ห้างหุ้นส่วน คือ บุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปตกลงทำธุรกิจร่วมกันเพื่อแสวงหากำไร และแบ่งผลกำไรจากการดำเนินธุรกิจ บุคคลที่เป็นหุ้นส่วนสามารถลงหุ้นด้วยเงิน ทรัพย์สิน หรือแรงงานก็ได้ ถ้าลงหุ้นด้วย ทรัพย์สิน หรือแรงงานต้องคิดราคาเป็นจำนวนเงิน
ห้างหุ้นส่วนแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1. ห้างหุ้นส่วนสามัญ คือ ห้างหุ้นส่วนที่มีบุคคลเป็นหุ้นส่วนประเภทเดียวกัน คือ “หุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิด” โดยหุ้นส่วนทุกคนจะต้องรับผิดชอบร่วมกันในหนี้สินของห้างหุ้นส่วนทั้งหมดโดยไม่จำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญจะจดทะเบียนหรือไม่ก็ได้ ถ้าจดทะเบียนเรียกว่า ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล และมีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย
2. ห้างหุ้นส่วนจำกัด คือ ห้างหุ้นส่วนที่มีหุ้นส่วน 2 ประเภท ได้แก่ หุ้นส่วนจำกัดความรับผิด (รับผิดไม่เกินจำนวนเงินที่ลงหุ้น) และ อีกประเภท คือ หุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิด (รับผิดร่วมกันในหนี้สินของห้างหุ้นส่วนทั้งหมดโดยไม่จำกัด)
การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน
การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนต้องดำเนินการจดกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยข้อมูลในการจดทะเบียนประกอบด้วย จำนวนเงินลงทุนของผู้เป็นหุ้นส่วน วัตถุประสงค์ของกิจการ การแต่งตั้งหุ้นส่วนผู้จัดการ สถานที่ตั้งของกิจการและสาขา(ถ้ามี) เป็นต้น
เมื่อจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดแล้ว ห้างหุ้นส่วนจะมีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายแยกต่างหากจากผู้เป็นหุ้นส่วน และได้รับเลขทะเบียนนิติบุคคล 13 หลัก ซึ่งจะถูกใช้เป็นเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของกรมสรรพากรด้วย
สำหรับชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด ถ้าจะนำชื่อไปใช้ในดวงตรา ป้ายชื่อ จดหมาย หรือ เอกสารอย่างอื่นที่ใช้ในธุรกิจของห้างหุ้นส่วนจำกัด ต้องมีคำว่า “ห้างหุ้นส่วนจำกัด” ประกอบชื่อ ถ้าใช้เป็นอักษรต่างประเทศ ต้องใช้คำที่มีความหมายว่า “ห้างหุ้นส่วนจำกัด” ประกอบชื่อ เช่น ถ้าใช้ชื่อเป็นอักษรภาษาอังกฤษต้องมีคำ “Limited Partnership” ประกอบชื่อ เป็นต้น
ข้อควรพิจารณาในการจัดตั้งห้างหุ้นส่วน
1. ประหยัดค่าใช้จ่าย ในกรณีเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ ไม่ต้องยื่นเอกสารในการจดทะเบียนกับพัฒนาธุรกิจการค้า
2. ทางกฎหมายไม่ได้กำหนัดลักษณะการแบ่งปันผลกำไรเหมือนบริษัทจำกัด ขึ้นอยู่กับหุ้นส่วนตกลงกันในการแบ่งปันผลกำไรได้โดยอิสระ
3. เจ้าของกิจการสามารถบริหารกิจการห้างหุ้นส่วนได้ด้วยตัวเอง
รายละเอียดการรับจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน
อำนาจในการบริหารจัดการบริษัท
หุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดจะเป็นผู้มีอำนาจในการบริหารห้างหุ้นส่วน ซึ่งเรียกว่าหุ้นส่วนผู้จัดการ ซึ่งหุ้นส่วนคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่หุ้นส่วนผู้จัดการจะเข้าไปกระทำการที่ผูกพันกับห้างหุ้นส่วน ดำเนินงาน หรือบริหารงานต่างๆไม่ได้ อย่างไรก็ดีหุ้นส่วนผู้จัดการอาจมอบหมายให้คนอื่นดูแลและตัดสินใจในงานของห้างหุ้นส่วนได้
