ทุกวันนี้มีผู้คนมากมายที่ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือในการฉ้อโกงเหยื่อในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการหลอกให้กรอกข้อมูลต่าง ๆ การหลอกให้กด pop-up ที่เต็มไปด้วยมัลแวร์แฝงอยู่ และข้อความหวาน ๆ ทางแชทโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่หลอกให้อีกฝ่ายตายใจเพื่อโอนเงินให้ เป็นต้น
แล้วคุณจะทำอย่างไร เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต นี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตและบางขั้นตอนที่คุณสามารถทำได้เพื่อช่วยป้องกันตัวเอง
การหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตคืออะไร?
การหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตยังคงพัฒนาไปไปได้หลากหลายรูปแบบ ที่โดยทั่วไปแล้ว หมายถึงบุคคลที่ใช้บริการอินเทอร์เน็ตหรือซอฟต์แวร์ เพื่อฉ้อโกงหรือใช้ประโยชน์จากผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ เพื่อผลประโยชน์ทางการเงิน
มิจฉาชีพอาจติดต่อกับเหยื่อผ่านบัญชีอีเมลส่วนตัว, อีเมลของที่ทำงาน, บางทีก็ผ่านเว็บไซต์นัดเดท และวิธีการอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อพยายามล่วงเอาข้อมูลทางการเงิน หรือข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ ของคุณ ซึ่งจุดจบของเหยื่อคือการเสียเงินของตัวเอง หรือไม่ได้รับเงินตามที่มิจฉาชีพได้หลอกลวงไว้
ประเภทของการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต
1. การหลอกลวงให้เหยื่อรักใคร่
การหาคู่ออนไลน์อาจเป็นวิธีที่ดีในกรณีนี้ มิจฉาชีพมักจะรู้จักกันผ่านเว็บไซต์หาคู่ออนไลน์ และเริ่มความสัมพันธ์เชิงชู้สาวในกันผ่านการแชทและโทรออนไลน์ เมื่อมิจฉาชีพได้รับความไว้วางใจจากเหยื่อแล้ว พวกเขาจะขอเงินหรือรายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตทางการเงินของเหยื่อ
หากคุณเริ่มต้นความสัมพันธ์ออนไลน์กับใครสักคน ช่วยปกป้องตัวเองด้วยการถามคำถามมากมายจากอีกฝ่าย และพยายามอย่าเปิดใจให้ใครง่าย ๆ ค่อยๆเริ่มความสัมพันธ์อย่างช้าๆ ที่สำคัญอย่าให้ข้อมูลทางการเงิน หรือโอนเงินแก่คนที่คุณไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวเด็ดขาด จุดที่จะทำให้คุณฉุกคิดได้ว่าโดนหลอกลวงหรือไม่คือเขามักจะข้ออ้างในการนัดเจอกันแบบพบปะเห็นหน้าเสมอ
2. การหลอกลวงเป็นลูกค้าซื้อของที่โอนเงินเกิน
การทำธุรกรรมในออนไลน์สมัยนี้ค่อนข้างง่ายดาย หากคุณเป็นแม่ค้าขายของออนไลน์ และมีคนโอนเงินซื้อของกับคุณโดยการส่งสลิปเงินมาให้ แล้วแจ้งว่าโอนเกินจำนวนไป ขอให้คุณโอนส่วนต่างกลับมา หากคุณไม่ได้ตวรจสอบว่าสลิปนั้นถูกต้องหรือไม่ให้เรียบร้อยเสียก่อน คุณก็จะตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพโดยไม่รู้ตัวทันที
ดังนั้นหากมีคนโอนเงินเข้าบัชญีของคุณ อย่าพึ่งรีบเชื่อใจ ให้ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของคุณให้ดีเสียก่อน หากคุณรู้สึกมันน่าสงสัยเข้าข่ายหลอกลวง อย่าทำการคืนเงินใด ๆ ทั้งสิ้น คุณสามารถยกเลิกธุรกรรมทั้งหมดและรายงานปัญหานี้ไปยังธนาคารได้
3. ทำงานง่าย ๆ แต่ได้เงินเยอะ
การหลอกลวงกรณีนี้ มักจะมาในรูปแบบโฆษณาตามเว็บไซต์หรือส่งข้อความผ่านโทรศัพท์และโซเชียลมีเดียต่าง ๆ หลักการทำงานของมิจฉาชีพพวกนี้คือคือเน้นไปที่เหยื่อคนที่กำลังมองหางานใหม่ หรือคนที่ต้องการทำงานจากที่บ้านได้ โดยจะบอกว่าได้เงินดี ทำงานนั่งหน้าคอมไม่กี่ชั่วโมงก็ได้เงินแล้ว โดยขั้นตอนแรกจะให้คุณกรอกข้อมูลเอกสารตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ ข้อมูลธนาคารที่อ้างว่าต้องการโอนเงินให้คุณ จากนั้นมิจฉาชีพก็จะใช้ข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ เหล่านี้เข้าถึงบัญชีการเงินของคุณง่าย ๆ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการสมัครงานในตำแหน่งที่มีค่าตอบแทนดูดีเกินกว่าความเป็นจริง ตรวจสอบว่าเป็นบริษัทที่มีอยู่จริง มีสำนักงานจริง มีชื่อเสียง เป็นต้น
4. แอบอ้างบุคคลอื่นในโซเชียล
การแอบอ้างบุคคลอื่นในโซเชียลในสมัยเป็นเรื่องที่ทำได้งายดายมาก ๆ เพียงแค่ชื่อรูปโปรไฟล์และข้อมูลพื้นฐานจากโซเชียลมีเดียของบุคคลนั้นมา และทำการสร้างบัชชีใหม่ขึ้นมา พยายามทำทุกอย่างให้เหมือนกับต้นฉบับ และเริ่มการส่งคำขอเป็นเพื่อนไปยังเหยื่อหลาย ๆ คน ดังนั้นหากคุณพบบัญชีเกือบสองบัญชีที่เหมือนกันอาจเป็นสัญญาณว่าบัญชีใดบัญชีหนึ่งเป็นของปลอม
เคล็ดลับ: ในกรณีที่คุณเชื่อว่าบัญชีของคุณถูกแฮ็ค อันดับแรกให้เปลี่ยนรหัสผ่าน หรือยังหน่วยดูแลบัญชีของคุณ เพื่อทำการตรวจสอบ
5. เว็บไซต์ช็อปปิ้งออนไลน์ปลอม
การทำเว็บไซต์ที่คัดลอกมาทั้งการออกแบบและเลย์เอาต์ต่าง ๆ จากนั้นก็ลงสินค้าปลอม โดยไปคัดลอกหรือสร้างร้านค้าจำลองขึ้นมา ให้เหมือนเว็บไซต์จริง ๆ เว็บไซต์ช็อปปิ้งปลอมเหล่านี้ จะเสนอราคาที่ถูกเป็นพิเศษ เช่นคุณอาจพบแบรนด์เสื้อผ้ายอดนิยมและเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาแพงในเว็บไซตือื่น แต่กลับมีราคาถูกมากในเว็บไซต์นี้ และถ้าคุณซื้อ คุณอาจได้รับของปลอม หรือคุณอาจไม่ได้รับอะไรเลย
6. E-mail หลอกลวง
เป็นการหลอกลวงทั่วไป มิจฉาชีพจะส่งข้อความ e-mail ที่ดูเหมือนว่ามาจากแหล่งที่ถูกกฎหมาย อาทิเช่น ธนาคาร, เว็บไซต์, เครือข่ายสังคมออนไลน์ หรือร้านค้าออนไลน์เป็นต้น โดยในข้อความนั้นจะพยายามหลอกลวงคุณ ให้บอกข้อมูลส่วนบุคคลที่มีค่า เช่น รหัสผ่าน, หมายเลขบัตรเครดิต และข้อมูลบัญชีธนาคารต่าง ๆ
e-mail หลอกลวงพวกนี้มักเน้นไปในทางที่ต้องการให้คุณทำอย่างเร่งด่วน อาจจะมีมาในรูปแบบข้อความสีแดง การเขียนไปในแนวทางให้คุณรีบตัดสินใจ เป็นต้น และนอกจากนี้ e-mail หลอกลวงพวกนี้จะมักสะกดคำผิด หรือไวยากรณ์ผิด หากคุณไม่แน่ใจว่า e-maiนั้นถูกต้องหรือไม่ ให้ไปที่เว็บไซต์ทางการของบริษัทนั้น ๆ โดยอย่าคลิกลิ้งค์ภายในอีเมลที่ส่งมาเด็ดขาด
7. การหลอกลวงว่าได้รางวัล
การหลอกลวงประเภทนี้ ส่วนมากจะมาในรูปแบบ E-mail หลอกลวง เช่นกัน และในข้อความทางโทรศัพท์ ภายในข้อความจะบอกในแนว รับรางวัลเป็นเงินสดจำนวนมาก, ได้ตั๋ว หรือทริปท่องเที่ยวฟรี หรือรางวัลสุดวิเศษอื่น ๆ โดยในการรับสิทธิ์รางวัลของคุณครั้งนี้ ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเล็กน้อย และแน่นอนว่าหลังจากคุณชำระค่าธรรมเนียมเหล่านั้นคุณจะไม่ได้รับการตอบกลับจากองค์กรอีกเลย
8. การหลอกลวงมัลแวร์ หรือ Ransomware
เป็นมัลแวร์ที่ฝังตัวเข้ามาจากเว็บไซต์หรือจากไฟล์ที่แนบมากับอีเมล หากคุณคุณคลิ้ก มัลแวร์ก็จะเข้าเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ของคุณในอุปกรณที่คุณใช้หรือบัชญีที่คุณ login ไว้ทันที ไม่ว่าจะเป็นกล้อง รูปภาพ ข้อมูลทางธนาคาร ข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ เป็นต้น เพราะฉะนั้นอย่ากดลิ้งค์หรือคลิ้กอะไรมั่ว ๆ หากคุณไม่แน่ใจ
ฉันจะป้องกันตัวเองจากการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตได้อย่างไร
1. ตั้งค่าคุณสมบัติความปลอดภัยหลายชั้น
บัญชีออนไลน์บางบัญชีมีระดับความปลอดภัยเพิ่มเติมที่เรียกว่าการรับรองความถูกต้องหลายปัจจัย หรือเรียกอีกอย่างว่าการตรวจสอบสองปัจจัย สิ่งนี้ต้องใช้ข้อมูลอย่างน้อย 2 รายการในการเข้า login สู่บัญชีของคุณ ตัวอย่างนอกจากรหัสผ่านที่คุณต้องจำให้ได้แล้ว บางที่ก็จะส่งรหัสผ่านทางข้อความโทรศัพท์ให้เค้ายืนยันเข้าสู่ระบบอีกที หรือจะเป็นการใช้ลายนิ้วมือหรือการจดจำใบหน้า เป็นต้น ดังนั้นการรับรองความถูกต้องหลายขั้นในการเข้าบัญชีของคุณจะยากขึ้น
2. อย่าตอบกลับข้อความหลอกลวง
การตอบสนองไม่ว่าจะด้วยการกดลิ้งค์หรือตอบกลับข้อความ อาจนำไปสู่ผลกระทบต่าง ๆ เช่นการติดตั้งมัลแวร์ หรือการยืนยันหมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ อีเมลที่ของคุณทำงานได้ วิธีแก้ให้ลบอีเมลและข้อความโซเชียลมีเดียที่มีลักษณะหลอกลวงทิ้งทำการบล็อกหรือทำให้เป็นข้อความขยะ
3. ติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส
ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสหรือซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยได้รับการออกแบบมาเพื่อป้องกันมัลแวร์ไม่ให้ฝังลงในคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ของคุณ หากซอฟต์แวร์ตรวจจับโค้ดอันตราย วิธีนี้จะช่วยปกป้องอุปกรณ์ของคุณ หากคุณเผลอคลิกลิ้งค์อันตรายโดยไม่ได้ตั้งใจ ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส และปกป้องไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ ของคุณไว้ได้
ตรวจสอบให้แน่ใจเสมอว่าคุณดาวน์โหลดซอฟต์แวร์จากเว็บไซต์ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการเท่านั้น
4. สำรองข้อมูลของคุณ
ขอแนะนำให้สำรองข้อมูลของคุณเป็นประจำ ในกรณีที่มีการโจมตีจากมัลแวร์ ควรสำรองข้อมูลไว้ในฮาร์ดไดรฟ์ภายนอก หรือเก็บข้อมูลบนคลาวด์เป็นต้น สำรองข้อมูลในอุปกรณ์ทั้งหมดของคุณรวมถึงสมาร์ทโฟนของคุณด้วย
5. อย่าไว้วางใจ โทรศัพท์หรืออีเมลแปลก ๆ
หากมีคนโทรหรืออีเมลเข้ามาอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี โปรดอย่าตอบความช่วยเหลือโดยการให้ข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงิน หรืออนุญาตให้พวกเขาเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของคุณจากระยะไกลเป็นอันขาด