การจัดสวนให้สวย ถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่งของมนุษยชาติที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยความรู้สึกนึดคิดที่งดงาม ทำให้เกิดสุนทรียภาพแก่ผู้พบเห็น (บ้างก็ไม่ชอบ) ผู้จัดสวนส่วนใหญ่ต้องมีความรู้เป็นพื้นฐานทางศิลปะและการเดาใจประกอบ นอกเหนือจากความรู้ทางด้านพืชสวน เพราะการจัดสวนให้สวยถูกใจ ใช่ว่าใครจะทำกันได้ง่ายๆ ยิ่งต้องเอาใจเจ้าของสวนว่าอยากได้แบบไหน ยิ่งยาก มันจึงเป็นศิลปะอีกแขนงหนึ่งที่ต้อง ง้อ ผู้ซื้อ ใช่แต่เพียงตามใจผู้ทำอย่างเดียว เหมือนศิลปะแขนงอื่น แล้วหลักศิลปะที่ว่าทั่วไป แบบไหนหรือ???
หลักศิลปะการออกแบบจัดสวนประกอบด้วย
1. สัดส่วน (proportion)
*“วาบิ ซาบิ““ ว่าด้วยเรื่องสรรพสิ่งนั้นไม่สมบูรณ์แบบ เป็นความงามที่ไม่ต้องการรูปแบบแห่งความสมบูรณ์ เพราะทุกสิ่งสมบูรณ์ในความไม่สมบูรณ์ขอตัวมันเองแล้ว
ประวัติความเป็นมา
จุดเริ่มต้นสวนญี่ปุ่นนั้นได้รับอิทธิพลมาจากสวนของจีน ที่แฝงตัวมาพร้อมๆกับการเผยแพร่เข้ามาของศาสนาพุทธ ซึ่งเป็นศาสนาพุทธลัทธิแบบมหายาน เน้นแนวทางทางการปฏิบัติ โดยให้ผู้ปฏิบัติธรรมปลีกตัวเข้าสู่ความเงียบในธรรมชาติ และทำสมาธิเพื่อให้เกิดปัญญา การจัดสวนในญี่ปุ่นจึงมีจุดเริ่มต้นจากในวัดเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบนั้นขึ้นมา ในเวลาต่อมาจึงเริ่มกระจายความนิยมสู่บ้านเรือนประชาชนทั่วไป
การสร้างสวนญี่ปุ่นจะใช้การเลือกวัสดุเป็นตัวแทนสิ่งที่อยู่ในธรรมชาติ อาทิเช่น ภูเขา น้ำตก แต่ด้วยการเป็นประเทศที่มีเนื้อที่จำกัด ทำให้ชาวญี่ปุ่นต้องสร้างสวนที่มีขนาดย่อมลงมาในพื้นที่เล็กๆ ให้สามารถมองได้จากหลากหลายทิศทางรอบๆสวน หรือหากอยากจะชมสวนสวยจากภายในห้อง ก็มักจะมีระเบียงหรือชานที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างพื้นที่ภายในอาคารกับพื้นที่ภายนอก ใช้การเลื่อนฉากบานเลื่อนออกได้เต็มความกว้างของผนังเปิดมุมมองให้เต็มที่
รูปแบบของสวนญี่ปุ่น
1.Tsukiyama (สวนเนินเขา)
เป็นสวนลอกเลียนแบบลักษณะของธรรมชาติมาไว้ในที่จำกัด เช่นการสร้างตัวแทนของภูเขาไฟฟูจิ และความเขียวขจีโดยรอบ อย่างภูเขา เนินดิน ทะเลหรือลำธาร การจัดสวนแบบสวนเนินเขาจึงให้มิติทางประสาทสัมผัสได้หลากหลายกว่าแบบอื่นๆ เหมาะที่จะนำมาประยุกต์ใช้จัดสวนญี่ปุ่นในเมืองไทยได้ เพราะมีความยืดหยุ่นและสามารถดัดแปลงทั้งในเรื่องการจัดหาต้นไม้หรือองค์ประกอบอื่นๆมาใช้ให้ได้รูปแบบที่ใกล้เคียงกันได้
2. Karesansui (สวนเซน)