หุ้นส่วนผู้จัดการอาจมีคนเดียวหรือหลายคนก็ได้ โดยถ้ามีหลายคนแล้วไม่ได้ตกลงกันเรื่องการใช้อำนาจตั้งแต่แรก หุ้นส่วนแต่ละคนมีอำนาจตัดสินใจและดำเนินการโดยลำพัง ถ้าไม่มีหุ้นส่วนผู้จัดการคนอื่นคัดค้าน หรือถ้ากำหนดไว้ให้ใช้เสียงส่วนใหญ่ก็ต้องเป็นเสียงส่วนใหญ่ของหุ้นส่วนผู้จัดการ
ห้างหุ้นส่วน คือ บุคคลที่เริ่มต้นทำธุรกิจตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปมาตกลงร่วมกันที่จะดำเนินธุรกิจ การที่องค์กรตั้งขึ้นมาเพื่อจะแสวงหากำไร บุคคลที่ร่วมกันก่อตั้งขึ้นมา สามารถจัดสรรและทำการตกลงกันตั้งแต่เริ่มต้นว่าใครจะลงทุนด้วยเงิน ใครจะลงทุนด้านทรัพย์สินหรือฝีมือแรงงาน ซึ่งต้องตกลงกันตั้งแต่เริ่มแรกเลย เพราะจุดที่สำคัญในการลงทุนและเมื่อตกลงกันทุกอย่างต้องตีราคาของสิ่งที่ลงทุนร่วมกันเป็น “จำนวนเงิน”
ห้างหุ้นส่วนมีกี่ประเภท
ทางกฎหมายห้างหุ้นส่วน สามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภทดังนี้
1. ห้างหุ้นส่วนสามัญ คือ บุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปร่วมกันก่อตั้งกิจการเป็นหุ้นส่วนประเภทเดียว หมายถึง หุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิด
ง่ายๆ คือ หุ้นส่วนที่เริ่มก่อตั้งทุกคนจะต้องรับผิดชอบในหนี้สินของห้างหุ้นส่วนทั้งหมด แต่ห้างหุ้นส่วนสามัญนี้จะจดเป็นนิติบุคคลหรือจะไม่จดก็ได้ทางกฎหมาย ถ้าจดทะเบียนเราจะเรียกว่า ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลในทางกฎหมาย
2. ห้างหุ้นส่วนจำกัด คือ ความหมายของห้างหุ้นส่วนจำกัดนี้สามารถที่จะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท
- ห้างหุ้นส่วนจำกัดความรับผิด หมายถึง รับผิดชอบหนี้ที่จะเกิดขึ้นในกิจการแต่ไม่เกินจำนวนเงินที่ได้ลงทุนไปแต่จะไม่มีสิทธิ์ในการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการแต่สามารถสอบถามถึงผลการดำเนินของกิจการได้
- ห้างหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิด หมายถึง หากมีหนี้สินเกิดขึ้นจากการที่ประกอบกิจการหนี้สินที่เกิดขึ้นจะต้องร่วมกันรับผิดชอบร่วมกันทั้งหมด แต่มีสิทธิ์ที่จะเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและหุ้นส่วน
หน้าที่ของห้างหุ้นส่วน
หน้าที่สำคัญของห้างหุ้นส่วน ต้องจัดทำบัญชีตามกฎหมายพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 มีดังต่อไปนี้
1. จัดทำบัญชีรายวัน บัญชีแยกประเภท บัญชีสินค้าและบัญชีประเภทอื่นๆ ตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยต้องเริ่มทำตั้งแต่วันที่จดทะเบียนห้างหุ้นส่วน
หากไม่ทำห้างหุ้นส่วนจะมีความผิดอะไรบ้าง
- ห้างหุ้นส่วน ปรับไม่เกิน 30,000 บาท และจะปรับวันละ 1,000 บาท จนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักบัญชี
- หุ้นส่วนผู้จัดการ ปรับไม่เกิน 30,000 บาท และจะปรับวันละ 1,000 บาท จนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักบัญชี
2. ต้องมีผู้ทำบัญชีในการจัดทำบัญชีของห้างหุ้นส่วน
ผู้ทำบัญชีในที่นี้จะต้องมีคุณสมบัติการทำบัญชีไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรีสาขาบัญชีหรือเทียบเท่า ยกเว้น ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล มีทุนจดทะเบียนของกิจการไม่เกิน 5 ล้านบาท สินทรัพย์และรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาท สามารถใช้ผู้ที่จบประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง(ปวส.) ได้ ซึ่งสำนักงานบัญชีจะมีระบบที่รองรับในการจัดทำได้ดีเยี่ยม
