เป็นกระแสมาเรื่อยๆ สำหรับน้ำมะเขือเทศบรรจุกล่อง ที่สาวๆ แห่กันไปหาดื่มกันยกใหญ่ ด้วยว่าอยากให้ผิวของตัวเองขาว ใส นุ่ม ฟู (ผิวนะไม่ใช่ทุเรียน) ถึงแม้จะมีสาวๆ อีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่โอเคกับรสชาติสักเท่าไร แต่ก็พยายามทนดื่มหวังจะให้ผิวสวยใส เปล่งประกายอย่างเป็นธรรมชาติจริงๆ
แต่อีกกระแสหนึ่งก็บอกว่า น้ำมะเขือเทศกล่องนั้น มีรสชาติ “เค็ม” ถึงแม้หน้ากล่องจะเขียนว่า น้ำมะเขือเทศแท้ 100%
ก็ตาม จึงเชียร์ให้ทานสดเป็นลูกๆ จะดีกว่า ได้รับประโยชน์จากธรรมชาติเต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่าแน่นอน
จริงๆ แล้ว มะเขือเทศ ทานแบบไหนถึงจะได้คุณประโยชน์สูงสุดล่ะ?
ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อนว่ามะเขือเทศมีสารอาหารชนิดใด ถึงช่วยบำรุงผิวให้เนียนใสอย่างที่สาวๆ ปรารถนากันทั้งบ้านทั้งเมือง
ประโยชน์ของมะเขือเทศ
- วิตามินซี ช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า ช่วยให้ผิวแลดูเต่งตึง ป้องกันอันตรายจากรังสียูวีจากแสงแดด และช่วยให้เซลล์ผิวหนังได้ปรับสภาพคอลลาเจนใต้ผิวหนังให้แข็งแรง ทำให้ผิวชุ่มชื่น เรียบเนียนสวยงาม
- ไลโคปีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความชรา ต้านความเสื่อมของร่างกาย ช่วยการไหลเวียนของเลือด นอกจากนี้ยังเบต้าแคโรทีน วิตามิน และสารอาหารอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย ทีนี้สาวๆ ก็เห็นแล้วใช่ไหมว่า ทั้งวิตามินซีและไลโคปีน ก็ช่วยเรื่องลดริ้วรอย และกระชับผิวให้เนียนใสเต่งตึงได้เหมือนกัน
แล้วมะเขือเทศสด กับน้ำมะเขือเทศกล่อง อันไหนมีเจ้าสองตัวนี้มากกว่ากันล่ะ?
มะเขือเทศสด
เพราะวิตามินซีเป็นสารอาหารที่ยิ่งโดนความร้อน หรือถูกแปรรูปมากๆ เข้าก็จะค่อยๆ ลดหายไปเรื่อยๆ ดังนั้น หากอยากได้รับวิตามินซีเต็มๆ (ซึ่งมะเขือเทศลูกขนาดปานกลาง 1 ลูกเท่ากับวิตามินซีในส้มโอ 1 ลูกเลยทีเดียว) ต้องทานมะเขือเทศสด
น้ำมะเขือเทศกล่อง
มะเขือเทศจะเพิ่มไลโคปีนมากขึ้น หากนำไปทำให้ผ่านความร้อน หรือปรุงให้สุก ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำน้ำมะเขือเทศบรรจุกล่องนั่นเอง ดังนั้นหากอยากได้รับสารไลโคปีนเต็มๆ ให้เลือกดื่มน้ำมะเขือเทศกล่อง
ถ้าอยากได้ทั้งสองอย่างเลยล่ะ?
