วิธีการประเมินค่าสารมีกี่วิธี

ความหมายของการฟังและการดู

    การฟัง หมายถึง กระบวนการรับสารโดยผ่านสื่อ คือ เสียง ผู้รับสารได้ยินเสียงนั้นแล้วเกิดการรับรู้ ตีความจนกระทั่งเข้าใจสาร แล้วเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง

    การดู หมายถึง กระบวนการรับสารโดยผ่านสื่อ คือ ภาพหรือตัวอักษร ผู้รับสารเกิดการรับรู้ ตีความจนกระทั่งเข้าใจสาร แล้วเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง


ความสำคัญของการฟังและการดู

                การฟังและการดู เป็นกระบวนการรับสารที่มีประโยชน์ต่อตนเองและสังคมเป็นอย่างมากในชีวิตประจำวันมนุษย์ฟังและดูสิ่งต่าง ๆ มากมาย ความสำคัญของการฟังและการดูมีหลายประการ ดังนี้

1. ให้ความรู้และเพิ่มความคิด มนุษย์เริ่มฟังและดูตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งเป็นการเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากระดับที่ง่ายจนกระทั่งพัฒนาสู่ระดับที่ยาก การฟังและการดูเป็นวิธีการหาความรู้อย่างหนึ่ง อาจเป็นการแลกเปลี่ยนทัศนคติเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันทำให้รับความรู้และเพิ่มความคิด

2. เพลิดเพลินจิตและสร้างความจรรโลงใจ  การรับสารบางประเภทจะทำให้เกิดความเพลิดเพลินใจและสร้างความจรรโลงใจ บางครั้งหากเหนื่อยล้าจากการเรียนหรือการทำงานมาทั้งวัน การฟังเพลงที่ไพเราะสักเพลงหรือดูภาพยนตร์ที่สนุกสนานสักเรื่อง จะทำให้รู้สึกผ่อนคลายเป็นวิธีการพักผ่อนประเภทหนึ่ง นอกจากนี้เนื้อหาสาระของเรื่องยังให้แง่คิดบางประการ ซึ่งอาจเป็นการกระตุ้นความรู้สึกของผู้รับสารได้อีกทางหนึ่ง

3. เสริมสร้างโลกทัศน์ให้กว้างไกล การรับสารที่หลากหลายอย่างสม่ำเสมอ ย่อมทำให้ผู้รับสารได้รับสิ่งใหม่ๆ มากขึ้น ก่อให้เกิดความคิดและมีมุมมองใหม่ๆ ซึ่งแตกต่างจากเรื่องที่เคยรับมา

4. ใช้พัฒนาตนเองและสังคม การรับสารด้วยการฟังและการดูทำให้เกิดความรู้ สร้างความคิด สร้างความเพลิดเพลินใจ และเสริมสร้างโลกทัศน์ของผู้รับสารให้กว้างไกล ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการพัฒนาในส่วนของผู้รับสารเอง เมื่อผู้รับสารนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันซึ่งสร้างประโยชน์ให้ผู้คนรอบข้างหรือหน่วยงาน ก็จะเป็นการพัฒนาสังคมได้ดีวิธีหนึ่ง


ประเภทของสารที่ฟังและดู

  1. สารที่ให้ความรู้ เช่น การฟังและการดูข่าวสารข้อมูลต่างๆ การฟังและการดูเรื่องทางวิชาการและการฟังและดูเรื่องเกี่ยวกับสาขาวิชาชีพที่ตนสนใจ เป็นต้น
  2. สารที่โน้มน้าวใจ เช่น การฟังและการดูโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาสินค้าหรือโฆษณาหาเสียง การเชิญชวนให้ร่วมกันทำกิจกรรมต่างๆ การโต้วาที และการอภิปรายในบางเรื่อง เป็นต้น
  3. สารที่สร้างความจรรโลงใจ ในนี้หมายถึง การรับสารที่ทำให้เกิดความเพลิดเพลินใจเพิ่มความสุข คลายความทุกข์ และให้แง่คิดเตือนใจแก่ผู้รับสาร เช่น การฟังนิทาน การฟังเพลง การดูการ์ตูนหรือภาพยนตร์ การฟังเทศน์ การฟังและการดูเรื่องที่ทำให้ตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งต่างๆในชีวิต