หากไม่มีสำนักงานบัญชีผู้รับทำบัญชีห้างหุ้นส่วน จะมีความผิดอะไรบ้าง
- ห้างหุ้นส่วน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
- หุ้นส่วนผู้จัดการ ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
3. ต้องส่งมอบเอกสารที่ใช้ลงบันทึกบัญชี คือ การบันทึกเอกสารหรือหนังสือใดๆ ให้แก่ผู้ทำบัญชี เพื่อให้นักบัญชีสามารถแสดงผลการดำเนินงานของกิจการ ฐานะทางการเงินหรือการเปลี่ยนแปลงทางการเงินตามความเป็นจริง
หากไม่ดำเนินการห้างหุ้นส่วนจะมีความผิดอะไรบ้าง
- ห้างหุ้นส่วน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
- หุ้นส่วนผู้จัดการ ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
4. ต้องปิดบัญชีครั้งแรกภายใน 12 เดือน นับตั้งแต่วันเริ่มทำบัญชีและปิดบัญชีทุกรอบ 12 เดือน นับตั้งแต่วันปิดบัญชีครั้งก่อน เว้นแต่ได้รับการอนุมัติให้เปลี่ยนรอบปีบัญชีจากสารวัตรบัญชีหรือสารวัตรใหญ่บัญชีและอาจปิดก่อนรอบ 12 เดือนก็ได้
หากไม่ดำเนินการห้างหุ้นส่วนจะมีความผิดอะไรบ้าง
- ห้างหุ้นส่วน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
- หุ้นส่วนผู้จัดการ ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
5. ต้องจัดทำงบการเงิน ซึ่งประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบกำไรขาดทุน หมายเหตุประกอบงบการเงิน และงบการเงินเปลี่ยนเทียบกับปีก่อน
หากไม่ดำเนินการห้างหุ้นส่วนจะมีความผิดอะไรบ้าง
- ห้างหุ้นส่วน ปรับไม่เกิน 50,000 บาท
- ห้างหุ้นส่วนผู้จัดการ ปรับไม่เกิน 50,000 บาท
“ต้องจัดให้มีผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตรวจสอบและแสดงความเห็น”
หากไม่ดำเนินการห้างหุ้นส่วนจะมีความผิดอะไรบ้าง
- ห้างหุ้นส่วน ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
- ห้างหุ้นส่วนผู้จัดการ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
ยกเว้น ห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาททรัพย์สินและรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาท
ไม่ต้องมีผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตรวจสอบและแสดงความเห็นในงบการเงิน
6. เมื่อผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตรวจสอบและแสดงความเห็นในงบการเงินแล้วต้องนำส่งงบการเงิน ผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์(DBD-e-filing) ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าภายใน 5 เดือน
หากไม่ดำเนินการห้างหุ้นส่วนจะมีความผิดอะไรบ้าง
- ห้างหุ้นส่วนปรับไม่เกิน 50,000 บาท
- ห้างหุ้นส่วนผู้จัดการปรับไม่เกิน 50,000 บาท
7. ต้องเก็บรักษาเอกสารที่ลงบัญชีไว้ที่สักนักงานใหญ่ เป็นสถานที่ที่ใช้ทำงานอยู่ประจำหลักหรือเอาไว้เก็บสินค้า ต้องเก็บไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันปิดบัญชีวันปิดบัญชีแต่หากสูญหายต้องแจ้งสารวัตรบัญชีภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ทราบว่าสูญหาย
หากไม่ดำเนินการห้างหุ้นส่วนจะมีความผิดอะไรบ้าง
- ห้างหุ้นส่วน ปรับไม่เกิน 5,000 บาท
- ห้างหุ้นส่วนผู้จัดการ ปรับไม่เกิน 5,000 บาท
บทสรุป
เนื้อหาในเรื่องของกิจการห้างหุ้นส่วนนี้เราได้นำความรู้ที่เกี่ยวข้องและความหมายของห้างหุ้นส่วน มาแจกแจงให้ ผู้ประกอบการและผู้ที่กำลังศึกษาได้อ่านทำความเข้าใจหวังให้ผู้ประกอบการที่ไม่มีความรู้ในเรื่องเหล่านี้มีความรู้ที่จะดำเนินกิจการให้สำเร็จดั่งใจหวังทุกท่านตลอดไป