ก็เลือกทานทั้งสองอย่าง อาจจะทานทั้งสดๆ และทำไปปรุงมื้ออาหารต่างๆ ก็ได้
แต่ถึงกระนั้น การรับประทานมะเขือเทศ หรือน้ำมะเขือเทศมากเกินไป อาจทำให้ร่างกายได้รับวิตามินซีมากเกินไป ซึ่งไม่ได้ส่งผลเสียอะไรต่อร่างกายมากนัก นอกจากเปลือง เพราะวิตามินซีส่วนเกินจะถูกขับออกทางปัสสาวะอยู่ดี แต่หากรับวิตามินซีมากเกินไปมากจริงๆ อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย หรือเป็นโรคนิ่วในไตได้
ปริมาณวิตามินซีที่เหมาะสมกับร่างกาย
ราว 60-90 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเท่ากับมะเขือเทศสด 3-4 ลูก หรือน้ำมะเขือเทศกล่อง 2 แก้ว
คราวนี้เราเลือกได้สักทีว่าจะทานมะเขือเทศแบบไหน ทางที่ดีควงคุณผู้ชายมาทานมะเขือเทศด้วยกันเสียเลย เพราะวิตามินซีจากมะเขือเทศสดยังช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูจากอาการหวัดได้เร็วขึ้น บำรุงฟันและเหงือกจากโรคลักปิดลักเปิด
แถมไลโคปีนจากมะเขือเทศปรุงสุกยังช่วยลดการเกิดโรคมะเร็งอีกด้วย ดังนั้นเราจึงสามารถทานมะเขือเทศกันได้ทั้งครอบครัวนั่นเอง
ถ้าพูดถึง ‘มะเขือเทศ’ แล้วล่ะก็เราทุกคนคงพอ … ถ้าพูดถึง‘มะเขือเทศ’
แล้วล่ะก็เราทุกคนคงพอทราบประโยชน์กันดีอยู่แล้วว่ามีมากมายเพียงใด โดยเฉพาะการกินเพื่อความงามที่หลายคนปรารถนาจะได้รับ ด้วยความที่ได้รับการยกย่องว่ามีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพ ป้องกันอันตรายจากรังสียูวีในแสงแดด และยังทำให้ผิวของคุณเนียนนุ่มอีกด้วย แม้ว่ามะเขือเทศจะมีประโยชน์หลายด้าน แต่ถ้าคุณกินมากเกินไปก็อาจเกิดผลเสียได้เช่นกัน พี่อะเครุจึงอยากให้เราตะหนักว่า ‘มากเกินไป’ ก็ไม่ดีนะคะ เพราะการทานมะเขือเทศมากเกินพอดีจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับทางเดินอาหาร ท้องร่วง
มีปัญหาเกี่ยวกับไต และอาการปวดเมื่อยร่างกายตามมาได้ ในมะเขือเทศมีกรดมาลิกและกรดซิตริกอยู่ ซึ่งถ้ากินเยอะๆ ก็จะทำให้ภายในกระเพาะอาหารมีกรดมากเกินไป และอาจทำให้เกิดอาการหัวใจวายหรือกรดไหลย้อน
เนื่องจากการผลิตกรดส่วนเกินในกระเพาะอาหารนั่นเอง คนที่กำลังประสบกับปัญหาเกี่ยวกับทางเดินอาหารหรือมีอาการ GERD (Gastroesophageal Reflux Disease) ไม่ควรทานมะเขือเทศเยอะหรือควรทำให้ย่อยง่ายๆ ก่อนทานจะดีที่สุดค่ะผลข้างเคียงของการทานมะเขือเทศมากเกินไป
1. เกิดกรดส่วนเกินในกระเพาะอาหาร
2. เกิดอาการแพ้มะเขือเทศ
มะเขือเทศมีสารประกอบที่เรียกว่า Histamine (ฮิสตามีน) เป็นสารเคมีที่เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสร้างขึ้นมาเมื่อร่างกายได้รับสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งอาจทำให้เกิดผื่นบนผิวหนังหรืออาการแพ้ได้ สำหรับคนที่แพ้มะเขือเทศเมื่อบริโภคเข้าไปอาจทำให้เกิดอาการรุนแรงขึ้น เช่น อาการบวมบริเวณปาก ลิ้น หรือใบหน้า และมีอาการจามบ่อยหรือเจ็บคอได้ จึงไม่ควรทานเยอะเกินไป
3. เสี่ยงต่อการเป็นนิ่วในไต
เชื่อว่าหลายๆ คนคงไม่เคยรู้และตกใจนิดๆ แต่ก็ควรรู้ไว้ว่าการกินมะเขือเทศมากเกินไปอาจนำไปสู่การเกิดนิ่วในไตได้ เนื่องจากมะเขือเทศอุดมไปด้วยแคลเซียมและออกซาเลต ซึ่งเมื่อมีสารเหล่านั้นในร่างกายมากเกินไปก็จะไม่สามารถเผาผลาญได้ง่ายๆ หรือก็คือถูกขับออกจากร่างกายได้ยาก เมื่อสารเหล่าถ้านี้สะสมในร่างกายมากขึ้นๆ ก็จะนำไปสู่การก่อตัวของนิ่วในไตในที่สุด
(เพิ่มเติม…)