ลิสซิ่งรถหักรายจ่ายอย่างไร
เรียน ทีมที่ปรึกษา
เนื่องด้วยทางบริษัทได้มีซื้อรถ เบนซ์ ราคา 2,499,000 บาท (ราคารวมภาษี) เงินดาวน์ 719,759 บาท ผ่อน 60 งวด งวดละ 36,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 4.28%ต่อปี ซึ่งเป็นการซื้อแบบลิสซิ่ง ซึ่งไม่มีความรู้ในการลงบัญชี ,การคำนวณดอกเบี้ย , ค่าเสื่อมราคาทางบัญชีและทางภาษี อยากทราบว่าวิธีการลงบัญชีแบบลิสซิ่ง,ดอกเบี้ย,การคำนวณค่าเสื่อมทางบัญชีและทางภาษีทำอย่างไรค่ะ
ขอบคุณค่ะ
จริงใจ
เรียน คุณจริงใจ
ประเด็นตามคำถาม ขอตอบเป็นประเด็น ดังนี้
การบันทึกยานพาหนะ ที่ได้มาโดยการทำสัญญาลิสซิ่ง
แม้ว่าการซื้อโดยลิสซิ่งจะเปรียบเสมือนการเช่า โดยผู้ซื้อ จะได้สิทธิในการซื้อทรัพย์สินเมื่อสิ้นสุดสัญญาเช่า แต่โดยหลักการบัญชีพิจารณาว่าสาระสำคัญคือกิจการต้องการซื้อทรัพย์สินนั้น โดยพิจารณาจากมูลค่าซื้อทรัพย์สินเมื่อสิ้นสุดสัญญาจะต่ำมาก ทำให้จะบันทึกเป็นทรัพย์สินของกิจการ และตัดค่าเสื่อมราคาและค่าสึกหรอตามปกติ โดยสามารถแยกการบันทึกบัญชีเป็น 2 ขั้นตอนดังนี้
ตอนจ่ายเงินดาวน์
เดบิต เงินมัดจำ 719,759.00
เครดิต เงินสด/ธนาคาร 719,759.00
ตอนบันทึกยานพาหนะ
เดบิต ยานพาหนะ 2,499,000.00
ดอกเบี้ยรอตัดบัญชี 380,759.00
เครดิต เงินมัดจำ 719,759.00
เจ้าหนี้เช่าซื้อ 2,160,000.00
สำหรับดอกเบี้ย โดยปกติจะดูได้จากสัญญาลิสซิ่ง หรือสอบถามจากบริษัทลิสซิ่งได้วิธีการคำนวณดอกเบี้ย สามารถคำนวณได้โดยนำราคายานพาหนะ–เงินดาวน์ *4.28%*5 ปี)วิธีการคิดค่าเสื่อมทางบัญชีและทางภาษี จะมีความแตกต่างกันดังนี้
ทางบัญชี สามารถคำนวณค่าเสื่อมราคาและค่าสึกหรอหักเป็นรายจ่ายได้ตามปกติ โดยนำราคายานพาหนะที่ซื้อ คูณ ด้วยอัตราค่าเสื่อมราคาและสึกหรอ หากกำหนดอายุการใช้งาน 5 ปี คำนวณค่าเสื่อมฯ ด้วยวิธีเส้นตรงจะได้ค่าเสื่อมฯ ปีละ 20%
แต่หากวันที่ได้ยานพาหนะนะมาไม่ใช่วันที่ 1 ม.ค. ให้นับวันที่ได้มาจนถึงวันสิ้นปีแล้วหารด้วย 365 แต่ตามตัวอย่างจะคำนวณแบบเต็มปี (2,499,000.00*20% ค่าเสื่อมทางบัญชีเท่ากับ 499,800.00 บาท)
ทางภาษี จะพิจารณาว่ารายการดังกล่าวเป็นการเช่าทรัพย์สิน โดยทรัพย์สินยังไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของกิจการ จนกว่าจะซื้อทรัพย์สินที่เช่าเมื่อสิ้นสุดสัญญา
กรณีนี้เมื่อคำนวณกำไรสุทธิทางภาษี จะต้องปรับปรุง โดยบวกกลับค่าเสื่อมราคาและค่าสึกหรอ ซึ่งจะทำมีผลทำให้กำไรเพิ่มขึ้น
นอกจากบวกกลับค่าเสื่อมราคาฯ แล้ว จะต้องนำดอกเบี้ยเช่าซื้อในแต่ละปีที่หักเป็นรายจ่าย มาบวกกลับในการคำนวณภาษีได้
จากนั้นให้นำค่างวดที่จ่ายไปในแต่ละเดือนมาหักเป็นรายจ่ายแทน เมื่อกิจการจ่ายค่างวดไปเดือนละ 36,000 บาท เท่ากับว่าสามารถนำค่างวดหรือค่าเช่าจำนวน 432,000 บาท มาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีได้
สรุปขั้นตอนการหักรายจ่าย และการบวกกลับเพื่อคำนวณภาษีได้ดังนี้
หวังว่าคำตอบจะเป็นประโยชน์
ด้วยรัก
ข้าวหอม
กรณี เช่าซื้อ และ ลิสซิ่ง กับการประหยัดภาษี คงเป็นประเด็นที่นักบัญชีและสรรพากร เองก็คงกุมขมับทุกครั้งที่พูดถึง และในมุมของผู้ประกอบการนั้น การที่จะเช่าซื้อ หรือลิสซิ่ง แล้วต้องการจะปรับหยัดภาษีแบบไหนจะมากกว่ากัน วันนี้เราลองมาดูตัวอย่างกันครับ
– สมมุตว่าซื้อรถยนต์ มูลค่า 4,799,000 บาท
– จ่ายเงินดาวน์ 2,251,264.48 บาท
– ผ่อน 60 งวด งวดที่ 1 – 59 ผ่อนงวดละ 36,000 บาท
– งวดที่ 60 ผ่อน 1,235,750 บาท
– ราคาซากหลังสิ้นสุดสัญญาเช่า 3,471,324 บาท
เรามาทำความเข้าใจกับสัญญาการซื้อรถยนต์นั่งไม่เกิน 10 ที่นั่ง การบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชีและภาษีของรถยนต์นั่งไม่เกิน 10 ที่นั่ง ได้มาโดยสัญญา แต่ละประเภทกันก่อนดีกว่า พอจะสรุปได้ดังนี้
ลำดับ | สัญญาที่เกี่ยวข้องกับการซื้อทรัพย์สิน | คชจ.ทางบัญชี | คชจ.ทางภาษี |
1 | สัญญาเช่าซื้อ หรือ เงินสด | ค่าเสื่อมราคาทั้งจำนวน | ค่าเสื่อมราคาส่วนที่ไม่เกินล้าน(ที่เกินล้านบวกกลับ) |
2 | สัญญาลิสซิ่ง (ทางการเงิน) | ค่าเสื่อมราคาทั้งจำนวน | ค่าเช่าไม่เกิน36,000.-/เดือน (บวกกลับค่าเสื่อม) |
3 | สัญญาลิสซิ่ง(ดำเนินงาน) | ค่าเช่าตามจริง | ค่าเช่าไม่เกิน 36,000.-/เดือน (บวกกลับค่าเช่าส่วนเกิน) |
จากข้อมูล การซื้อรถยนต์ BMW โดยสัญญาลิสซิ่ง(ทางการเงิน) จะสามารถคำนวณค่าใช้จ่ายทางบัญชี และ ค่าใช้จ่ายทางภาษี ดังนี้
ค่าเสื่อมราคาทางบัญชี 1 ปี ( 4,799,000 * 20% *1 ) = 959,800.00 บาท
ค่าเสื่อมราคาทางภาษี 1 ปี ( 4,799,000 + 832,324 ) * 20% * 1 = 1,126,264.80 บาท
เทียบค่างวดที่ผ่อนชำระ 1 ปี ( 36,000 * 12 ) = 432,000.00 บาท
ประเภทสัญญา | ค่าเสื่อมราคาทางบัญชี | ค่าเสื่อมราคาทางภาษี | ค่าเสื่อมราคาบวกกลับทางภาษี |
สัญญาเช่าซื้อ | 959,800 | 200,000 | 759,800 |
สัญญาเช่าลิสซิ่ง(ทางการเงิน) | 1,126,264.80 | 432,000 | 694,268.80 |
จากข้อมูลสรุปข้างต้นการซื้อรถยนต์ตามสัญญาลิสซิ่ง ทางบัญชีจะบันทึกเป็นทรัพย์สิน และคำนวณหักค่าเสื่อมราคา แต่ทางภาษีถือว่ารถยนต์ดังกล่าวเป็นการเช่า เนื่องจากกรรมสิทธิ์ตามสัญญายังไม่เป็นของบริษัท จึงต้องบวกกลับค่าเสื่อมทางบัญชีในการคำนวณภาษี และนำค่าเช่าหรือค่างวดที่จ่ายชำระมาหักเป็นรายจ่าย แต่ไม่เกินเพดานที่กำหนด
จากข้อมูลสรุปได้ว่า การซื้อรถยนต์นั่งไม่เกิน 10 ที่นั่ง ด้วยสัญญาลิสซิ่ง จะสามารถประหยัดภาษีมากกว่า สัญญาเช่าซื้อ
โดยสามารถนำค่างวดที่ชำระไม่เกินเพดานที่กำหนด คูณ ด้วยระยะเวลาเช่า ซึ่งสามารถหักรายจ่ายได้เท่ากับ
432,000 X 5 = 2,160,000
เมื่อเปรียบเทียบกับสัญญาเช่าซื้อ จะสามารถหักค่าเสื่อมราคาฯ รถยนต์ได้เพียง 1.0 ล้านบาท นอกจากนี้เมื่อครบสัญญาลิสซิ่ง หากกิจการซื้อซากรถยนต์ มูลค่า 3,471,324 บาท สามารถนำมาบันทึกทรัพย์สิน และคำนวณหักค่าเสื่อมราคาฯ ทางภาษีสำหรับมูลค่าส่วนที่ไม่เกิน 1,000,000 บาทได้อีกด้วยจ้า
ที่ปรึกษาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คำตอบข้างต้นจะเป็นประโยชน์ต่อท่าน เพื่อทำความเข้าใจ สำหรับการตัดสินใจซื้อรถยนต์ในอนาคตต่อไป
อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้เราคิดตามกรณี รถยนต์นั่งไม่เกิน 10 ที่นั่ง ซึ่งถ้าเป็นกรณีรถทั่วไป เช่น รถกระบะ หรือรถตู้11ที่นั่ง ก็จะถือว่า
> การเช่าซื้อสามารถตัดค่าเสื่อมราคาได้ทั้งมูลค่ารถยนต์ (ไม่มีเกณฑ์ห้ามเกิน 1 ล้านมาคิด) และ
> ถ้าเป็นกรณีลิสซิ่งก็สามารถนำค่าเช่ามาเป็นรายจ่ายทางภาษีได้เลยทั้งก้อน (ไม่จำกัดแค่ 36,000 บาท ต่อเดือน)
ที่มา : Link