กฎหมาย 𝗣𝗗𝗣𝗔 (𝗣𝗲𝗿𝘀𝗼𝗻𝗮𝗹 𝗗𝗮𝘁𝗮 𝗣𝗿𝗼𝘁𝗲𝗰𝘁𝗶𝗼𝗻 𝗔𝗰𝘁) เป็น พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2565 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อห้ามใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอม ซึ่งกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้ทั้งส่วนบุคคลและธุรกิจทุกภาคส่วนไม่เว้นแม้แต่ร้านอาหาร ดังนั้น วันนี้ยูนิลีเวอร์ ฟู้ด โซลูชั่นส์ จึงมาแบ่งปันข้อมูลกฎหมายใหม่ฉบับนี้ เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับเจ้าของธุรกิจร้านอาหาร รับรองว่ามีประโยชน์แน่นอน
ข้อมูลส่วนบุคคลคืออะไร และมีกี่ประเภท
ข้อมูลส่วนบุคคลคือ ข้อมูลส่วนตัวของบุคคลนั้น ๆ โดยในทางกฏหมาย PDPA แบ่งได้ 2 ประเภท ได้แก่
- ข้อมูลส่วนบุคคลพื้นฐาน เป็นข้อมูลที่สามารถระบุ หรือบอกได้ว่าใครคือเจ้าของ เช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ อีเมล เบอร์โทร เลขบัตรประชาชน บัญชีธนาคาร หรือทะเบียนรถ เป็นต้น
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน เป็นข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน ซึ่งสามารถนำไปสู่การเลือกปฏิบัติได้ เช่น ศาสนา รสนิยมทางเพศ หรือความคิดเห็นทางการเมือง เป็นต้น
สิ่งที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับกฎหมาย PDPA
ก่อนจะมาดูกันว่ากฎหมาย PDPA มีผลต่อผู้ประกอบการร้านอาหารอย่างไร ลองมาดูสิ่งที่คนมักจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับกฎหมาย PDPA โดยทั่วไปกันก่อน
- การถ่ายภาพหรือถ่ายคลิป ที่ติดภาพบุคคลอื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมถือว่าผิด PDPA
- ในกรณีการถ่ายรูป-ถ่ายคลิปโดยติดบุคคลอื่นโดยไม่เจตนา และไม่ได้เกิดความเสียหายกับผู้ถูกถ่าย สามารถทำได้ หากเป็นการใช้เพื่อวัตถุประสงค์ส่วนตัว
- การนำคลิปหรือรูปถ่ายที่ติดคนอื่น ไปโพสต์ในโซเชียลมีเดียโดยบุคคลอื่นไม่ยินยอมจะผิด PDPA
- หากเป็นการทำเพื่อวัตถุประสงค์ส่วนตัว ไม่ใช้แสวงหากำไรทางการค้า และไม่ทำให้คนที่โดยถ่ายเสียหาย ก็สามารถโพสต์ได้
- ติดกล้องวงจรปิดแล้วไม่มีป้ายแจ้งเตือนผิด PDPA
- หากเป็นการป้องกันเพื่อรักษาความปลอดภัยกับตัวเจ้าของบ้าน การติดกล้องวงจรปิดภายในบ้านจึงไม่จำเป็นต้องมีป้ายแจ้งเตือน
- เจ้าของข้อมูลส่วนตัวต้องยินยอมทุกครั้งก่อนนำข้อมูลไปใช้
- ที่จริงแล้วไม่จำเป็นต้องขอความยินยอม หากการใช้ข้อมูลที่เป็นในลักษณะการทำตามสัญญา การใช้ที่มีกฎหมายให้อำนาจ การใช้เพื่อรักษาชีวิตและ/หรือ ร่างกายของบุคคล การใช้เพื่อการค้นคว้าวิจัยทางสถิติ การใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือใช้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ หรือสิทธิของตนเอง
ข้อกฎหมาย PDPA ที่ผู้ประกอบการร้านอาหารควรรู้
- การติดกล้อง CCTV หรือกล้องวงจรปิดภายในร้านอาหาร แน่นอนว่าการติดกล้องกล้องวงจรปิด เป็นการรักษาความปลอดภัยให้กับร้านอาหาร ซึ่งในส่วนของบุคคลหรือลูกค้าที่โดนถ่าย ถือว่าเป็นการถ่ายภาพบุคคลที่อยู่ในข้อมูลส่วนบุคคลคุ้มครอง PDPA ดังนั้นร้านอาหารจึงจำเป็นต้องขออนุญาตบุคคลที่จะเข้าร้านก่อนถ่าย โดยสามารถขอความยินยอมได้อัตโนมัติจากการติดประกาศ หรือติดสติกเกอร์ให้ลูกค้าทราบก่อนเข้าร้านทุกครั้ง
- ระบบสมาชิก สำหรับร้านอาหาร เชื่อว่าหลาย ๆ ร้านคงมีการทำระบบสมาชิกเพื่อส่งเสริมการขาย ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หรือ อีเมล โดยตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. เป็นต้นไปทางร้านจะต้องมีการขอความยินยอมจากลูกค้า เพื่อขอข้อมูลส่วนบุคคล โดยต้องแจ้งวัตถุประสงค์ในการขอข้อมูลว่าจะนำข้อมูลไปทำอะไร โดยในอนาคตลูกค้าที่ได้สมัครสมาชิกกับทางร้านนั้น ก็มีสิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองได้
