ข้อควรระวังของการออกกำลังกาย
- ควรออกกำลังกายอยู่นขอบเขตที่หมาะสม ไม่ฝืน ไม่หักโหมจนเกินไป
- ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนเริ่มออกกำลังกาย
- ขณะออกกำลังกายหากมีอาการผิดปกติ ให้หยุดออกกำลังกาย และร้องขอความช่วยเหลือ เช่น ใจสั่นหรือรู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เหงื่อออกมากผิดปกติ เจ็บแน่นหน้าอกเวียนศีรษะเหมือนจะเป็นลม หายใจไม่ทัน หายใจลำบาก
ข้อมูล ณ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2561
ที่มา : อ.พญ.สกุณี ภระกูลสุขสถิตย์
บทความที่เกี่ยวข้อง
��ô�� �ͧ���."�����㴷��������͡���ѧ���".��ͪ�Ǻ�ҹ. 23,247 (��Ȩԡ�¹ 2544) : 48-49.
����͡���ѧ��¨з�����آ�Ҿ���ç��鹷�駷ҧ��ҧ�����ШԵ� �����ҡ���͡���ѧ��¨��ռŴյ���آ�Ҿ�ҹѻ��� ��������¡óշ�������Ѵ���ѧ ���ͧ��͡���ѧ��ª��Ǥ��� ����������˹�觢ͧ��ҧ��´ѧ���仹�� �纻�����ʺ�� �������ҧ��觶�������������ҡ���ѡ�ʺ�����ǹ���ǹ˹�觢ͧ��ҧ��� ��ѧ�ҡ����������� � �����ҧ����ѧ���������� �ҡ�͡���ѧ��� �з������ҧ�����������������ª�� ��ѧ��áԹ������������� � ���Шз�������ʹ��к�������¹�١�����㹡�����������
���Щй�����ʹ���������§�����������ǹ����͡���ѧ��¡��Ŵŧ �������������������ö�Ҿ ����繵�Ф�������� ��ǧ���ҷ�����ҡ�����Ѵ���ͺ�����ҡ ������ҧ��¨��٭�����˧��� ��й��ҡ���һ��� �������ҧ��������� �˹���§��� �����������ʵ��� �ҡ�÷��觺͡��Ҥ����ش�͡���ѧ��� ���� ����֡�˹���¼Դ���� ���ҡ����鹼Դ���� �ҡ�âѴ�������������Ƿ�ͧ �ҡ�����¹����� �ҡ�ä������ �ҡ��˹���״ �վ�������ǡ��� 140 ����/�ҷ� (㹼���٧����) ���� 160 ����/�ҷ� (���˹������)�ҡ���ҡ�����ҧ����ҧ˹���Դ��鹵�ͧ��ش�͡���ѧ��·ѹ��
เผยแพร่: 5 มี.ค. 2562 16:20 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
อย่างที่ทราบกันดีว่า การออกกำลังกายนั้นสามารถช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้น และยิ่งถ้าออกกำลังตามความเหมาะสมกับอายุ-น้ำหนักด้วยแล้วจะมีความเหมาะสมด้วยเช่นกัน แต่ในขณะเดียวกัน หากมีสัญญาณดังกล่าวขึ้น
ควรที่จะหยุดออกกำลังกายไว้เพื่อที่จะสามารถดูแลและรักษาได้ด้วยตนเองได้ทันท่วงที
1.หน้าซีด หายใจไม่คงที่
อาการนี้เกิดจากชีพจรที่มีการเต้นเร็ว หายใจถี่ มือเท้าเย็น รู้สึกเหมือนจะไม่ได้สติ บางรายอาจจะมีอาการเพ้อ มีอาการเซื่องซึมหรือกระวนกระวาย ส่วนสาเหตุอาจจจะมาจากการขาดออกซิเจนของสมอง ขาดน้ำ ระบบเมตาบอลิซึมในร่างกายไม่สมดุล มีความผิดปกติเกี่ยวกับฮอร์โมน ทำให้นอนหลับไม่เพียงพอ หรือมีปัญหาสุขภาพจิต
2.กระดูกผิดรูป ข้อเคลื่อนหลุด หรือขยับบริเวณกระดูกหรือข้อต่อรู้สึกผิดปกติ
อาการนี้จะมีการปวดบริเวณกระดูกหรือข้อหลังจากอุบัติเหตุ มีอาการบวม ฟกช้ำ หรือผิดรูป มาจากสาเหตุ คือ ล้ม ถูกกระแทก ได้รับบาดเจ็บของกระดูกและข้อต่อ ซึ่งก็อยู่ที่ความรุนแรงกับลักษณะอาการบาดเจ็บที่พบเจอมา
3.ใจสั่น เจ็บหน้าอก หายใจติดขัดเหนื่อย
สาเหตุนี้มาจากการเหนื่อยง่ายหรือมากกว่าปกติ อ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด หายใจไม่อิ่ม มาจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
4.อาการอ่อนแรง กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต
สำหรับอาการเกร็งหรือกระตุกกล้ามเนื้อนั้นจะไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อให้เคลื่อนไหว หรือทำงานได้ตามปกติ ตัวอย่างเช่น อาการแขนขาอ่อนแรง ยกอวัยวะจำพวกแขนไม่ขึ้น โดยอาจจะเป็นอาการบ่งชี้ของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงบางชนิด หรือ ALS หรือเกิดความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับสมอง เช่น เส้นเลือดสมองฝ่อหรือแตก โรคไขสันหลังกระดูกต้นคอ และเส้นประสาทต่างๆ ที่ควบคุมกล้ามเนื้อ
