สวัสดีค่ะ คุณ NI CE,
อาการปวดท้องน้อยด้านขวาแบบจี๊ดๆ หากปวดเป็นพักๆ และไม่รุนแรง ก็ไม่น่าอันตรายอะไร แนะนำให้สังเกตอาการไปก่อน โดยอาการปวดท้องในช่วงกลางๆ ของการตั้งครรภ์ อาจเกิดจากการขยายตัวของมดลูก หรือหากมีเพศสัมพันธ์ ก็อาจกระตุ้นให้เกิดการปวดได้ หรืออาจไม่ได้มีสาเหตุมาจากการตั้งครรภ์ก็ได้ เช่น อาจเกิดจาก
- ลำไส้อักเสบติดเชื้อเฉียบพลัน ซึ่งจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียตามมาร่วมด้วย
- มีท้องผูก
- กล้ามเนื้อหน้าท้องอักเสบจากการทำงานหนัก ทำงานผิดท่าทาง
ส่วนการมีตกขาว หากมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ อาจเกิดจากมีการติดเชื้อในช่องคลอด เช่น การอักเสบติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด เป็นต้น
แต่หากอาการปวดท้องน้อยเป็นมากขึ้น ปวดต่อเนื่อง และยังคงมีตกขาวมีกลิ่นเหม็นหรือมีปริมาณมาก อาจเกิดจากมีการอักเสบติดเชื้อในมดลูกร่วมด้วย แนะนำควรรีบไปพบสูติ-นรีแพทย์ค่ะ และในช่วงนี้ ก็ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนค่ะ
สวัสดีค่ะคุณ อา หมวย
อาการปวดที่หน้าท้องอาจมีสาเหตุจาก
-ภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์เช่นแท้ง หรือท้องนอกมดลูก อาจมีเลือดทางช่องคลอดร่วมด้วย
-ปวดจากกล้ามเนื้อหรือเส้นประสาทอักเสบ
-กระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือติดเชื้อ อาจมีปัสสาวะแสบขัด
หากปวดมากขึ้น เป็นต่อเนื่องกันไม่ทุเลา มีเลือดออกทางช่องคลอดร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม
เบื้องต้นดื่มน้ำมากๆ ไม่กลั้นปัสสาวะ งดการเดินหรือการออกกำลังหนักๆไปก่อน งดการมีเพศสัมพันธ์
การแพ้ท้องเป็นเรื่องธรรมชาติ โดยอาการแพ้ท้อง อาจแสดงออกมาในหลายรูปแบบ เช่น เวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน อยากทานอาหารบางชนิดเช่น ของเปรี้ยว อยากทานสิ่งที่ไม่ใช่อาหาร เหม็นง่าย เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามการแพ้ท้องที่ทำให้รับประทานอาหารไม่ได้ น้ำหนักลดลงมาก เป็นสิ่งที่มีผลต่อสุขภาพของคุณแม่ตั้งครรภ์
อีกทั้งยังเป็นอาจเป็นอาการแสดงถึงการตั้งครรภ์ที่ไม่ปกติ เช่น ครรภ์ไข่ปลาอุก ครรภ์แฝด ได้ จึงความพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย และรับยาบรรเทาอาการ (ในบางรายอาจ พิจารณาให้สารน้ำทางหลอดเลือด )
2. เลือดออกจากช่องคลอด
ในไตรมาสแรกเลือดออกจากช่องคลอด เกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ที่สำคัญคือเรื่องของภาวะแท้งบุตร และท้องนอกมดลูก หากมีอาการควรพบแพทย์ เพื่อหาสาเหตุ และยืนยันสภาวะของทารกในครรภ์
ในช่วงไตรมาสที่ 2 และ3 ภาวะเลือดออกทางช่องคลอด อาจเกิดจาก รกเกาะต่ำ รกลอกตัวก่อนกำหนด เป็นต้น
ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายเป็นอย่างมาก ทั้งตัวคุณแม่และทารกในครรภ์ อีกทั้งยังอาจเป็นหนึ่งในอาการเตือนของการคลอดบุตร อีกด้วย