- การทำการสื่อสารทางการตลาด การโปรโมทภาพหรือคลิปวิดีโอเพื่อโปรโมทร้านอาหารในช่วงก่อนหน้านี้อาจเป็นเรื่องปกติ และเชื่อว่าหลาย ๆ ร้านน่าจะไม่พลาดการคอยอัปเดตกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในร้านผ่านวิธีการเหล่านี้ แต่รู้หรือไม่ว่าตั้งแต่ วันที่ 1 มิ.ย. 2565 ร้านค้าในเชิงพาณิชย์ ไม่สามารถนำรูปหรือวิดีโอที่ถ่ายติดบุคคล เพื่อเป็นการโปรโมท หรือ สร้างประโยชน์ให้กับตนเอง ลงในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้ โดยทางร้านสามารถถ่ายรูปหรือวิดีโอได้ แต่ต้องไม่ให้รู้ถึงตัวบุคคล ด้วยการเบลอหน้าก่อนนั่นเอง ในกรณีที่ผู้ขายต้องการ ส่งโปรโมชัน หรือรายละเอียดการส่งเสริมการขายให้กับกลุ่มลูกค้า ผู้ขายสามารถส่งโปรโมชันต่าง ๆ ให้กับลูกค้าที่สมัครเป็นสมาชิกได้ แต่หากเป็นลูกค้าที่ไม่ได้เป็นสมาชิก ทางร้านจะต้องทำฟอร์มขึ้นมาเพื่อให้ลูกค้าใหม่ยินยอมในการรับโปรโมชัน หรือกิจกรรมที่ส่งเสริมการขาย โดยลูกค้าสามารถขอให้ทางร้านลบข้อมูลส่วนตัวได้ในอนาคต
- การออเดอร์อาหารผ่านออนไลน์ การออเดอร์อาหารออนไลน์ หรือแชตคุยซื้อขายเป็นธุรกรรมที่ทำได้ตามเดิม ไม่ต้องมีเอกสารยินยอม เนื่องจากการสนทนาจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อลูกค้าเริ่มทักไปหาร้านค้า ซึ่งเป็นการแสดงถึงความต้องการของลูกค้าก่อนเป็นที่เรียบร้อย
บทความอื่นๆ เกี่ยวกับการตลาดร้านอาหาร
8 เมษายน 2565
รวม 6 กฎหมายสำคัญ
ที่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการด้านอาหาร ต้องรู้
เพื่อทราบการกำหนดนโยบาย ขั้นตอน-การขอใบอนุญาต
และการกำหนดโทษ
พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522
มุ่งคุ้มครองผู้บริโภคเป็นหลัก
ควบคุมคุณภาพของอาหาร
-การขออนุญาต
– การตรวจสอบ
– การขึ้นทะเบียน
– การโฆษณาเกี่ยวกับอาหาร
โทษทางอาญา
-ฝ่าฝืนผลิตอาหารที่ห้ามผลิต หรือนำเข้า
โทษจำคุก 6 เดือน – 2 ปี และ ปรับตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาท
-ฝ่าฝืนตั้งโรงงานผลิตอาหารเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต
โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
-ฝ่าฝืนผลิตอาหารไม่บริสุทธิ์
โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พ.ร.บ.มาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. 2561
กำหนดกระบวนการตรวจสอบ และเครื่องหมายรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร
-พืช สัตว์ ประมง
-เพื่อควบคุมและส่งเสริมสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพ มาตรฐาน และปลอดภัยแก่ประชาชน
กําหนดการควบคุมกิจกรรมอื่นที่ต่อเนื่องจากการผลิตสินค้าเกษตร
-การขนส่งสินค้าเกษตร
-คลังสินค้าเกษตร
-สะพานปลา
-โรงฆ่าสัตว์
ให้อำนาจสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ
-มอบหมายให้หน่วยงานอื่นของรัฐมีอำนาจออกใบอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ
กำหนดให้ผู้ผลิตสินค้าเกษตรบางขนาดหรือลักษณะของกิจการ ยกเว้น
ไม่ต้องได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ผลิต
-ได้รับยกเว้นไม่ต้องขอรับการตรวจสอบและได้รับใบรับรองตามมาตรฐานบังคับจากผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐาน
พ.ร.ก.การประมง พ.ศ. 2558
มุ่งหมายเพื่อจัดระเบียบการประมง ในประเทศไทยและน่านน้ำ
