โรคร้ายที่ไม่คาดคิด เพียงเพราะ… คัดจมูกเรื้อรัง
ภาวะคัดจมูกเกิดจากการอักเสบของ เยื่อบุโพรงจมูกด้านใน หรือ ผนังกั้นจมูก ทำให้ผู้ป่วย น้ำมูกไหล จาม ปวดศีรษะ และ หายใจไม่สะดวก หากไม่รักษาให้หายขาดหรือปล่อยทิ้งไว้นานอาจทำให้เกิดภาวะคัดจมูกเรื้อรัง ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบอื่น ๆ ของร่างกายได้เช่นกัน
- ระบบหายใจส่วนล่างทำงานหนักขึ้น เพราะเมื่อคัดจมูกแล้วผู้ป่วยมักจะหายใจทางปากแทน ทำให้อากาศเย็นและความชื้นผ่านลงไปในทางเดินหายใจส่วนล่าง ระบบหายใจส่วนล่างจึงต้องทำงานหนักขึ้น รวมทั้งเสี่ยงต่อการอักเสบและระคายเคืองด้วย
- หูอักเสบ เมื่อเป็นหวัดเยื่อบุในท่อ Eustachian tube ซึ่งเชื่อมระหว่างหูชั้นกลางและโพรงหลังจมูก จะบวมและตีบตันทำให้ไม่สามารถระบายความดันอากาศในช่องหูชั้นกลางได้ จึงก่อให้เกิดอาการปวดหู หูอื้อ และอาจติดเชื้อจนกลายเป็นหูอักเสบและหูน้ำหนวก
- ท่อน้ำตาอุดตัน เมื่อเป็นหวัดจะทำให้เยื่อบุโพรงจมูกบวม จนน้ำตาไม่สามารถไหลลงไปที่โพรงจมูกได้ ทำให้ท่อน้ำตาอุดตัน มีอาการตาแฉะหรือน้ำตาเอ่อในตา ถ้าอาการรุนแรงขึ้นอาจมีน้ำตาไหลตลอดเวลา
- โรคหยุดหายใจขณะหลับ อาการคัดจมูกจะทำให้ผู้ป่วยพยายามหายใจเข้าจนเกิดความดันในทางเดินหายใจส่วนบนจนทำให้ทางเดินหายใจตีบแคบ ทำให้กล้ามเนื้อลิ้นหย่อนตัวจนทำให้ทางเดินหายใจส่วนคอหอยตีบแคบได้ ซึ่งจะไปกระตุ้นให้เกิดความผิดปกติของการหายใจขณะนอนหลับแบบอุดกั้นตามมา ส่งผลให้เกิดการนอนกรน และมีอาการคล้ายหยุดหายใจขณะหลับ โดยโรคหยุดหายใจขณะหลับยังเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดอุดตันในสมองและหลอดเลือดหัวใจเสื่อมเร็วด้วย
ดังนั้น เมื่อเริ่มมีอาการคัดจมูก หรือมีน้ำมูก หายใจติดขัด ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้อง เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะคัดจมูกเรื้อรังและนำมาซึ่งโรคร้ายแรงอื่นๆ
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
ศูนย์หู คอ จมูก
โทร.
0-2734 0000 ต่อ 3400
- Readers Rating
- Rated 4 stars
4 / 5(6 Reviewers) - Excellent
- Your Rating
หากคุณกำลังรู้สึกไม่สบายตัว เป็นหวัด คัดจมูกอยู่บ่อยๆ เหมือนคนป่วยเป็นหวัดอยู่ตลอดเวลา ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เสียทั้งสุขภาพแถมบุคลิกภาพคุณยังดูแย่ลง มาตรวจเช็คกันหน่อยดีไหมว่าอาการเป็นหวัด คัดจมูก มีน้ำมูกที่เป็นอยู่นั้นเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดา หรือ ไซนัสอักเสบเรื้อรังกันแน่ พร้อมแนวทางดูแลรักษาอย่างถูกวิธี
ไซนัสคืออะไร?
ไซนัส (Sinuses) หมายถึงโพรงอากาศที่อยู่รอบๆ โพรงจมูกเราทั้งซ้าย และขวา โดยปกติแล้วคนเราจะมีโพรงไซนัสทั้งหมด 4 แห่ง คือ บริเวณระหว่างตาทั้งสองข้าง บริเวณแก้ม บริเวณหน้าผาก และบริเวณในสุดของรูจมูกและใต้ฐานกะโหลก โพรงอากาศที่โล่งๆ ในกะโหลกศีรษะ แต่ละโพรงอากาศจะมีรูระบายอากาศตามธรรมชาติโพรงละ 1 รู ซึ่งจะระบายเข้าสู่โพรงจมูก และเมื่อเยื่อโพรงไซนัสมีการอักเสบ เราจึงเรียกว่า ไซนัสอักเสบ
ทำความรู้จักอาการไซนัสอักเสบ
ไซนัสอักเสบ หมายถึงการอักเสบเยื่อบุโพรงอากาศข้างจมูก มักเกิดขึ้นเมื่อจมูกมีการติดเชื้อ อักเสบเป็นหวัด ภูมิแพ้ การคั่งค้างอุดตันของสิ่งคัดหลั่งในผู้ที่มีภาวะสันจมูกคด ทำให้การระบายอากาศในโพรงอากาศลำบากมากขึ้น การมีก้อนเนื้องอกในจมูกก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในโพรงไซนัส
โดยปกติแล้วไข้หวัดธรรมดา ผู้ป่วยมักจะมีอาการใดอาการหนึ่ง เช่น จาม น้ำมูกไหล คัดแน่นจมูก มีเสมหะไหลลงคอ เจ็บคอ ไอ หูอื้อ มีไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มักจะดีขึ้นหรือหายไปภายในไม่เกิน 7-10
วัน แต่หากเป็นไซนัสอักเสบ อาการคัดจมูก น้ำมูกไหล การได้กลิ่นผิดปกติ ปวดแน่นบริเวณใบหน้า และไอ อาจเป็นนานถึงสัปดาห์ที่ 2 และ 3 แต่ก็จะลดความรุนแรงลงเรื่อยๆ แต่เมื่อใดที่อาการต่างๆ ของไข้หวัดไม่ดีขึ้นเลยภายใน 10 วันหรือดีขึ้นระยะหนึ่งแล้วกลับเป็นซ้ำ ให้สงสัยได้เลยว่าอาจเกิดภาวะไซนัสอักเสบได้
จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นไซนัสอักเสบ
โดยทั่วไปอาการนำของผู้ป่วยที่เป็นไซนัสอักเสบ มักจะมีอาการคัดจมูก น้ำมูกข้นเขียวหรือเหลือง หายใจมีกลิ่นเหม็น หรือมีโรคภูมิแพ้นำมาก่อน ปวดศีรษะ ปวดแก้ม หนักหัว หรืออาการปวดในกระบอกตาทั้งสองข้างอาการปวดเหล่านี้จะเป็นอาการปวดแบบตื้อๆ รายที่เป็นรุนแรงอาจมีภาวะแทรกซ้อน มีไข้สูง ตาบวมการมองเห็นผิดปกติได้
ในกรณีที่เป็นไซนัสอักเสบเรื้อรัง จะมีอาการ 1 เดือน โดยมักพบอาการเหล่านี้ในช่วงเวลาตื่นนอนตอนเช้า
• คัดจมูก
• มีน้ำมูกเป็นสีเหลืองอมเขียว
• ไอ เจ็บคอ มีอาการหอบ หลอดลมตีบ
• อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว
• บางรายการรับกลิ่น และรสเสียไป และกลิ่นเหม็นในจมูก
• ปวดแน่นบริเวณใบหน้า
• ในเด็กอาจมาด้วย อาการไอร่วมด้วย
การรักษาไซนัสอักเสบได้อย่างไร?
การรักษาไซนัสอักเสบ สามารถรักษาได้ 3 ประการใหญ่ คือ
1. รักษาไซนัสอักเสบเฉียบพลัน สามารถรักษาด้วยยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรีย ผู้ป่วยควรได้รับอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 10-14 วัน ยาพ่นจมูกชนิดสเตียรอยด์ ยาชนิดนี้มีผลลดการอักเสบบวมของเยื่อบุจมูก และโพรงไซนัส ช่วยให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้นเร็วหากใช้ควบคู่ไปกับยาปฏิชีวนะ ยาลดบวม มีทั้งชนิดรับประทาน และชนิดพ่นหรือหยอดจมูก ช่วยบรรเทาอาการคัดแน่นจมูกได้ดี แต่มีข้อจำกัดว่ายาชนิดพ่นหรือหยอดจมูกนี้ไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกิน 3-5 วันเนื่องจากมีผลข้างเคียงทำให้เยื่อบุจมูกกลับบวมมากขึ้น โดยแพทย์จะเป็นผู้เลือกใช้ยาเหล่านี้ตามความเหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละคน
2. การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ เป็นการรักษาอีกวิธีหนึ่งที่ทำได้ง่าย และช่วยให้อาการทางไซนัสดีขึ้น ลดความหนืดของน้ำมูกและช่วยเพิ่มการทำงานของเซลล์ชนิดมีขนอ่อนไว้พัดโบกในโพรงจมูก และไซนัส หากการรักษาด้วยยาไม่ได้ผล และมีการอักเสบซํ้าๆ หรือมีภาวะแทรกซ้อนทั้งต่อทางตา สมอง และกระดูกบริเวณใกล้เคียง แพทย์อาจพิจารณารักษาด้วยการผ่าตัดผ่านกล้องเอนโดสโคป ผ่าตัดขยายรูเปิดของไซนัส
3. รักษาด้วยการผ่าตัด การผ่าตัดผ่านกล้องเอนโดสโคป (Endoscope) ผ่านทางรูจมูกเพื่อระบายมูกหนองและช่วยปรับอากาศของโพรงไซนัส ซึ่งเป็นการผ่าตัดที่เป็นมาตรฐาน และมีความปลอดภัย ช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วและเสียเลือดไม่มาก วิธีการนี้แพทย์มักจะพิจารณาให้การผ่าตัดในกลุ่มผู้ป่วยไซนัสอักเสบที่รักษาด้วยยาไม่ได้ผล หรือมีการอักเสบเป็นซ้ำหลายๆครั้ง
รวมถึงรายที่มีภาวะแทรกซ้อนจากการอักเสบเฉียบพลันทั้งต่อทางตา,สมองและกระดูกที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
แนวทางการรักษาด้วยวิธีต่างๆ ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ แต่หากหลังการรักษา หรือระหว่างการรักษาได้รับการดูแลรักษาที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ต่อเนื่อง ก็มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างรุนแรง
ดังนั้นผู้ป่วยควรดูแลตนเองด้วยการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการหวัด ภูมิแพ้ งดการว่ายน้ำ ดำน้ำ ขึ้นเครื่องบินประมาณ 2 สัปดาห์ ในช่วงที่อาการกำเริบ พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ งดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน โทร.0-2271-7000 ต่อ หู คอ จมูก