5.มีความปวดเรื้อรังหรือมีอาการแย่ลง
ส่วนอาการนี้มีการปวดหลังจากการได้รับบาดเจ็บมาสักระยะหนึ่ง ทั้งที่ได้รับหรือไม่ได้รับการรักษา มีอาการเป็นซ้ำหรือรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อทำกิจกรรมแบบเดิม เช่น เจ็บข้อเท้าขณะวิ่ง เมื่อหยุดวิ่งอาการจะหายไป แล้วถ้ากลับมาวิ่งอาการก็มาเหมือนเดิม เป็นต้น อาจเกิดจากอาการบาดเจ็บที่ได้รับการดูแลไม่ถูกต้องเหมาะสม หรือมีการบาดเจ็บที่ยังไม่ได้รับการรักษา จำเป็นต้องได้รับการตรวจและวินิจฉัย
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะออกกำลังกายก็ควรให้ความสำคัญต่อการเตรียมพร้อมของร่างกาย อย่าฝืนออกกำลังกายให้มากเกินกำลังของตนเองเช่นเดียวกัน
1. กล้ามเนื้อ เอ็น กระดูกบาดเจ็บ
กล้ามเนื้อ เอ็น กระดูกเป็นส่วนสำคัญที่ร่างกายใช้ระหว่างการออกกำลังกาย หากถูกใช้งานอย่างหนักเกินไป ก็จะส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บได้ เช่น เอ็นอักเสบ ฉีกขาด กล้ามเนื้ออักเสบ กระดูกร้าว หากคุณมีอาการบาดเจ็บดังกล่าว ควรหยุดและพบแพทย์เพื่อรับการรักษาและรับโปรแกรมที่เหมาะสมในการเริ่มออกกำลังกายครั้งต่อไป จำไว้
” เจ็บแล้วอย่าฝืน เพราะจะทำให้เจ็บเรื้อรังได้ “
2. นอนไม่หลับ จิตใจว้าวุ่น
เนื่องจากการออกกำลังกายอย่างหนัก ส่งผลให้ร่างกายตื่นตัวตลอดเวลา ซึ่งไม่ใช่ผลดี เพราะร่างกายคนเราต้องการการพักผ่อนที่เพียงพอ หากคุณมีอาการนอนไม่หลับ จิตใจว้าวุ่น กระสับกระส่าย นั่นอาจเป็น 1
ในสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังออกกำลังกายหนักเกินไป
3. ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
งงไหม ? ทำไมระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง นั่นเป็นเพราะการออกกำลังกายหนักเกินไป ทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานหนัก ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอและนั่นทำให้คุณป่วยง่าย ตรงกันข้ามกับการออกกำลังกายที่พอดีที่จะทำให้คุณแข็งแรง
4. ภาวะหัวใจล้มเหลว
คุณอาจเคยได้ยินข่าวร้ายแบบนี้มาบ้าง นั่นเป็นเพราะหัวใจคนเรานั้นก็คือ กล้ามเนื้อ การออกกำลังกายหนักเกินไปทำให้หัวใจทำงานหนักและอ่อนล้าได้ นี่เป็นผลกระทบร้ายแรงที่เราไม่อยากให้เกิดเพราะฉะนั้นเรามาออกกำลังกายแบบพอดีกันเถอะ
แล้วแค่ไหนที่เรียกว่า ออกกำลังกายแบบ พอดี และ ดีพอ
?
การออกกำลังแบบคาร์ดิโอ ควรทำ 150 นาทีต่อสัปดาห์ นี่คือพื้นฐานสำหรับคนทั่วไป โดยคุณอาจจะแบ่งเป็นวิ่ง 30 นาทีต่อวัน รวม 5 วันต่อสัปดาห์ หรือปรับตามความเหมาะสม เท่านี้ก็เพียงพอให้ร่างกายคุณแข็งแรงแล้ว แต่จริง ๆ แล้วโปรแกรมการออกกำลังกายจะแตกต่างกัน
ตามความต้องการและสภาพร่างกายของแต่ละคน เช่น คนที่ต้องการลดน้ำหนัก, นักวิ่งมาราธอน, คนที่ต้องการเพิ่มความฟิตของร่างกาย, คนที่อยากเทรนกล้ามเนื้อ, ผู้สูงอายุ หรือแม้กระทั่งผู้ที่ได้รับการผ่าตัดหัวใจ ควรได้รับโปรแกรมการออกกำลังกายที่เฉพาะเจาะจงและการดูแลที่เหมาะสมจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อผลลัพธ์ที่ตรงเป้าหมายและปลอดภัย…
__________________________________________
บทความจาก แพทย์หญิง สุวรรณิการ์ ปาลี
.
ทำนัดแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู
หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
คลินิกเวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลรวมแพทย์พิษณุโลก
.
เช็คเวลาออกตรวจแพทย์ได้ที่นี่ >> //bit.ly/2Uh4bcY
.
—————————————-
โทรสายด่วนสุขภาพ☎️
055-219307-16 , 055-259631-34
โรงพยาบาลรวมแพทย์ พิษณุโลก