การวิเคราะห์และประเมินค่าสารจากการฟังและการดู

  1. การวิเคราะห์สาร การรับสารจากสื่อในแต่ละครั้ง ผู้รับสารควรพิจารณาเนื้อหาเป็นส่วนๆ โดยอาศัยการตรึกตรองด้วยเหตุผล สามารถแยกเนื้อหาส่วนที่เป็นข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นได้
  2. การตีความ  นอกจากผู้รับสารจะแยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นของสารได้แล้วขั้นตอนต่อไปคือ จะต้องพยายามเข้าใจความหมายที่แท้จริงของสารนั้นด้วย โดยอาศัยการตีความทั้งตีความตัวอักษร เนื้อหา และน้ำเสียงของสาร
  3. การวินิจฉัยเพื่อประเมินค่า เป็นขั้นตอนการพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบเพื่อหาคุณค่าของสาร ที่สำคัญคือ ต้องตรึกตรองสารอย่างปราศจากอคติ

การประเมินผลการรับสาร

  1. ท่าทีและการวางตัว เช่น การแต่งกาย การยิ้มแย้มแจ่มใส ความเชื่อมั่น ความกระตือรือร้น ความสามารถในการควบคุมตนเอง

    ความแตกต่างของมนุษย์และสัตว์อีกประการหนึ่งที่เห็นเด่นชัด คือเรื่องของการใช้ภาษามนุษย์สามารถถ่ายทอดความรู้ความคิดออกมาเป็นตัวเขียนคือเป็นภาษาหนังสือสำหรับให้ผู้อื่นอ่านและเข้าใจตรงตามที่ต้องการ  แต่สัตว์ใช้ได้แต่เสียงเท่านั้นในการสื่อสาร แม้แต่เสียงหลายท่านก็ยังมีความเห็นว่าสัตว์จะทำเสียงเพื่อแสดงความรู้สึก  เช่น   โกรธ  หิว  เจ็บปวด เท่านั้น เสียงของสัตว์ไม่อาจสื่อความหมายได้ละเอียดลออเท่าภาษาพูดของมนุษย์

    ใจความสำคัญอยู่ตอนกลางของย่อหน้า

    ดังได้กล่าวมาแล้วว่าการที่จะเป็นผู้ฟังที่ดีได้นั้นจะต้องมีการฝึกฝนจนเรียนรู้ ฉะนั้นครูจึงเป็นผู้ที่มีโอกาสดีกว่าคนอื่นๆ  ในการฝึกนิสัยการฟังที่ดีให้แก่เยาวชนที่จะเป็นผู้นำของชาติในอนาคตครูไม่ควรมองข้ามความสำคัญของการฟังไป  ควรระลึกไว้เสมอว่า    การฟังมีความสำคัญเท่าๆ  กับการพูด การอ่านและการเขียน ถ้าผู้ฟังรู้จักฟังแล้วการฟังก็จะมีประโยชน์มาก    แต่ถ้าผู้ฟังไม่รู้จักการฟัง ผู้ฟังก็จะไม่ได้รับผลอะไรเลย  แต่ในทางตรงกันข้ามบางครั้งก็อาจจะมีโทษอันร้ายแรงเกิดขึ้นอีกด้วย

    ใจความสำคัญอยู่ตอนท้ายของแต่ละย่อหน้า

    ภายในวงงานศิลปะประเภทหนึ่งๆมีรูปแบบของศิลปะนั้นแยกออกไปจิตรกรรมก็มีการวาดและระบายสีบนฝาผนัง  วาดเป็นเส้นบนกระดาษ  วาดและระบายเป็นภาพเล็กเป็นภาพใหญ่เป็นรูปคนรูปภูมิประเทศและอื่นๆ วรรณคดีก็เข้าในลักษณะนี้รูปแบบของวรรณคดีไทยก็มีหลายแบบ ถ้านับวรรณคดีต่างประเทศทั่วโลกก็มีรูปแบบเกือบจะนับไม่ถ้วน  คุณภาพของวรรณคดีขึ้นอยู่กับรูปแบบจะมีความดีหรือความบกพร่องภายในวงของรูปแบบแต่ละรูปแบบ   การพิจารณาวรรณคดีจึงเป็นไปตามรูปแบบแต่ละรูปๆ นั้น

    การวิเคราะห์สารและประเมินค่าสารจากการฟัง การดู และการอ่าน

    สารที่คนส่วนใหญ่ได้รับมักจะเป็นสารที่ได้รับจากการฟังและการดูซึ่งได่แก่การรับสารจากสื่อโทรทัศน์ ล้วนมีรูปแแบบหลากหลายเช่นข่าว,สารคดี,ประกาศแถลงการณ์,ละครความบันเทิงในรูปเกมส์โชว์ รายการตลกฯลฯไม่จำกัดว่าจะเป็นการนำเสนอความรู้ข้อเท็จจริงข้อเสนอแนะความคิดเห็นหรือการนำเสนอเรื่องราว หลากหลายอารมณ์นอกจากนี้ยังได้รับจากการอ่านได้แก่ตำรา,หนังสือเล่ม,พ็อคเก็ตบุ๊คสิ่งพิมพ์ต่างๆเช่น หนังสือพิมพ์,โปสเตอร์,แผ่นปลิว,จดหมายฯลฯ

    แนวการวิเคราะห์สารก็ยังคงใช้หลักการและวิธีเหมือนกันดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้นในที่นี้ จะขอแยกสารจากการฟังการดูและการอ่านเป็น2รูปแบบได้แก่สารในชีวิตประจำวันและสารในงานอาชีย เนื่องจากการศึกษาในระดับนี้จำเป็นต้องใช้ในการประกอบวิชาชีพและในการดำรงชีวิตในสังคงซึ่งเกี่ยวข้อง กันดังนี้

    ๑.สารในชีวิตประจำวันหากแบ่งตามวิธีการเขียน สามารถแบ่งได้ดังนี้

    ๑.๑รูปแบบร้อยแก้วได้แก่งานเขียนที่เป็นความเรียงทุกชนิดมีองค์ประกอบแตกต่างกันไปตามเนื้อหา

    ๑.๒รูปแบบร้อยกรองได้แก่งานเขียนที่เป็นคำประพันธ์ประเภทต่างๆเช่นโคลง,ฉันน์,กาพย์,กลอน,ร่ายคำประพันธ์ เหล่านี้จะมีลักษณ์บังคับเฉพาะแต่ละประเภทแตกต่างกันไปการใช้ภาษาสละสลวยไพเราะมีความงดงามทางภาษา ใช้คำน้อยแต่ความหมายลึกซึ้งผู้ประพันธ์ต้องมีจินตนาการกว้างไกลคน่สวนใหญ่ไม่ว่าจะมีการศึกษาในระดับใด อาชีพใดหรือฐานะความเป็นอยู่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ขาดไม่ได้คือการรับรู้เรื่องราวต่างๆซึ่งส่งผลให้การดำรงชีวิตและ งานอาชีพก้าวหน้าส่วนวิธีการรับสารจะเป็นวิธีใดนั้นขึ้นอยู่กับโอกาสและความเหมาะสมของแต่ละบุคคลซึ่งบาง ครั้งอาจรับโดยการฟังการดูหรือฟังอย่างเดียวและถ้ามีเวลามากพออาจใช้การอ่านสารที่เกี่ยวข้องในชีวิตประจำวัน ที่มีอิทธิพลต่อผู้อ่านจะขอยกพอสังเขป ดังนี้

    ข่าวเป็นสารที่มีความใหม่ทันเหตุการณ์เพราะเป็นการนำเสนอให้ทราบความเคลื่อนไหววันต่อวันมีลักษณะการเขียนเร้าใจ ผู้อ่านเนื้อหาหลากหลายมีการรายงานอย่างต่อเนื่องทำให้น่าติดตาม

    บทความเป็นงานเขียนที่มีรูปแบบและองค์ประกอบชัดเจนเนื้อหาเน้นการแสดงความคิดเห็นเป็นหลักแต่จะต้องอยู่บนพื้นฐาน ของข้อเท็จจริงบทความต้องแสดงความคิดเห็นเป็นกลางและอธิบายได้ด้วยเหตุผลจึงจัดว่าเป็นบทความที่ดี

    สารคดีีจัดว่าเป็นงานเขียนที่อ่านง่ายเพราะใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายตรงไปตรงมาเนื้อหาสาระมุ่งเขียนเพื่อนำเสนอ เหตุการณ์สถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นและมีความคิดเห็นของผู้เขียนแทรกอยู่เนื้อหาที่เสนอมีความคิดหลากหลาย เช่นเกี่ยวกับอาชีพ,การท่องเที่ยว,ชีวิติความเป็นอยู่เป็นต้น
    โฆษณา
    ปัจจุบันมีเทคนิคต่างๆมากมายทำให้น่าสนใจชวนติดตามมีการผูกเป้นเรื่องราวเป็นตอนเพื่อให้ ติดตามทั้งนี้เพื่อให้ผู้อ่านสนใจและตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการเพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความพึงพอใจโฆษณา มีองค์ประกอบดังนี้  พาดหัว   ขยายพาดหัว  รายละเอียดสินค้า

    ตำราและเอกสารความรู้ต่างๆ อาจอยู่ในรูปของหนังสือหรืออื่นๆเช่นจลสาร,วารสาร,แผ่นพับ,แผ่นปลิวฯลฯเสนอเนื้อหาความรู้เฉพราะเรื่องและทั่วไป อาจเป็นเกร็ดความรู้เทคนิคต่างๆใช้ภาษาเขียนเป็นหลัก

    บันเทิง เป็นงานเขียนด้านบันเทิงคดีมีรูปแบบเฉพาะอาจเป็นบทละครมีตัวละครโครงเรื่องฉากการดำเนินเรื่องที่สลับซับซ้อน น่าติดตามแล้วแต่จิตนาการของผู้ประพันธ์การ์ตูน,นิทาน,เรื่องสั้นและอื่นๆ

    ๒.สารในงานอาชีพ โดยทั่วไปมีรูปแบบเหมือนกับสารในชีวิตประจำวันแตกต่างกันที่เนื้อหาเช่นข่าวเศรษฐกิจอาจเป็นได้ทั้งข่าวสารในชีวิตประจำวัน และอาชีพการดูโฆษณาหากดูแล้วสรุปว่าน่าเชื่อถือหรือไม่ประโยชน์คืออะไรคุณภาพดีหรือไม่ควรตัดสินใจอย่างไร ก็จัดว่าเป็นการดูสารในชีวิตประจำวันแต่หากดูแล้ววิเคราะห์ว่าจุดเด่นของโฆษณาคืออะไรใช้งบประมาณเท่าไร เกินจริงหรือน่าเชื่อถือจะสู้กับคู่แข่งได้หรือไม่เหล่านี้ก็จะเป็นสารในงานอาชีพทันที

    ขั้นตอนในการวิเคราะห์สารและการวินิจสาร

    1  การอ่านวินิจ หมายถึง การดูอย่างตั้งใจ เอาใจใส่อย่างถี่ถ้วน
    สารหมายถึงใจความสำคัญของข้อความที่ผู้เขียนต้องการที่จะสื่อมายังผู้อ่านการวินิจฉัยสาร หมายถึง การวิเคราะห์ข้อความ การจับใจความ และการตีความซึ่งจะใช้วิธีการใดวิธีหนึ่งหรือสองสามวิธีก็ได้ขึ้นอยู่กับลักษณะของข้อความ
    2  การวิเคราะห์ข้อความ หมายถึง การพิจารณาแยกองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ปรากฏหรือมีอยู่ในงานเขียนเรื่องหนึ่ง ๆ ว่ามีลักษณะอย่างไร มีคุณค่าอย่างไร หรือมีข้อควรสังเกตอย่างไรบ้างผู้อ่านต้องแยกแยะให้ออกว่าก่อนว่า ข้อความที่อ่านนั้นผู้เขียนต้องการสื่อข้อเท็จจริงหรือสื่อความรู้สึกนึกคิดให้ผู้อ่านทราบ
    – การสื่อข้อเท็จจริง คือ การบอกให้รู้ถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือเรื่องใดเรื่องหนึ่ง มักเป็นคำตอบสำหรับคำถามที่ว่าอะไร ใคร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร เป็นต้น
    – การสื่อความรู้สึกนึกคิด เป็นการสื่อความรู้หรือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏ สิ่งที่เกิดขึ้นอาจกระทบความรู้สึกของผู้ที่พบเห็น จนทำให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจได้ต่าง ๆ กันเช่น รู้สึกตระหนกรู้สึกสลดใจบางครั้งอาจมีความคิดซึ่งเกิดจากการใช้สติปัญญาใคร่ครวญเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นด้วย
    3  การจับใจความ หมายถึง การแยกแยะเรื่องที่อ่านให้ได้ว่า ส่วนใดเป็นใจความหรือข้อความที่สำคัญที่สุดและส่วนใดเป็นพลความหรือข้อความประกอบ การจับใจความจะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจสารที่ผู้เขียนต้องการสื่อได้ถูกต้อง

    การวิเคราะห์สาร วินิจ เป็นบทร้อยกรอง

    ขั้นตอนของการวิจารณ์
    ในการเขียนวิจารณ์นั้นเราอาจแบ่งได้เป็น๓ขั้นตอนดังนี้คือการสรุปแนวคิดและสาระของเรื่อง การวิเคราะห์กลวิธีการแต่ง และการประเมินคุณค่า

    ๑.การสรุปแนวคิดและสาระของเรื่องแนวคิดของเรื่องคือแก่นหรือจุดสำคัญของเรื่องซึ่งเป็นหลัก เป็นแกนกลางของเรื่องนั้น เราสามารถจะหาได้ จากการศึกษาส่วนประกอบอื่น ๆ ของเรื่องสั้น เช่น โครงเรื่อง ภาษา ฉาก ตัวละคร บทสนทนา เป็นต้น ข้อสังเกต คือ แนวเรื่องนี้มักมีความสำคัญ เชื่อมโยงกับ ชื่อเรื่อง ดังนั้นสำหรับผู้วิจารณ์ที่เพิ่งหัด อาจจะใช้ชื่อเรื่องของงานวิจารณ์เป็นแนวสังเกตของเรื่องได้ด้วย ส่วนสาระของเรื่องนั้น คือ เนื้อหาอย่างคร่าวซึ่งไม่ใช่การย่อความ เนื่องจากผู้วิจารณ์สามารถนำข้อความ ตลอดจนคำพูดของตัวละครในเรื่องที่วิจารณ์ มาเขียนประกอบไว้ ในสาระของเรื่องได้ เพื่อช่วยให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น

    ๒.การวิเคราะห์กลวิธีการแต่งขั้นที่๒นี้เป็นการใช้เทคนิคและศิลปะอันเป็นความรู้ และฝีมือที่ผู้เขียนสามารถถ่ายทอดความรู้และ อารมณ์สะเทือนใจ มาสู่ผู้อ่าน เช่น การใช้คำ การใช้ภาพพจน์ การใช้โวหาร อุปมาอุปไมย เป็นต้น ศิลปะในการใช้ภาษาในแบต่างๆ นี้ ผู้วิจารณ์สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับ งานวิจัยนั้น ๆ เพื่อที่จะสื่อความเข้าใจและอารมณ์มาสู่ผู้อ่านได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด นอกจากกลวิธีการแต่ง และศิลปะการใช้ภาษาดังกล่าวแล้ว อาจจะใช้ศิลปะการสร้างเรื่อง อาจแยกได้เป็นการเขียนโครงเรื่อง ตัวละคร ฉาก ฯลฯ ซึ่งศิลปะการสร้างเรื่องนี้ มักใช้ในงานเขียนที่เป็นเรื่อง เช่น นวนิยาย เรื่องสั้น บทละคร เป็นต้น

    ๓.การประเมินคุณค่าเป็นขั้นสุดท้ายของการวิจารณ์เมื่อผู้วิจารณ์ได้ศึกษาการเขียนในขั้นตอนที่ ๑ และขั้นตอนที่ ๒ แล้ว ผู้วิจารณ์สามารถ แสดงความคิดของตน อย่างมีเหตุผลได้อย่างเต็มที่ เพื่อประเมินคุณค่าของงานเขียนนั้น การประเมินคุณค่าทางงานเขียน แบ่งได้เป็น

    ๑.ด้านความคิดริเริ่มงานเขียนบางเรื่องอาจจะไม่มีคุณค่าทางวรรณศิลป์เด่น แต่เป็นงานเขียนที่มีความคิดริเริ่มก็มักจะได้รับการยกย่องดังจะเห็นได้จากเรื่อง”ความพยาบาท”ของ แม่วัน ได้รับการยกย่อง เพราะเป็นหนังสือนวนิยายเล่มแรก ที่แปลมาจากต้นฉบับภาษาต่างประเทศ หรือสุนทรภู่คิดแต่งกลอนแปด ที่มีสัมผัสในแพรวพราวจนเป็นที่นิยมกันมาจนถึงปัจจุบัน ก็ได้รับการยกย่องความคิดริเริ่มนั้น หรือพระมหามนตรี (ทรัพย์) แต่งเรื่อง “ระเด่นรันได” ล้อเลียนภาพสังคมในสมัยรัชกาลที่ ๒ ซึ่งกวีในสมัยก่อนน้อยคนนักจะกล้าทำ ท่านก็ได้รับการยกย่องที่มีความคิดริเริ่มเช่นนั้น เป็นต้น

    ๒.ทางด้านวรรณศิลป์คือการประเมินคุณค่าทางด้านศิลปะการใช้ภาษาและการสร้างเรื่อง ศิลปะการใช้ภาษานี้ถ้าได้ศึกษาอย่างละเอียดก็สามารถทราบความสามารถของผู้แต่งในเรื่องการเลือกใช้คำ ว่ามีความไพเราะและสื่อความหมายได้เหมาะสมจนสามารถโน้มน้าวผู้อ่านให้เกิดความคิดเห็นคล้อยตามตลอดจนเกิดอารมณ์สะเทือนใจได้ตรงตามจุดประสงค์ของผู้แต่งเพียงใด ศิลปะการสร้างเรื่องนี้ ถ้าส่วนประกอบของเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น โครงเรื่อง บทสนทนา ตัวละคร ฉาก ฯลฯมีการประสานกลมกลืนกันอย่างงดีและมุ่งให้ผู้อ่านเกิดความคิดไปสู่แนวทางที่เป็นเป้าหมายของเรื่องแล้ว ก็นับว่าเป็นเรื่องที่มีศิลปะการสร่างเรื่องที่สมเหตุสมผล สามารถให้ผู้อ่าน เข้าถึงอารมณ์สะเทือนใจได้ จึงถือเป็นศิลปะที่มีคุณค่าทางวรรณศิลป์ได้ด้วย

    ๓.คุณค่างานที่มีต่อสังคมงานเขียนเป็นสิ่งที่คนในสังคมสร้างขึ้นมาฉะนั้นผลของงานเขียนที่มีต่อสังคมจึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่าควรศึกษา อันได้แก่

    ๓.๑คุณค่าทางด้านความเพลิดเพลินเป็นคุณค่าหนึ่งที่สำคัญเพราะจะเป็นสื่อนำผู้อ่านให้เกิดความสนใจเรื่อง เป็นการชักจูงขั้นต้น ฉะนั้นงานเขียนใดมีแต่สาระไม่มีความเพลิดเพลินแฝงไว้สำหรับผู้อ่าน ผู้อ่านมักจะไม่สนใจอ่านตั้งแต่ต้น งานเขียนนั้นก็ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ผู้แต่งตั้งไว้ได้เลย

    ๓.๒คุณค่าทางด้านความคิดเป็นคุณค่าที่เกิดจาดอิทธิพลความคิดเห็นของผู้แต่ง ซึ่งปรากฏอยู่ในงานเขียนอันมีอิทธิพลต่อความคิดของผู้อ่านในสังคมนั้นทั้งนี้อาจจะรวมถึงอิทธิพลที่ผู้แต่งได้รับมาจากสังคมด้วยก็ได้คุณค่าทางด้านความคิดนี้นับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้งานเขียนมีคุณค่ามากขึ้น การประเมินคุณค่าทางงานเขียนนั้นถ้ามีเพียง๒ส่วนประกอบกันอย่างเหมาะสมก็จะช่วยให้งานเขียนนั้นเด่นขึ้น จึงนับว่าคุณค่าทั้ง ๒ ประการเป็นคุณค่าที่มีความสำคัญซึ่งกันและกันหลักในการวิจารณ์งานเขียนเฉพาะประเภทงานเขียนแต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะของตนเอง การศึกษาเพื่อเป็นพื้นฐานในที่นี้ จะแบ่งออกเป็น งานร้อยกรองบทสั้นและงานเขียนที่เป็นเรื่อง ทั้งที่เป็นร้อยแก้วและร้อยกรอง ดังนี้

    ๑.งานร้อยกรองบทสั้นในที่นี้คืองานร้อยกรรองที่ผู้เขียนไม่ได้ผูกเป็นเรื่องยาว แต่เป็นร้อยกรองที่กวีประพันธ์ขึ้นเพื่อสื่อความหมายสั้นๆหรือเป็นบทร้อยกรองที่คัดตัดตอนออกมาจากงานร้อยกรองที่เป็นเรื่องขนาดยาว หลักในการวิเคราะห์อาจแบ่งได้ดังนี้

    ๑.๑ ฉันทลักษณ์ การ ศึกษาฉันทลักษณ์อาจจะช่วยชี้แนะแนวทางของความต้องการของผู้เขียนหรือกวีได้ บ้างเนื่องจากจังหวะของฉันทลักษณ์ย่อมจะนำผู้อ่านให้เกิดความรู้สึกต่างๆได้เช่นเดียวกับเสียงดนตรี เช่น “โครงสี่สุภาพ” ผู้เขียนมักจะใช้เมื่อต้องการใช้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกสง่างาม ส่วน “กลอน” “กาพย์ยานี” ผู้เขียนมักใช้เมื่อต้องการให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกอ่อนหวาน เรียบง่าย เป็นต้น แต่ทั้งนี้ก็มิได้หมายความว่าฉันทลักษณ์เพียงอย่างเดียวจะสามารถแบ่งชัดอารมณ์ที่แท้จริงของบทร้อยกรองได้ เสมอไป

    ๑.๒ ความหมาย นับเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่เราต้องศึกษาให้ทราบแน่ชัดลงไปว่าบทร้อยกรองที่วิจารณ์นั้นกล่าวถึงเรื่องอะไร ในขั้นนี้ผู้วิจารณ์จะต้องศึกษาความหมายของคำในบทร้อยกรองให้ละเอียด เพื่อจะได้ตีความหมายของบบทร้อยกรองนั้น ๆ ได้ถูกต้องที่สุด

    ๑.๓ น้ำเสียง เป็นสื่อให้ผู้อ่านทราบถึงความคิดของผู้เขียนว่ามีความรู้สึกอย่างไรต่อสิ่งที่กล่าวถึง

    ๑.๔จุดมุ่งหมายของผู้เขียนเมื่อเราศึกษาบทร้อยกรองเพื่อวิจารณ์สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการศึกษาจุดมุ่งหมายของผู้เขียน ทั้งที่ผู้เขียนแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัด และทั้งที่เราวิเคราะห์ได้เองจากภาษา น้ำเสียง และลีลาของบทร้อยกรองนั้น สิ่งเหล่านี้จะช่วยชี้แนะให้เราทราบจุดมุ่งหมายของผู้เขียนได้ แม้ว่าผู้เขียนจะไม่ได้บอกออกมาตรงๆ

    ๒.งานเขียนที่เป็นเรื่องทั้งบทร้อยกรองและร้อยแก้วงานเขียนที่เป็นเรื่องหมายถึง งานเขียนที่ผูกเป็นเรื่อง มีตัวละคร ฉาก ไม่ว่างานนั้นจะเป็นร้อยแก้ว เช่นเรื่องสั้น นวนิยายร้อยกรองบทละครเมื่อวิจารณ์งานเขียนประเภทนี้ทั้งเรื่องก็จะมีหลักที่จะเป็นแนววิเคราะห์ได้ดังนี้ คือ

    ๒.๑โครงเรื่องคือการกำหนดการดำเนินเรื่องว่าเริ่มต้นอย่างไรดำเนินเรื่องให้ผู้อ่านเข้าใจ แล้วสนใจเรื่องได้อย่างไร ตลอดจนให้เรื่องนั้นสิ้นสุดลงในรูปแบบไหน ระยะแรกของงานเขียนเป็นส่วนของเรื่องที่นำผู้อ่านเข้าสู่จุดความสนใจสูงสุด ของเรื่อง ระยะที่สองเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของเรื่องคือส่วนที่เป็นจุดสนใจสูงสุดของเรื่องและระยะที่สาม คือระยะคลายความสนใจของเรื่องจนจบ ระยะที่สามนี้มีหลายรูปแบบคือ ระยะคลายความสนใจ อาจยืดเยื้อออกไปอีกเล็กน้อยหรืออาจจะจบลงอย่างทันทีถ้าจุดคลายความสนใจยืดเยื้อมากเกินไป จะทำให้ผู้อ่านไม่สนใจเรื่องอีกต่อไป จุดสนใจสูงสุดของเรื่องอาจมีได้หลายครั้ง ถ้าเป็นเรื่องยาวมาก ๆ เพราะบางเรื่องมีลักษณะเป็นเรื่องหลายตอนมาเขียนผูกกันให้เป็นเรื่องยาว โดยใช้ตัวละครชุดเดิม

    ๒.๒ฉากคือสถานที่ที่ผู้เขียนตัวละครดำเนินชีวิตผู้วิจารณ์จำเป็นต้องศึกษาว่ามีความเหมาะสมกับเนื้อเรื่องและกาลเวลาในเรื่องอย่างไร และมีส่วนให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่องได้เพียงใด

    ๒.๓ตัวละครเป็นสิ่งที่ช่วยให้เรื่องน่าสนใจมีชีวิตชีวาการวิเคราะห์ตัวละคร ต้องศึกษาว่าตัวละครแต่ละตัวมีบทบาทอย่างไรมีการพัฒนานิสัยเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมหรือไม่ อย่างไร โดยศึกษาได้จากการกระทำของตัวละคร คำพูดของตัวละครที่สนทนากัน และปฏิกิริยาของตัวละครอื่นที่มีต่อตัวละครที่เราวิจารณ์ ถ้าเราศึกษาตัวละครไปอย่างละเอียด เราก็จะทราบได้ว่าตัวละครที่นักเขียนสร้างขึ้นมีความสมจริงและสอดคล้องกับเหตุการณ์ในท้องเรื่องอย่างไร

    ๒.๔เทคนิคการเขียนเป็นวิธีการที่ผู้เขียนใช้นำผู้อ่านเขข้าสู่เป้าหมายของเรื่องได้ นอกเหนือจากโครงเรื่อง ฉาก และตัวละคร เทคนิคใหม่ ๆ คือ

    ๒.๔.๑บทสนทนาในงานเขียนที่เป็นเรื่องและมีตัวละครจำเป็นต้องมีบทสนทนาที่ตัวละครจะพูดโต้ตอบกัน คำพูดนั้นจะต้องเหมาะสมกับสมัยที่เรื่องนั้นเกิดขึ้นและต้องเหมาะสมกับฐานะและสภาพของบุคคลในท้องเรื่อง

    ๒.๔.๒วิธีการบรรยายเรื่องวิธีการบรรยายเรื่องมีหลายวิธีวิธีหนึ่งคือผู้เขียนแสดงตนเป็นเหมือนพระเจ้า กำหนดและล่วงรู้ความรู้สึก ตลอดจนพฤติกรรมของตัวละคร แล้วถ่ายทอดให้ผู้อ่านทราบ อีกวิธีหนึ่งคือให้ผู้เขียนเข้าไปอยู่ในเรื่องและเป็นผู้เรื่องที่ผ่านมาสู่ผู้อ่านบางครั้งผู้บรรยายนี้อาจจะเป็นตัวละครเอกของเรื่อง หรือตัวละครที่มีบทบาทรองลงไป หรือเป็นตัวละคร ที่ไม่มีบทบาทในเรื่อง แต่เป็นบุคคลที่ เผอิญเข้ามามีส่วนรู้เห็นเหตุการณ์ จึงเขียนให้ผู้อ่านได้รับรู้เรื่องราวนั้นๆ อีกวิธีหนึ่งคือ ผู้เขียนจะไม่แสดงตนอย่างเด่นชัด แต่ผู้อ่านจะทราบ ความเป็นไปของเรื่องได้จากการสังเกตพฤติกรรมของตัวละคร วิธีการบรรยายเรื่องนี้มีส่วนเชิญชวนให้เรื่องน่าสนใจได้ ถ้าผู้เขียน ใช้ให้เหมือนเนื้อเรื่อง

    ๒.๔.๓อิทธิพลของเรื่องงานเขียนส่วนใหญ่มักได้รับอิทธิพลทางความคิดหรือกลวิธีการสร้างเรื่องจากประสบการณ์ชีวิต หรืออิทธิพลจาก เรื่องอื่นๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ สภาพแวดล้อมและสังคมที่นักเขียนมีชีวิตอยู่ เพราะงานเขียนทุกเรื่องก็คือ ส่วนหนึ่งของภาพสะท้อน ของสังคมในแต่ละยุคสมัย นอกจากจะศึกษาอิทธิพลที่งานเขียนนั้นรับมาแล้ว ถ้าเป็นไปได้ควรศึกษา อิทธิพลที่งานนั้นมีต่อ งานเขียนผู้อื่นและ ผู้อ่านด้วย ข้อที่น่าพิจารณาในทุกขั้นตอน คือ ความสมจริงของเรื่องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโครงเรื่อง ตัวละคร ฉาก และเทคนิคการเขียนอื่นๆ สมจริงกับชีวิตอย่างไร เพียงใด ตลอดจนการศึกษาแง่คิดหรือทัศนคติของผู้เขียนเรื่องนั้นด้วย เพื่อจะได้ทำให้งานเขียนวิจารณ์สมบูรณ์ยิ่งขึ้น การวิจารณ์

     ประโยชน์ของการวิเคราะห์สาร

    ๑.ด้านความรู้ทำให้เป็นผู้รอบรู้มีความคิดรอบคอบรู้จักพิจารณาเลือกตัดสินใจ เช่นการประกอบอาชีพการแก้ไข้ปัญหาต่างๆจะตัดสินใจได้รวดเร็วแม่นยำ

    ๒.ด้านสังคมช่วยให้การดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างสงบสุขรู้จักการช่วยเหลือดูแล ซึ่งกันและกันไม่เอารัดเอาเปรียบรู้จักการให้และตอบแทนสู่สังคมเช่นการดูแลสภาพแวดล้อมเกี่ยวกับน้ำ ต้นไม้,อากาศและแม่น้ำลำคลอง

    ๓.ด้านสุขภาพการเลือกใช้สินค้าอุปโภคบริโภคทุกชนิดเช่นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิต หากไม่รู้จักการวิเคราะห์เพื่อเลือกใช้ให้เหมาะสมอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้

    ๔.ด้านจิตใจรู้จักวิธีขจัดปัญหาที่เกิดขึ้นในจิตใจความกังวลต่างๆความเศร้าหมองความโศกเศร้าเสียใจ จะไม่เลือกวิธีที่ทำร้ายตนเองและผู้อื่นไม่รุนแรง