อิทธิพลอินเดียในเอเชียตะวันออกเชียงใต้
ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
อิทธิพลของอินเดียในเอเชียตะวันออกเชียงใต้การรับอารยธรรมอินเดีย
การรับประชาชนในท่องถิ่นที่สัมผัสกับอารยธรรมอินเดียได้ยอมรับรูปแบบวัฒนธรรมที่มีภาษาเขียนและวรรณคดีสันสกฤตเป็นพื้นฐาน ความเชื่อเรื่องเทพนิยายและแบบแผนของศิลปะฮินดูตลอดจนทฤษฏีละแนวทางปฏิบัติต่างๆทางเศรษฐกิจและการเมืองอินเดียเข้ามาในเอเชียตะวันออกเชียงใต้ซึ่งเชื่อได้ว่าพวกพราหมณ์จะเป็นพวกที่เข้ามาเผยแผ่
อาจกล่าวได้ว่าผู้มีความสำคัญในการขยายอิทธิพลอินเดียเข้าสู่ดินแดนเอเชียตะวันออกเชียงใต้มีอยู่ 3 กลุ่มด้วยกันคือ
1.กลุ่มกษัตริย์นักรบชาวอินเดีย เชื่อได้ว่านักรบอินเดียเป็นผู้เผยแผ่อารยธรรมเข้ามาในภูมิภาคนี้ เนื่องจากเกิดเหตุการณ์รุนแรงในอินเดีย เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชได้ประหารชาวกลิงคราษฎร์
ในแคว้นไอริสสาจำนวนมากคนเหล่านั้นจึงหลบหนีเข้ามาในเอเชียตะวันออกเชียงใต้และแต่งงานกับคนพื้นเมืองและเผยแผ่วัฒนธรรมของตนออกไป
2.กลุ่มไวศยะหรือพ่อค้า กลุ่มพ่อค้านี้จะเข้ามาข้าขายตามเมืองท่าที่สำคัญ
3.กลุ่มพราหมณ์หรือนักบวชนิกายต่างๆ ซึ่งเขาจะมีจุดมุ่งหมายที่การเผยแผ่ศาสนา
อิทธิพลของอารยธรรมอินเดีย
1.ด้านศาสนา ประชาชนในเอเชียตะวันออกเชียงใต้ได้รับหลักการของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
และพุทธศาสนา
2.ด้านการปกครอง ได้แบบอย่างคัมภีร์ในศาสนาพราหมณ์ในลัทธิต้นตระ ถือว่ากษัตริย์เป็นสมมุติเทพ
3.ด้านกฎหมาย ชาวเอเชียตะวันออกเชียงใต้ได้หรับหลักของกฎหมายอินเดียแม่บทของกฎหมายของตน
4.ด้านอักษรศาสตร์ ได้แก่ภาษาบาลี สันสกฤตและวรรณคดีที่สำคัญของอินเดีย
5.ด้านศิลปกรรม เป็นศิลปกรรมทางศาสนาซึ่งแบ่งได้เป็น 3 ด้าน
- ประติมากรรมของพุทธและพราหมณ์
- จิตกรรม
- สถาปัตยกรรม
คนเก่งครูจูน
3
like
317
views
Facebook Twitter
รายชื่อผู้ถูกใจกระทู้นี้ คน
ยกเลิก
อารยธรรมอินเดียในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนใหญ่จะได้รับอิทธิพลอารยธรรมอินเดียโดยได้ผสมผสานอารยธรรมดั่งเดิมที่มีอยู่แล้ว สามารถศึกษาถึงความสัมพันธ์กันของสองอารยธรรมได้ดังนี้
๑. การแลกเปลี่ยนมีมาตั่งแต่ช่วงวัฒนธรรมหินใหม่หรือช่วงสังคมเกษตร หลักฐานที่พบคือ พบขวานหินขัดรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าและขวานหินแบบมีบ่าอายุในช่วง ๔,๐๐๐ - ๒,๐๐๐ ปี แพร่กระจายไปดินแดนหนึ่งในอินดีย กับ ชนเผ่าในอินโดนีเชีย และพวกจาม
๒. คำภีร์มหาวงศ์ที่เขียนขึ้นในพ.ศ.ว.ที่ ๑๑ – ๑๒ กล่าวถึงการสังคยนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๓ ในช่วงพ.ศ.ว.ที่ ๓ พระเจ้าอโศกมหาราชได้ส่งสมณทูตมาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในดินแดน “สุวรรณภูมิ”
๓. ชาดก มิลินทปัญหา มหานิเทศ และมหากาพย์รามยณะ มักจะกล่าวถึงพ่อค้าที่ชอบเล่นเรือมาค้าขายในแถบตะวันออกที่เรียกว่า “สุวรรณภูมิ” หรือ “สุวรรณประทีป”
การเผยแพร่อารยธรรมอินเดียในเอเชียตะวันอออกเฉียงใต้ดังนี้
๑. มีการติดต่อค้าขายทองคำจากอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งแต่เดิม อินเดียซื้อจากอาณาจักรโรมัน
๒. การต่อเรือของชาวอินเดียพัฒนาขึ้น มีการเพิ่มจำนวนเรือในการเดินทางมาซื้อขายมากขึ้น นอกจากพ่อค้าแล้ว ยังมีนักบวชของลัทธิต่าง ๆ ช่างฝีมือรวมถึงเหล่าบรรดานักปราชญ์ได้ร่วมเดินทางเข้ามาด้วย ซึ่งนำอารยธรรมอินเดียเข้ามาเผยแพร่ตามเมืองท่าต่าง ๆ ที่ตนตั้งเป็นอาณานิคม
๓. ชาวอินเดียรู้จักวิถีของลมมรสุมที่พัดพาเรือมาสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และพัดกลับสู่อินเดียดีจึงเพิ่มจำนวนเที่ยวในการเดินทาง
๔. สมมุติฐานพราหมณ์หรือพระ ในช่วงที่ศาสนาพุทธได้รับความนิยมในอินเดีย ทำให้พราหมณ์เสียผลประโยชน์ อีกทั้งพราหมณ์ที่เคยมีบทบาทในราชสำนักก็ถูกลดบทบาทลง ทำให้พราหมณ์บางกลุ่มต้องออกเดินทางหาที่พักพิงแห่งใหม่
เหตุผลที่รับเอาวัฒนธรรมอินเดียเข้ามา
๑. ชุมชนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ขยายตัวใหญ่ขึ้น ต้องการความควบคุมให้ได้อย่างทั่วถึง
๒. ต้องการวิทยาการชั้นสูงจากอินเดียและคำแนะนำจากผู้รู้ เพื่อแผ่ขยายอำนาจ พวกพราหมณ์จึงได้เข้ามามีบทบาทเช่น ยกระดับให้ผู้นำให้เป็นสมมุติเทพ การปกครองระบบศักดินา จตุสดมภ์ การปกครองหัวเมืองตามแบบอินเดียมาใช้ ในด้านกฎหมายก็ใช้กฎหมายพระธรรมศาสตร์ การสร้างเมืองใช้อุดมคติแบบเป็นศูนย์กลางของจักรวาล
๓. ตำนานการก่อตั่งราชวงศ์ของอินเดีย ช่วยสนับสนุนอำนาจของผู้นำ ให้เป็นผู้นำโดยถูกต้อง และชอบธรรม เพื่อรักษาดินแดนไว้ให้เผ่าของตน และลูกหลานของตน
รัฐโบราณแรกรับอารยธรรมอินเดียคือ อาณาจักรฟูนัน (คริสศตวรรษที่ ๑ – ๖)
อาณาจักรฟูนันตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำโขง ปกครองในระบบกษัตริย์และรับระบบศักดินามาจากอินเดีย ชนชั้นปกครองนับถือศาสนาพราหมณ์ไวษณพนิกาย ส่วนชาวพื้นเมืองมีทั้งนับถือศาสนาพราหมณ์ไวษณพนิกาย และศาสนาพุทธนิกายหินยานที่ใช้คัมภีร์สันสกฤต ฟูนันเป็นอาณาจักรแรกในเอเชียตะวันออกที่ใช้ภาษาสันสกฤตเป็นภาษาราชการ
รัฐโบราณที่รับอารยธรรมอินเดียต่อมาคือ จามปา เจนละ ทวารวดี ศรีวิชัย ขอม เป็นตน
วัฒนธรรมสำคัญที่อินเดียนำมาเผยแพร่ในประเทศทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- ระบบการปกครอง ระบบกษัตริย์ หลักเทวราชาเพื่อเสริมอำนาจให้กับกษัตริย์ ลักษณะการปกครองแบบนี้เด่นชัดที่สุดในเขมรและในประเทศไทย
- การจัดตั่งรัฐแบบอินเดีย คติการสร้างเมืองในคติศูนย์กลางของจักรวาล
- กฎหมายจากอินเดียพระมนูธรรมศาสตร์เพื่อมาเป็นแม่บทของกฎหมายเดิมที่มีอยู่
- การใช้ตราประทับที่เป็นสื่อกลางติดต่อสื่อสารระหว่างสถาบันกษัตริย์ ศาสนา เอกชนหรือหมู่คณะเพื่อผลทางการเมือง
- งานวรรณกรรม เช่น รามเกียรติ์ ภควัตคีตา ซึ่งมีอิทธิพลต่อความรู้สึก ความคิด ของคนในภูมิภาคนี้
- ศาสนาพราหมณ์ และพุทธ หลักความเชื่อต่าง ๆ การนับถือเทพเจ้าต่าง ๆ การนับถือยอดเขา
- รูปแบบการสร้างพระพุทธรูป และเทวรูป งานสถาปัตยกรรม ปราสาท เทวสถาน
- ภาษาสันสกฤตที่ใช้ในราชการ ภาษาบาลีในพระไตรปิฎกที่ใช้ในพระพุทธศาสนาในนิกายเถรวาท
- เครื่องมือ เครื่องใช้ ตลอดจนกีฬาบางประเภท ซึ่งชาวพื้นเมืองได้นำมาดัดแปลงใช้ให้เหมาะสมกับตนเอง
นอกจากอารยธรรมอินเดียแล้ว SEA ยังได้รับวัฒนธรรมจีนด้วย เนื่องจากที่ต้องติดต่อค้าขายกับจีน จึงทำให้ประเทศต่าง ๆ ต้องยอมรับเงื่อนไขของจีน ต้องการส่งเครื่องราชบรรณาการไปจีนตามที่จีนกำหนด อีกทั้งยังให้จีนยอมรับความเป็นเอกราชของรัฐต่าง ๆ ทำให้จีนมีอิทธิพลทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจต่อประเทศ SEA
อย่างไรก็ตามจีนได้เข้ามามีอิทธิพลในเวียดนาม ในฐานะที่เวียดนามเป็นประเทศราช จึงทำให้เวียดนามได้รับวัฒนธรรมมากกว่าชาติอื่น ๆ ใน SEA
วัฒนธรรมจีนที่เวียดนามรับเข้ามาเช่น
- การปกครองแบบโอรสสวรรค์
- การสอบเข้าราชการ โดยการสอบไล่ยึดตามตำราคราสสิกของขงจื้อ
- ยึดถือระบบครอบครัวและหลักปฏิบัติการอยู่ในสังคมตามคตินิยมของขงจื้อ
- ศาสนาพุทธนิกายมหายานแบบจีน
- งานวรรณคดี และอักษรศาสตร์
อารยธรรมทั้งสองได้ถูกหลอมลวมกันอย่างกลมกลืนจนทำให้ประชาชนชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สร้างชาติ สร้างบ้านเมือง สร้างคนให้จนเจริญรุ่งเรือง มีอิทธิพลต่อรูปแบบการดำรงชีวิตและความคิดของผู้คนในภูมิภาคนี้อย่างฝังรากลึกอยู่ในสายเลือด และยังได้สอดแทรกอยู่ในประเพณีของแต่ละประเทศได้อย่างเหมาะสม ลงตัว พอดี สืบต่อเรื่อยมาหลายร้อยหลายพันปีและอยู่คู่กับชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สืบต่อไปอีกยาวนาน
อธิบายคำเพิ่มเติม
พระมนูธรรมศาสตร์
ตามตำนานกล่าวว่า พระ มะโนสารฤษี หรือมนูสารเป็นผู้สืบเชื่อสายมาจากเท้ามหาพรหม ท่านได้ตัวบทกฎหมายมาจากกำแพงจักรวาลในสมัยที่อายุของมนุษย์ได้ “อสงไขยหนึ่ง” พระมะโนสารฤๅษีได้จดจำตัวบทนั้นมาอย่างครบถ้วน และกลับลงมาจากสวรรค์แล้วนำมาเขียนไว้เป็นคำภีร์ธรรมศาสตร์ไว้เป็นหลักให้ผู้ปกครองไว้ใช้ในการปกครองประเทศ
เนื่องจากสังคมใน SEA มีการร่วมตัวกันใหญ่มากขึ้น มีสังคมซับซ้อนขึ้น มีการปกครองโดยหัวหน้าชุมชน จึงจำเป็นต้องมีตัวบทกฎหมายขึ้นมาเพื่อบังคับใช้ให้ประชาชนได้ดำเนินแนวทางในแบบเดียวกัน และเพื่อให้เกิดความสุขในชุมชน เนื่องสังคมได้พัฒนามากขึ้นมีการติดต่อค้าขายระหว่างรัฐมากขึ้น โดยเฉพาะชาวอินเดียกับชาว SEA ในการมาค้าขายแต่ละครั้งของชาวอินเดียนั้นได้นำผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามด้วย จำนวนมากเช่นพวกพราหมณ์ หนึ่งในนั้นมีผู้นำคัมภีร์พระมนูธรรมศาสตร์เข้ามาเผยแพร่ใน SEA ผู้ปกครองใน SEA กฎหมายฉบับนี้มาเพื่อให้สอดคล้องกับหลักเทวราชาซึ่งนอกเหนือจากการเสริมอำนาจของผู้นำแล้ว ยังมุ่งให้ความยุติธรรมแก่สังคมด้วย ซึ่งกำหมายพระมนูธรรมศาสตร์นี้จะเป็นแม่บทของกฎหมายแต่ละชุมชน
อาณัติสวรรค์
คือคตินิยมความชอบธรรมตามแบบอารยธรรมจีนที่มีหลักการว่า อำนาจอธิปไตยเป็นอำนาจที่สวรรค์มอบหมายประทานมาให้แก่ผู้ที่มีความรู้ความสามารถและความประพฤติชอบธรรมตามคติของขงจื๊อ ผู้ที่รับมอบหมายอาณัติจากสวรรค์จะถือว่าเป็นคตินิยมที่มีคุณค่าแก่ตน ถือว่าตนเป็นผู้อภิบาลประชาชน แผ่นดิน เรือกสวนไร่นา ต้นไม้ ภูเขา สายน้ำ เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายในแผ่นดิน ปราบคนชั่ว แก้ไขความทุกข์ยากของราษฎร์ ผู้ได้รับอาณัติจากสวรรค์จะมีความชอบธรรมในการปกครองแผ่นดิน ผู้ปกครองทุกคนจะต้องปฏิบัติอาณัติสวรรค์อย่างถึงพร้อม แต่เมื่อใดที่ไร้ความสามารถ แต่เมื่อใดที่ไร้ความสามารถ ปล่อยปละละเลยทำให้เกิดความทุกข์ร้อนขึ้นในแผ่นดิน สวรรค์จะเรียกอาณัตินั้นคืน และส่งมอบให้กับบุคคลที่มีความสามารถคนต่อไป ผู้ที่รับอาณัติจากสวรรค์เรียกว่า โอรสสวรรค์
วาทิน ศานติ์ สันติ : เรียบเรียง