ลักษณะของแสงเงาแบ่งออกเป็น 6 ค่า //1.bp.blogspot.com/-3AvFU0FxfAU/UaonjNr7WNI/AAAAAAAAAQM/SEiExiDYWP8/s1600/shadow.jpg
ลักษณะของแสงเงาแบ่งออกเป็น 6 ค่า ขออธิบายเรื่องแสงและเงากันหน่อยนะครับพร้อมกับการดูจากภาพตัวอย่างที่ด้านบนครับ ผม แสงและเงา (Light & Shade) เป็นองค์ประกอบสำคัญของศิลป์ที่อยู่คู่กัน เลยก็ว่าได้ครับ แสง เมื่อส่องกระทบ กับวัตถุ จะทำให้เกิดเงานะครับ แสงและเงาจะเป็นตัวกำหนดระดับของค่าน้ำหนัก ความเข้มของเงาจะขึ้นอยู่ กับความเข้มของแสงครับ ในที่ที่มีแสงสว่างมาก เงาก็จะเข้มขึ้นมาก และในที่ที่มีแสงสว่างน้อย เงาก็จะไม่ชัดเจน ในที่ที่ไม่มีแสงสว่าง ก็จะไม่มีเงา และเงาจะอยู่ในทางตรงข้ามกับแสงเสมอนะครับจำเอาไว้ ทั้งนี้ก็ให้ดูภาพตัวอย่างที่ด้านบนนะครับ เรื่องแสงและเงา ในบทหน้าต่อไปผมจะแนะนำวิธีที่ผมวาดภาพด้านบนว่าผมมีเทคนิคอะไรบ้าง ส่วนบทนี้เรามาดูรายละเอียด เรื่องแสงและเงากันก่อนครับผม
1. แสงสว่างที่สุด (HIGH LIGHT) เป็นบริเวณที่วัตถุกระทบแสงโดยตรง ทำให้ส่วนนั้นมีน้ำหนักอ่อนที่สุด ถ้าวัตถุเป็นสีขาวบริเวณนั้นจะปล่อยว่าง ไม่ต้องลงเงาก็ได้
2. แสงสว่าง (LIGHT) เป็นบริเวณที่ไม่ถูกแสงโดยตรง แต่มีบางส่วนที่ได้รับอิทธิพลจากแสง การลงน้ำหนักบริเวณนี้ต้องให้อ่อนจางแต่แก่กว่าบริเวณแสงสว่างที่สดุดเล็กน้อย
3. เงา (DARK) เป็นบริเวณที่ได้รับอิทธิพลของแสงน้อย ซึ่งเงาบริเวณนี้จะต้องแรเงาให้มีน้ำหนักเข้มกว่าบริเวณแสงสว่างพอประมาณ พอที่จะแยกแสงและเงาออกจากกันได้
4. เงามืด (DARKEST) เป็นบริเวณที่ไม่ได้รับอิทธิพลของแสงจึงต้องแรเงาด้วยน้ำหนักที่เข้มกว่าบริเวณอื่นๆ ทั้งหมดของวัตถุ
5. แสงสะท้อน (REFLECTED LIGHT) เป็นบริเวณของวัตถุที่ไม่ได้กระทบแสงโดยตรง หากอยู่ในตำแหน่งที่เป็นเงาแต่ถูกแสงสะท้อนจากวัตถุที่อยู่ใกล้ๆ กันมากระทบ น้ำหนักของบริเวณนี้จะอ่อนกว่าบริเวณที่เป็นเงา ค่าของแสงสะท้อนจะให้ความรู้สึกในภาพมีมิติ มีมวลสาร มีชีวิตชีวา ดูเหมือนมีอากาศอยู่รอบๆ
6. เงาตกทอด (CAST SHADOW) เป็นบริเวณที่เงาของวัตถุนั้นๆ ทอดไปตามพื้นที่รองรับวัตถุ โดยจะมีน้ำหนักแก่กว่าบริเวณแสงสะท้อน ขนาดและรูปร่างของเงาตกทอดจะขึ้นอยู่กับทิศทางของแสง รูปร่างของวัตถุและพื้น
ค่าน้ำหนักของแสงและเงาที่เกิดบนวัตถุ สามารถจำแนกเป็นลักษณะต่าง ๆ ได้ดังนี้
- บริเวณแสงสว่างจัด (Hi-light) เป็นบริเวณที่อยู่ใกล้แหล่งกำเนิดแสงมากที่สุด จะมีความสว่างมากที่สุด ในวัตถุที่มีผิวมันวาวจะสะท้อนแหล่งกำเนิดแสงออกมาให้เห็นได้ชัด