-ป้องกันการประมงผิดกฎหมาย
-รักษา ทรัพยากรสัตว์น้ำ ให้เป็นแหล่งอาหารของมนุษย์
-รักษาสภาพสิ่งแวดล้อม ให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสมตามมาตรฐานสากล
-คุ้มครองสวัสดิภาพของคนประจําเรือ และป้องกันการใช้แรงงานผิดกฎหมาย
โทษ สำหรับบุคคลผู้กระทำการฝ่าฝืน เช่น
การใช้เรือไร้สัญชาติทำประมง มีโทษเปรียบเทียบปรับตามขนาดของเรือ
-โทษสูงสุดเป็นเรือ 150 ตันกรอส มีโทษปรับ 5 – 30 ล้านบาท หรือปรับจำนวน 5 เท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่จับได้ ขึ้นกับจำนวนที่มากกว่า
จ้างแรงงานผิดกฎหมาย มีโทษปรับไม่น้อยกว่า 4 – 8 แสนบาทต่อราย
-ผู้ประกอบกิจการโรงงาน หากเกิดกรณีเดียวกัน นอกจากปรับ 2 แสนบาทถึง 2 ล้านบาท หรือโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละ 1-5 แสนบาทตลอดเวลาที่ฝ่าฝืน
พ.ร.บ.พันธุ์พืช พ.ศ. 2550
เพื่อควบคุมและคุ้มครองให้เกษตรกรได้ใช้พันธุ์พืชที่ดีในการเพาะปลูกอย่างเพียงพอ
-กำหนดหลักเกณฑ์การนำเข้า-ส่งออก
สินค้าพืชให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากพืชที่นำเข้ามาในประเทศ รวมถึงการส่งออกพืชไปยังตลาดต่างประเทศด้วย
กำหนดให้ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยพันธ์พืช ในการค้าเมล็ดพันธุ์ควบคุม พืชสงวน และพืชต้องห้าม
-เพื่อให้การตรวจสอบคุณภาพเมล็ดพันธุ์ควบคุม กํากับดูแลพืชสงวน และพืชต้องห้ามเป็นไปอย่างทั่วถึง
กําหนดคุณสมบัติของผู้ขอใบอนุญาตรวบรวม ขาย นําเข้า หรือส่งออกเมล็ดพันธุ์ควบคุม
-เพื่อการค้า ต้องเป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะ
และมีคุณสมบัติตามที่รัฐมนตรีประกาศกําหนดเพื่อความเหมาะสม
กำหนดเกณฑ์ของขอความที่ระบุในฉลาก สําหรับภาชนะบรรจุเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้า
-ให้แสดงจํานวนเมล็ดพันธุ์ควบคุมหรือหน่วยวัดอื่นๆ ของพืชแต่ละชนิด ให้เป็นไปตามหลักสากล
พ.ร.บ.ควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2559
เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคเนื้อสัตว์
-เพื่อให้ผู้บริโภคได้บริโภคเนื้อสัตว์ที่ถูกสุขอนามัย
ควบคุมการชําแหละและตัดแต่งเนื้อสัตว์ และสถานที่ชําแหละตัดแต่งเนื้อสัตว์
-เพื่อให้ครอบคลุมทุกห่วงโซ่การผลิตสินค้าปศุสัตว์และปลอดภัยต่อผู้บริโภค
ควบคุมการขนส่งสัตว์และเนื้อสัตว์
-เพื่อป้องกันและควบคุมโรคระบาด หลักสวัสดิ์ภาพสัตว์
-เพื่อให้เนื้อสัตว์มีคุณภาพ ตั้งแต่โรงฆ่าสัตว์ถึงผู้บริโภค
ตามหลัก From Farm Fork
กำหนดขั้นตอนขออนุญาตและออกใบอนุญาต เพื่อประกอบกิจการฆ่าสัตว์
-ต้องได้รับอนุมัติจากผู้มีอำนาจก่อน เพื่อออกใบอนุญาตประกอบกิจการฆ่าสัตว์
กําหนดอายุของใบขออนุญาต เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์
-มีอายุ 5 ปี นับแต่วันที่ออกใบอนุญาต
พ.ร.บ.คณะกรรมการอาหารแห่งชาติ
กำหนดนโยบาย และกำหนดยุทธศาสตร์ด้านอาหาร
-ด้านคุณภาพ
-ความปลอดภัยของอาหาร
-ความมั่นคงอาหาร
-ศึกษาด้านอาหารโดยครอบคลุมทั้งห่วงโซ่อุปทาน
-เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค
กำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการอาหารแห่งชาติ เช่น
-ให้ความเห็นและข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพอาหาร ความปลอดภัยด้านอาหาร ความมั่นคงด้านอาหาร
และอาหารศึกษา
-จัดให้มี ส่งเสริม สนับสนุนให้มีกระบวนการในการพัฒนานโยบาย
และยุทธศาสตร์ด้านคุณภาพอาหาร
ความปลอดภัยด้านอาหาร
ความมั่นคงด้านอาหาร และอาหารศึกษา
-เพื่อให้เกิดการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย