รณรงค์สร้างจิตสึกในการประหยัดไฟฟ้าจากการใช้เครื่องอากาศอย่างจริงจังและต่อเนื่งด้วย วิธีการต่าง ๆ เช่น ติดสติกเกอร์ประชาสัมพันธ์ จัดนิทรรศการ การอบรมให้ความรู้
ระบบลิฟต์
1) มีแผนการตรวจเช็คระบบการทำงานของระบบลิฟต์
2) ใช้บันไดกรณีขึ้นลงชั้นเดียว
3) ควรติดตั้งโปรแกรมให้ลิฟต์หยุดเฉพาะชั้นหรือชั้นคู่ เนื่องจากลิฟต์ใช้ไฟฟ้ามากในขณะออกตัว
4) ก่อนปิดประตูลิฟต์ให้เหลียวดูเพื่อหาเพื่อนร่วมทางช่วยกันประหยัดไฟฟ้า
อุปกรณ์สำนักงาน
คอมพิวเตอร์
1) ตั้งโปรแกรมระบบประหยัดพลังงานในคอมพิวเตอร์/ปิดจอภาพเมื่อไม่มีการใช้งานนานเกินกว่า 15 นาที /ตั้งโปรแกรมพักหน้าจอ
2) ปิดเครือ่งคอมพิวเตอร์หลังเลิกงาน
3) เลือกใช้คอมพิวเตอร์ที่มีระบบประหยัดพลังงาน
เครื่องพิมพ์ผล (Printer)
1) ปิดเครื่องพิมพ์ผลเมื่อไม่ใช้งาน
2) ควรตรวจทานข้อความบนจอภาพโดยใช้คำสั่ง Print Preview ก่อนพิมพ์
3) ใช้กระดาษใช้แล้ว 1 หน้า (Reused Paper) สำหรับพิมพ์เอกสารที่ไม่สำคัญหรือเพื่อต้องการตรวจทานความถูกต้องของข้อความ และเลือกชนิดของการพิมพ์ (Mode) ประหยัด (Economy Fast) เพื่อเป็นการประหยัดหมึกพิมพ์
4) ใช้ Electronic Mail (E-mail) โดยไม่จำเป็นต้องพิมพ์ออกมาเป็นเอกสาร
เครื่องโทรสาร (Facsimile Machine)
1) ถ้าเป็นเครื่องโทรสารชนิดเลเซอร์และชนิดพ่นหมึก ควรนำกระดาษใช้แล้ว 1 หน้า (Reused Paper) มาใช้กับเครื่องเพื่อลดปริมาณการใช้กระดาษ
2) ใช้ Electronic Mail (E-mail) ซึ่งสามารถส่งข้อมูลในรูป File ทั้งชนิด Word processing , Spread Sheet และ Graphic เป็นต้น แทนการพิมพ์ออกมาเป็นเอกสาร
เครื่องถ่ายเอกสาร
1) สั่งระบบประหยัดพลังงาน ควรตั้งเวลาหน่วง 30 นาที ก่อนเข้าสู่ระบบประหยัดพลังงานทั้งนี้เครื่องถ่ายเอกสารต้องใช้เวลาในการอุ่นเครื่อง 1-2 นาที ก่อนจะกลับสู่สภาวะใช้งานอีกครั้ง ซึ่งถ้าตั้งเวลาหน่วงน้อยไปเมื่อจะใช้เครื่องอีกจะต้องเสียเวลารออุ่นเครื่องบ่อย อาจจะทำให้ผู้ใช้รู้สึกรำคาญในการรอถ่ายเอกสาร
2) ปิดเครื่องถ่ายเอกสารหลังเลิกงาน และถอดปลั๊กออกด้วย เนื่องจากถ้ายังเสียบปลั๊กอยู่เครื่องถ่ายเอกสารจะใช้กำลังไฟฟ้าในการอุ่นเครื่องถึง 10- 15 วัตต์
3) ใช้กระดาษที่ใช้แล้ว 1 หน้า (Reused Paper) โดยเป็นกระดาษที่ยังอยู่ในสภาพใช้งานได้
ทั้งนี้ในทุกระบบของการใช้พลังงานไฟฟ้าในทุกประเภท จะต้องมีการกำหนดตารางการดูแลรักษา ซ่อมบำรุง มีแผนการตรวจเช็คและทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อมูลอ้างอิง
กนกอร สีแสง. 2556. คู่มือการประหยัดพลังงานภายในสำนักงาน. มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
วัชระ มั่งวิทิตกุล.2554. อุปกรณ์สำนักงาน. ศูนย์อนุรักษ์พลังงานแห่งประเทศไทย
กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน.