การเรียกหลักประกันในการเทรด Forex คืออะไร
การเรียกหลักประกันคือการแจ้งเตือนซึ่งจะทำให้คุณทราบว่าคุณจำเป็นต้องฝากเงินเข้าบัญชีการเทรดของคุณเพิ่ม หรือปิดสถานะเพื่อให้มีหลักประกันคงเหลือเพิ่มขึ้น โดยจะมีการระบุเป็นเปอร์เซ็นต์คงที่ซึ่งโบรกเกอร์ของคุณจะเป็นผู้กำหนดและสามารถดูได้ที่ข้อกำหนดของบัญชี (Account Specification) ในบัญชีการเทรดของคุณ เมื่อตลาดเคลื่อนไหวเป็นผลลบต่อสถานะที่เปิดอยู่ของคุณ ระดับหลักประกันของคุณจะลดลง เมื่อหลักประกันลดลงจนถึงเปอร์เซ็นต์ที่ต้องเรียกหลักประกัน คุณควรคาดว่าจะได้รับการเตือนเกี่ยวกับการเรียกหลักประกันในเทอร์มินัลของคุณ พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือการเรียกหลักประกันจะเตือนให้เทรดเดอร์ทราบว่ากำลังจะถึงระดับ Stop Out ตัวอย่างเช่นหากเทรดเดอร์ที่มีการเรียกหลักประกันกำหนดไว้ที่ 40% นั้นมียอดคงเหลือ $5000 แต่เกิดขาดทุน $3,800 และได้ใช้หลักประกัน $1,000 ไปจนหมด ระดับหลักประกันของเขาจะอยู่ที่: ($5,000 - $3,800) / 1000 X 100 = 120% หากระดับหลักประกันของเขาลดลงอีก 80% ระดับของเขาอาจเหลือ 40% และถูกเรียกหลักประกันเพิ่ม
ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ: เนื้อหาที่เป็นข้อความ/ภาพนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นและแนวคิดส่วนตัว เนื้อหาดังกล่าวไม่ควรตีความว่ามีคำแนะนำในการลงทุนประเภทใดๆ และ/หรือการชักชวนให้ทำธุรกรรมใดๆ เนื้อหาไม่ได้มีข้อผูกมัดให้ซื้อบริการด้านการลงทุน และไม่ได้รับประกันหรือคาดการณ์ถึงผลการดำเนินงานในอนาคต FXTM, พันธมิตร, ตัวแทน, กรรมการ, เจ้าหน้าที่ หรือพนักงานไม่รับประกันในความแม่นยำ ความถูกต้อง เป็นไปตามเวลา หรือครบถ้วนสมบูรณ์ในข้อมูลหรือตัวเลขใดๆ ที่มีให้และไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อความสูญเสียใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการลงทุนตามเงื่อนไขเดียวกัน
คำเตือนความเสี่ยง: การเทรดผลิตภัณฑ์ที่มีหลักประกันอย่าง Forex และ CFD มีความเสี่ยงในระดับสูง คุณไม่ควรเสี่ยงมากกว่าที่คุณสามารถรับในความสูญเสียได้ เป็นไปได้ว่าคุณอาจสูญเสียมากกว่าการลงทุนเริ่มต้นของคุณ คุณไม่ควรเทรดจนกว่าคุณจะเข้าใจถึงขอบเขตความเสี่ยงของการสูญเสียที่แท้จริง เมื่อทำการเทรด คุณต้องคำนึงถึงระดับประสบการณ์ของคุณเสมอ หากความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องดูไม่ชัดเจนสำหรับคุณ โปรดหาคำแนะนำทางการเงินที่เป็นอิสระ
สารบัญบทความ click เพื่อเลือกอ่าน !!
Equity คือ อะไร ? (เทรด Forex)
คำศัพท์ Equity จะมีความเกี่ยวข้องกับคำว่า Balance อยู่ด้วย ดังนั้นเมื่อเป็นคำศัพท์ทาง forex ที่เกี่ยวข้องกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การมองหาโอกาสในทำความเข้าใจกับคำศัพท์คำนี้กัน เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เรามาทำความเข้าใจพร้อมๆกันครับว่าคำว่า Equity คืออะไร ?
Equity คืออะไร
คำว่า Equity มีความหมายว่า ค่าของเงินที่เราเทรดรวมกับผลกำไรหรือขาดทุนกับสัญญาทั้งหมดที่เราทำการเปิดเทรด อาจจะเรียกว่า Available Margin ก็ได้ เงินส่วนนี้นั้น ไม่เป็นเงินที่แท้จริง จนกว่าเรานั้นจะเลือกปิดสัญญา มีสูตรคือ
Equity = Balance + จำนวนเงินของพอร์ตที่เป็นบวก – จำนวนเงินของพอร์ตที่ติดลบ
ตัวอย่างของ Equity
เพื่อประกอบความเข้าใจมากขึ้น ผมขออนุญาตในการยกตัวอย่างประกอบดังต่อไปนี้นะครับ เช่น เรามียอดเงินอยู่ในบัญชีที่ 1000 บาท เมื่อเราเปิดสัญญาเทรด forex เราที่ 100 บาท ได้กำไร 10 บาท ผลในช่องของ Equity จะกลายเป็น 1010 บาท แบบนี้เป็นต้น ซึ่งเมื่อเราปิดสัญญา ค่าของ Equity ก็จะกลับกลายมาเป็น 0 นั่นเอง
คำใกล้เคียงที่ควรรู้ควบคู่ไปด้วย
Balance
คือยอดเงินที่เราฝากเข้าไปในบัญชีรวมกัน Bonus ที่เรามี (ไม่รวมกำไรหรือขาดทุน) โดยปกติค่า Balance มักนิยมออกมาเป็นค่า เงินบาท หรือว่าเป็นค่า US ดอลล่าร์ เช่น ฝากเงินไป 200 $ Balance จะ = 200 $ ครับ
Margin
คือจำนวนเงินที่เราใช้ลงทุนทั้งหมด(ทางคำศัพท์เรียกว่า “เงินประกัน”) ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับ Leverage ด้วย มีสูตรคือ
Margin = ราคา ณ เวลาที่เปิด x Lot x Contract size / Leverage
เช่น เมื่อเปิด EURUSD ที่ 1 lot ตอนราคาอยู่ที่ 1.3413 Leverage 1:500 จะต้องใช้ Margin = 1.3413 x 1 x 100,000 / 500 = 268.26
Free Margin
คือ จำนวน Margin ที่เหลือเปิดออเดอร์ได้ มีสูตรคือ
Free Margin = Equity – Margin
Margin Level
คือ เปอร์เซ็นต์ที่บอกระดับ Margin ของเราว่าเราเหลือกี่เปอร์เซ็นต์ มีสูตรว่า
Margin Level = Equity / Margin x 100 %
ซึ่งแต่ละโบรกเกอร์ก็จะมีเงื่อนไขไว้อยู่ว่า ถ้า Margin Level เหลือน้อยกว่าค่าใด ออเดอร์จะถูกปิดอัตโนมัติ(Stop Out) ค่านี้เรียกว่า Stop Out Level นั่นหมายความว่าออเดอร์จะมีโอกาสถูกปิดอัตโนมัติเมื่อ
- เปิดออเดอร์โดยใส่ lot มากเกินไป ทำให้ Margin Level เหลือน้อย จากสูตร Margin Level = Equity / Margin * 100 ยิ่ง Margin มาก Margin Level ยิ่งน้อย
- ขาดทุนมากเกินไปทำให้ Equity เหลือน้อย (ยิ่ง Equity น้อย Margin level ยิ่งน้อย)
Laverage
คือจำนวนเปอร์เซ็นต์ที่ได้ยืมเงินมาจากโบคเกอร์ เพื่อให้สามารถเปิด Order ได้มากขึ้น จุดประสงค์ของ Laverage คือต้องการให้นักเทรด หรือ Scalper ได้สนุกในการเทรดแบบสั้นๆ สามารถเปิด order ได้จำนวนมากขึ้นถึงแม้จะมีเงินทุนน้อย
ข้อดีของ Laverage สูง เช่น 1:1000, 1:2000 คือคุณมีเงินน้อยก็สามารถเปิด Order Lot ใหญ่ๆ ได้ และเป็นผลดีกับการเทรดแบบสั้นๆ
ขอเสียของ Laverage สูง คือ เงินทุนน้อยแล้วเปิด Lot ใหญ่ๆ ถือว่าอันตรายเป็นอย่างมากสำหรับนักเทรดที่วางแผนเรื่องเงินทุนในพอร์ทลงทุนไม่เก่ง เนื่องจากอาจล้างพอร์ทได้ในพริบตา
ทำอย่างไรให้ Equity เพิ่มขึ้น
หลักการในการทำให้ค่าของ Equity เพิ่มขึ้นนั้น มีหลักการง่ายๆคือ ถ้าเราสามารถเทรดและทำกำไรจากตลาด forex ได้เพิ่มขึ้น เราก็จะสามารถทำเงินได้มากขึ้นนั่นเองครับ ดังนั้นจำไว้ว่า ยิ่งคุณทำการเปิดสัญญาเทรดออกไปและเทรดกำไรมากเท่าใด ผลที่ตามมาคือ คุณก็จะเพิ่มค่า Equity เข้าไปมากขึ้นเท่านั้นด้วยนั่นเอง
ข้อควรระวังเรื่องของ Equity
สำหรับข้อควรระวังในเรื่องของค่า Equity นั้นไม่มีอะไรมากครับ มีเพียงแต่ว่า ค่า Equity นั้นถ้ามันขาดทุนไปมากๆ มันหมายถึงช่องของ Balance ที่จะเหลืออยู่นั้นของคุณก็จะขาดทุนลงไปมากด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้น ค่า Equity จึงเป็นเสมือนสัญญาณอันตรายที่คุณนั้นถ้าไม่สามารถปิดกำไรให้กลับมาเป็นบวกได้แล้ว ที่สุดคุณอาจจะต้องสูญเสียเงินจำนวนมาก หรืออาจถึงขั้นต้องล้างพอร์ตกันเลยทีเดียวนะครับ ดังนั้นโปรดอย่าไปสับสนระหว่างค่า Equity กับค่าที่เรียกว่า Balance ก็แล้วกัน ให้จำไว้ว่า “Balance คือเงินต้น Equity คือเงินสุดท้าย” ครับ
สรุปแล้วค่า Equity ไม่มีอะไรมากหรือน่าตื่นเต้นไปกว่าค่าของจำนวนเงินที่เกิดขึ้นในระหว่างที่เรานั้นทำการเปิดสัญญาเทรด forex นั่นเอง โดยค่าตัวนี้นั้นมีมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่เราได้รับ หรือว่าจำนวนเงินที่เราเสียไปในระหว่างสัญญา ซึ่งเมื่อเราทำการปิดสัญญาเมื่อไหร่ เราก็จะได้เงินคืนมาคือค่า Balance ครับ
ทีมงาน: forexthai.in.th
แสดงข้อคิดเห็น ให้กำลังใจ
comments