สวนเซนเป็นที่รู้จักกันว่าเป็น ‘สวนแห้ง’ หรือ ‘สวนหิน มีแนวคิดในการยึดมั่นซึ่งสงบสันโดษ เป็นสวนแบบจินตนาการ หรือการสมมุติ ที่แฝงไว้ด้วยปรัชญาเชิงนามธรรม จึงเน้นความเรียบง่าย สงบ มากกว่าแบบอื่น เน้นการตีความจากสิ่งที่มองเห็นและสัมผัส มีลักษณะภูมิทัศน์แบบแห้งที่ต่างออกไปจากสวนตามประเพณี จะไม่เลือกใช้ของที่เป็นธาตุน้ำใดๆ จะเลือกใช้พืชพันธุ์สีเขียวให้น้อยที่สุด เหมาะกับบริเวณที่มีพื้นที่จำกัด เพราะไม่นิยมปลูกต้นไม้มากหลายต้น อาจจะมีตะไคร่น้ำหรือพืชขนาดเล็ก โดยสีเขียวของพืชพันธุ์อาจจะถูกจัดให้บดบังไว้ด้วยหิน โดยใช้แนวทางการลดทอนรายละเอียดต่างๆ จนเหลือแต่แก่นแท้ของสวนนั้น
มีการใช้ก้อนหินเป็นตัวแทนของภูเขา มีทรายและ กรวดเป็นสัญลักษณ์ของแม่น้ำ จะมีการปูกรวดหรือทราย โดยใช้หิน กรวด ทรายสีขาว และสีดำ ซึ่งหินหรือทรายอาจถูกกวาดเป็นลวดลายให้เป็นสัญลักษณ์ของทะเล,มหาสมุทร, แม่น้ำ หรือทะเลสาบ จะกวาดให้มองเห็นเป็นภาพลวงตาของคลื่นระลอกน้ำ เป็นเส้นกระแสน้ำที่ลื่นไหล ซึ่งการที่จะกวาดเส้นให้ได้ลวดลายสมบูรณ์แบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ จึงถือเป็นหนึ่งในการฝึกตนและการฝึกสมาธิ ตามหลักการของพุทธศาสนานิกายเซนนั้นไปด้วยนั่นเอง
3.Chaniwa (สวนน้ำชา)
เอกลักษณ์โดดเด่นอีกสิ่งหนึ่งของสวนญี่ปุ่น นั้นก็คือ สวนน้ำชา ในประเทศญี่ปุ่นจะมีการแยกห้องชงชาออกจากตัวบ้านมาอยู่ติดกับสวนน้ำชา รูปแบบของสวนน้ำชาจะมีความถ่อมตัว มีความเรียบง่าย และเป็นธรรมชาติ โดยนำลักษณะเด่นของสวนภูเขาและสวนเซนมาจัดให้ผสมผสานกัน มีทั้งต้นไม้ใหญ่และสวนพื้นหิน ในสวนน้ำชาจะมีรั้วด้านนอกเพื่อแสดงขอบเขต มีทางเดินเข้าสู่เรือนน้ำชาที่จะปูด้วยหินสกัดแบนหรือเขียงไม้ วางห่างกันให้พอดีกับช่วงก้าวเดิน เป็นการป้องกันไม่ให้เหยียบต้นหญ้าอันบอบบางของสวน ผู้ที่เข้าจะต้องมีสติและมีสมาธิอย่างเต็มเปี่ยม เพื่อเตรียมตัวและจิตใจเข้าสู่พิธีการชงชาที่แสนสงบ
การคำนึงถึงความสอดคล้อง สัมพันธ์ระหว่างที่ว่าง ช่วงเวลา และมิติในการมองเห็น นับเป็นเสน่ห์อันโดดเด่นของสวนแบบญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ การค่อยๆเปิดเผยการรับรู้ในส่วนต่างๆในสวน ค่อยๆแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของที่ว่างที่แตกต่างกันไปในแต่ละมุมมอง สวนญี่ปุ่นจะเกิดปฏิสัมพันธ์กับแทบทุกประสาทสัมผัสของมนุษย์ โดยสื่อผ่าน สี รูปทรง เส้นสาย ผิวสัมผัสของหิน ทราย ก้อนกรวด ไปจนถึงกลิ่นสัมผัสต้นสนและเกสรดอกไม้อันอ่อนละมุน
ขอบคุณภาพประกอบจาก
//boards.weddingbee.com/topic/japanese-garden-fusion/
//www.thousandwonders.net/Portland+Japanese+Garden
Writer
Ekkarach Laksanasamrith
สถาปนิกที่เชื่อว่า "ตัวหนังสือ" มีพลังพอๆกับ "สเปซ" และ "การเขียนหนังสือ" ก็ใช้สกิลไม่ต่างจาก "การเขียนแบบ" ใน AUTO Cad