3. อาการปวดท้องน้อย
การปวดท้องน้อยในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ สามารถพบได้เนื่องจากการขยายตัวของมดลูก แต่อย่างไรก็ตามมักไม่ปวดมาก พักหรือเปลี่ยนอิริยาบถ ควรจะทุเลาอาการ หากมีอาการปวดมาก ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ
4. มีไข้สูง
คุณแม่ที่มีไข้สูง ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของไข้ ว่ามีการติดเชื้อใด ที่ระบบใด และรับการรักษาอย่างถูกต้อง
ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง เนื่องจากมียาหลายชนิดที่ไม่สามารถใช้ได้ขณะตั้งครรภ์ การติดเชื้อบางชนิดอาการก่อให้เกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์ และการติดเชื้อในบางระบบเช่น ทางเดินปัสสาวะอาจเป็นสาเหตุของการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดได้ เป็นต้น
5. ลูกดิ้นน้อยลง หรือไม่ดิ้น
การนับลูกดิ้นหลังอายุครรภ์ประมาณ 5 เดือน มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นสิ่งที่คุณแม่สามารถสังเกตความผิดปกติได้ด้วยตัวเองขณะอยู่บ้าน โดยการนับลูกดิ้นมีหลายแบบแล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคน
โดยคุณแม่มักได้รับคำแนะการนับลูกดิ้นจากแพทย์ที่ได้ทำการฝากครรภ์ หากพบว่าทารกมีการดิ้นลดลง หรือ ไม่ดิ้น ควรรีบพบแพทย์เนื่องจาก อาจเกิดการเสียชีวิตในครรภ์ได้
6. อาการเจ็บครรภ์คลอด
การเจ็บครรภ์คลอด (true labor pain) มักจะมีอาการท้องแข็ง มดลูกหดรัดตัว ปวดร้าวไปที่หลังหรือหน่วงลงช่องคลอดทวารหนัก มีอาการเจ็บสม่ำเสมอ มีความถี่และความแรงของการหดรัดตัวของมดลูกมากขึ้นเรื่อยๆ เปลี่ยนอิริยาบถหรือพักไม่ดีขึ้น หากมีอาการดังกล่าวก่อนอายุครรภ์ 37 สัปดาห์
จะมีความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดได้
7. น้ำเดิน หรือถุงน้ำคร่ำแตก
จะมีน้ำใสๆไหลออกจากช่องคลอด คล้ายปัสสาวะราดแต่กลั้นไม่ได้ โดยมักจะออกมาเรื่อยๆ โดยปริมาณอาจไม่แน่นอน อาการของน้ำเดินเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการคลอดบุตร จึงควรมารพ.ทันทีเพื่อเตรียมตัวคลอด
8.ตัวบวม น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็ว จุกแน่นลิ้นปี ตาพร่ามัว ปวดศีรษะมาก
อาการดังกล่าวเป็นอาการของภาวะครรภ์เป็นพิษ (Pre-ecclampsia) ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายมากต่อทั้งแม่และเด็ก
โดยหากมีอาการดังกล่าวหรือสงสัยให้มาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยทันที
อาการผิดปกติอื่น ที่ควรแจ้งให้แพทย์ที่ฝากครรภ์ทราบเพื่อทำการรักษาได้ทันท่วงที
- ปัสสาวะแสบขัด ไม่สุด ปวดท้องน้อยเวลาปัสสาวะ
- ตกขาวมีกลิ่น หรือสีที่ผิดปกติ
- มีอาการคันช่องคลอด
- นอนไม่หลับ
- ท้องผูก หรือถ่ายปนเลือด
- ปวดหลังมาก
- เป็นตะคริว
- มีอาการชาปลายมือปลายเท้า
- จุกแสบลิ้นปี่ หรือมีอาการแสบร้อนที่อกหรือลำคอหลังรับประทานอาการหรือเวลานอน