พ่อแม่หลายท่านมาปรึกษาหมอ เพราะกังวลใจเมื่อเห็นลูกไม่ยอมเดินเหมือนเด็กคนอื่น ๆ เป็นห่วงว่าลูกอาจมีพัฒนาการที่ผิดปกติ วันนี้หมอขอเล่าพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดใหญ่ที่ควรมาตามลำดับ ดังนี้...
❤︎ ช่วงอายุ 3 - 4 เดือน ❤︎
ในท่านอนคว่ำ เด็กใช้แขนยันตัวเองหน้าอกพ้นพื้นได้เล็กน้อย เป็นการฝึกกล้ามเนื้อลำตัวให้แข็งแรงเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการนั่งและยืนต่อไป
❤︎ ช่วงอายุ 5 เดือน ❤︎
เด็กจะถีบตัวขึ้น - ลงบนพื้น เวลาที่คุณแม่ประคองลำตัวไว้ เป็นการฝึกกล้ามเนื้อขาให้แข็งแรง
การสังเกตุพัฒนาการด้านการเดินของลูก
ก่อนที่จะมานั่งกังวลใจว่าทำไมลูกยังไม่เดิน คุณแม่ลองมาเรียนรู้ถึง พัฒนาการด้านการเดินของเด็กกันดูก่อน
- 3 – 4 เดือน ในท่านอนคว่ำ ลูกใช้แขนยันตัวเอง จนหน้าอกพ้นพื้นได้เล็กน้อย เป็นการฝึกกล้ามเนื้อลำตัวให้แข็งแรง เพื่อเตรียมพร้อม สำหรับการนั่ง และยืนต่อไป
- 5 เดือน เด็กจะถีบตัว ขึ้น – ลง บนพื้น เวลาที่คุณแม่ประคองลำตัวไว้ เป็นการฝึกกล้ามเนื้อขาให้แข็งแรง
- 6 ถึง 10 เดือน ลูกจะเรียนรู้การนั่งเอง โดยไม่ล้ม และ คลานได้ เป็นการฝึกระบบการทรงตัว ของร่างกาย และฝึกการเคลื่อนไหว ที่ต้องประสานกัน ทั้งซ้าย และขวา ของแขนขา
- 9 ถึง 15 เดือน เด็กจะเหนี่ยวตัวเองขี้นยืน และเริ่มตั้งไข่ ก่อนที่จะก้าวเดินออก ไปข้างหน้าด้วยตัวเอง
- 14 ถึง 15 เดือน เด็กจะเดินได้เอง โดยใช้เวลาขวบปีแรก ฝึกฝนกล้ามเนื้อ และระบบการทรงตัวมาก่อน
สิ่งแวดล้อมรอบตัวส่งผลต่อการหัดเดิน
- พื้นบ้านบริเวณที่หัดเดิน ควรปูด้วยแผ่นรองคลาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเด็ก กรณีที่ล้ม
- การแต่งกายของลูก แนะนำให้ใส่เสื้อผ้าสบาย ๆ เปิดโล่งบริเวณฝ่าเท้า ไม่ควรใส่ชุดที่เท้าหรือใส่รองเท้า เพราะเท้าเปล่าจะกระตุ้นให้ลูกทรงตัว และเคลื่อนไหวร่างกายดีกว่า
- ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ควรเลือกผ้าอ้อมสำเร็จรูปแผ่นบาง ที่่ช่วยซึมซับได้ดี ไม่ควรหนาตุงจนขันขวางการเดินของลูก
เทคนิคช่วยลูกหัดเดิน
เป็นแบบอย่างให้ลูกๆ ฝึก : การฝึกให้ลูกเดินนั้น พ่อแม่ควรคอยช่วยเหลือ ชักจูง และเป็นแบบอย่างให้ลูก โดยเฉพาะช่วงกำลังหัดยืน หัดเดิน อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ข้อดี คือ นอกจากจะป้องกันอันตรายให้ลูกแล้ว ยังเป็นการช่วยสร้าง ความมั่นใจให้กับลูกอีกด้วย
ดึงลูกน้อยให้ยืน : ปล่อยให้ลูกน้อยจับนิ้วมือของคุณ และดึงพวกเขาขึ้น ให้อยู่ในท่ายืน เพื่อให้พวกเขารับน้ำหนัก ของตัวเองเป็นพื้นฐาน ปล่อยให้พวกเขาเดินไปมาขณะที่คุณประคองใต้แขนของพวกเขา
ยิ่งลูกน้อยของคุณใช้เวลา ออกกำลังขาของพวกเขามากเท่าไร พวกเขายิ่งจะเริ่ม พยายามก้าวเท้าเดินด้วยตัวเองเร็วขึ้นเท่านั้น
การจับลูกน้อยของคุณไว้ ในขณะที่พวกเขายืนอยู่ จะช่วยให้ขาของพวกเขาตรงขึ้น และป้องกันไม่ให้ขาโก่งในภายหลัง อาการขาโก่งมักจะหายไป เมื่อลูกของคุณอายุ 18 เดือน แต่ปัญหานี้ อาจจะยังคงอยู่จนพวกเขาอายุ 3 ขวบก็ได้
ใช้ของเล่นวางล่อ :แรงจูงใจที่จะสร้างให้ลูกนั้น อาจเป็นของเล่นที่ลูกชอบวางล่อไว้ใกล้ ๆ และ พ่อแม่คอยล่อให้ลูก พยายามเคลื่อนไหวเข้าไปหา
ไม่ควรรีบร้อนเร่งรัดลูก : พ่อคุณแม่ไม่ควรรีบร้อนเร่งรัด ให้ลูกเดินเร็วกว่าความสามารถของเขา ปล่อยไปตามธรรมชาติ ของพัฒนาการของลูกจะดีกว่า
จัดสถานที่ให้เหมาะสม : การจัดสถานที่ให้เหมาะสม ก็เป็นสิ่งจำเป็น พื้นไม่ควรแข็งเกินไป เช่น เป็นพื้นปูน หรือ หิน ควรมีที่ให้ลูกเกาะยืนเดินได้ และ มีบริเวณกว้างขวาง พอที่จะค่อย ๆ หัดก้าวเดิน ที่สำคัญคือ ไม่มีของวางขวางเกะกะ ถ้ามีขอบโต๊ะ หรือมุม ก็ควรจะมีฟองน้ำ หรือผ้านุ่ม ๆ บุกันไว้ เพื่อป้องกันอันตราย
ไม่ควรใช้รถหัดเดิน : การใช้รถหัดเดิน นอกจากไม่ช่วยให้ระบบการทรงตัว และการเคลื่อนไหว ของร่างกายพัฒนาไปตามปกติแล้ว ยังทำให้เกิดอุบัติเหตุมากขึ้นด้วย
ไม่ต้องซื้อรองเท้าสำหรับเดินในบ้าน : ไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้อรองเท้าให้ลูกน้อยเพราะว่ารองเท้าที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อยของคุณ คือ การไม่ใส่รองเท้าเลย
ตราบใดที่พื้นผิวภายในบ้านสะอาด และปลอดภัยต่อการเดินของลูกน้อย ก็ปล่อยให้พวกเดินและสำรวจด้วยเท้าเปล่า (หรือถุงเท้ากันลื่น) ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อช่วยสร้างกล้ามเนื้อเท้า และข้อเท้า ช่วยให้ส่วนโค้ง ของพวกเขาพัฒนา และช่วยให้พวกเขา เรียนรู้การทรงตัว และความสัมพันธ์ในการทำงานของอวัยวะ
ถ้าลูกน้อยของคุณ กำลังจะไปหัดเดินนอกบ้าน รองเท้าควรมีน้ำหนักเบา และยืดหยุ่น หลีกเลี่ยงรองเท้าบู๊ตสูง หรือ รองเท้าผ้าใบแบบสูง เพราะว่า การพยุงข้อเท้ามากเกินไป อาจจะชะลอการเคลื่อนไหว ทำให้ลูกน้อยเดินได้ช้าลง
ปล่อยให้ล้มบ้างตราบใดที่ยังปลอดภัยอยู่ : เมื่อลูกน้อยเริ่มเดิน พวกเขาอาจจะผงกหัว เซ และแม้กระทั่ง ล้มทิ้งตัวแหมะในขณะที่พวกเขา พยายามจะพัฒนาทักษะ การเดินของพวกเขาให้ดีขึ้น
ตราบใดที่บ้านของคุณมีการป้องกันให้ ไม่เป็นอันตรายต่อเด็กเล็ก ที่กำลังเดิน และคุณเฝ้าดูพวกเขา อย่างระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา ก็อย่าเครียดกับการล้ม ลูกเพียงแค่ตกใจ ไม่ได้บาดเจ็บอะไร