- บริเวณแสงสว่าง (Light) เป็นบริเวณที่ได้รับแสงสว่าง รองลงมาจากบริเวณแสงสว่าง จัด เนื่องจากอยู่ห่างจากแหล่งกำเนิดแสงออกมา และเริ่มมีค่าน้ำหนักอ่อน ๆ
- บริเวณเงา (Shade) เป็นบริเวณที่ไม่ได้รับแสงสว่าง หรือเป็นบริเวณที่ถูกบดบังจาก แสงสว่าง ซึ่งจะมีค่าน้ำหนักเข้มมากขึ้นกว่าบริเวณแสงสว่าง
- บริเวณเงาเข้มจัด (Hi-Shade) เป็นบริเวณที่อยู่ห่างจากแหล่งกำเนิดแสงมากที่สุด หรือ เป็นบริเวณที่ถูกบดบังมาก ๆ หลาย ๆ ชั้น จะมีค่าน้ำหนักที่เข้มมากไปจนถึงเข้มที่สุด
- บริเวณเงาตกทอด เป็นบริเวณของพื้นหลังที่เงาของวัตถุทาบลงไป เป็นบริเวณเงาที่อยู่ ภายนอกวัตถุ และจะมีความเข้มของค่าน้ำหนักขึ้นอยู่กับ ความเข้มของเงา น้ำหนักของพื้น หลัง ทิศทางและระยะของเงา
ความสำคัญของค่าน้ำหนัก
- ให้ความแตกต่างระหว่างรูปและพื้น หรือรูปทรงกับที่ว่าง
- ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหว
- ให้ความรู้สึกเป็น2 มิติ แก่รูปร่าง และความเป็น 3 มิติแก่รูปทรง
- ทำให้เกิดระยะความตื้น – ลึก และระยะใกล้ – ไกลของภาพ
- ทำให้เกิดความกลมกลืนประสานกันของภาพ
วิธีที่จะฝึกเขียนภาพเหมือนด้วยตัวเองนั้นจำเป็นอย่างยิ่งเลยนะครับสำหรับบทความนี้ ขอให้อ่านและทบทวนลองทำการเขียนบ่อยๆนะครับเพื่อความเคยชิน แบบฝึกหัดก็แบบง่ายๆเลยครับ ให้เราทำการทำตารางสีเหลี่ยมขึ้นมาซัก 9 ช่องโดยกำหนดขนาดความกว้างและความยาวเอาเองนะครับ หรือเอาแบบนี้ก็ได้ แต่ละช่องให้ยาวสัก 2 นิ้ว กว้างสัก 1นิ้วแล้วก็ทำการแรเงาโดยช่องที่หนึ่งให้สีเข้มที่สุดแล้วก็ ค่อยๆให้สีจางลงมาเรื่อยๆโดยทั้ง 9 ช่องต้องสีไม่ซ้ำกันนะครับดูตัวอย่างจากภาพประกอบ ด้านขวามือ คือให้ฝึกแรงเงาตามลำดับสีจากน้ำหนักมากไล่ลงมาน้ำหนักน้อยเรื่อย ๆจนได้ครบทั้ง 9 หรืออาจมากกว่านั้นก็ได้ครับฝึกแบบฝึกหัดนี้บ่อย ๆ นะครับ เพื่อตัวคนฝึกเอง นะละครับ มันจะทำให้เราสามารถ แรเงา และควบคุมน้ำหนักมือได้ดีเยี่ยมเลยลองๆฝึกดูครับ
5) สีคู่ตรงข้าม ( Complementary Colors) หมายถึง สีที่อยู่ตรงกันข้ามกันในวงสีธรรมชาติ เป็นคู่สีกัน คือ สีคู่ที่ตัดกัน หรือเรียกว่า สีตรงกันข้ามหรือสีตัดกัน (Contrast) ถ้านำมาใช้คู่กันจะทำให้เกิดความรู้สึกตัดกันอย่างรุนแรง คู่สีนี้ถ้านำมาผสมกันจะได้เป็นสีกลาง แต่ถ้านำสีหนึ่งเจือลงไปในสีคู่ของมันเล็กน้อย จะทำให้สีนั้นหม่นๆลง ถ้าเจือมากจะหม่นมาก จิตรกรบางกลุ่มใช้สีคู่ตรงข้ามนี้แทนสีดำในการทำให้อีกสีหนึ่งหม่นลง