ลักษณะโดยทั่วไปของเครื่องเป่าที่ ไม่มีลิ้นทำให้เกิดเสียงโดยการใช้ลมเป่าผ่านรูหักเหลม (รูปากนกแก้ว) ใช้ลมและนิ้วมือปิดรูเพื่อให้ได้เสียงสูงเสียงต่ำ ตามที่ต้องการเครื่องดนตรีประเภทเป่าชนิดนี้เรียกว่า ขลุ่ย
ขลุ่ย เป็นเครื่องเป่าที่ไม่มีลิ้นทำด้วยไม้ลวกไม้ชิงชันมีลักษณะกลมเล็กยาวตัดด้านหนึ่งไว้ข้อด้านหน้าเจาะรู ๗ รูเรียงลำดับสำหรับ ปิดเปิดบังคับเสียงด้านหลังเจาะ๑รูเรียกว่า“รูนิ้วค้ำ” ด้านล่างเจาะอีก๒รูสำหรับร้อยเชือก เหนือรูปิดเปิด เจาะเป็นช่องเรียกว่า “รูปากนกแก้ว”สำหรับลมที่หักเหออกมาใช้ไม้สักอุดที่หัวไม้ลวกเกือบเต็ม บากเป็นช่องเล็กน้อยสำหรับเป่าเรียกว่า“ดากขลุ่ย” บากภายในให้เป็นที่หักเหของลมรองลงมาจากรูปากนกแก้ว เจาะอีกหนึ่งรูเรียกว่า“รูเยื้อ”เพื่อปิดด้วยเยื้อหัวหอมจะมีเสียงสั่นขึ้น เมื่อเรียบร้อยแล้วจะนำไปทำลวดลาย โดยการใช้ตะกั่วหลอมเหลมให้แดงแล้วนำมาลาดลงที่ผิวขลุ่ยสีดำจะขึ้นเป็นลายที่สวยงาม
เครื่องดนตรีไทยประเภทเป่า ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเครื่องดนตรีที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างช้านาน เครื่องดนตรีประเภทเป่าถือว่ามีเอกลักษณ์ตรงเรื่องของการดัดแปลง สามารถทำให้สนุกก็ทำได้ สามารถทำให้เศร้าก็ทำได้ เล่นคนเดียวก็ได้ เล่นเป็นวงก็ทำได้เหมือนกัน หรือจะร่วมกับเครื่องดนตรีอื่นก็ทำได้เช่นกัน เราคงรู้จักขลุ่ยกันดีอยู่แล้ว แต่มีอย่างอื่นไหม
เครื่องดนตรีแบบเป่าแบ่งไม่เหมือนใคร
เครื่องดนตรีมีการแบ่งแตกต่างกันไป บ้างก็แบ่งตามวัสดุที่ทำ แต่เครื่องดนตรีแบบเป่านั้นมีการแบ่งประเภทค่อนข้างแตกต่างจากเครื่องดนตรีชนิดอื่น กล่าวคือแบ่งตามชนิดของการเป่า เครื่องดนตรีประเภทเป่านั้นจะมีสองกลุ่มด้วยกัน กลุ่มแรกเป็นเครื่องดนตรีแบบเป่าที่มีลิ้น (ลิ้นหมายถึงปุ่ม หรือ ติ่งยื่นออกมาตรงลมเป่า) อีกกลุ่มหนึ่งเป็นเครื่องดนตรีแบบเป่าที่ไม่มีลิ้น เรียกได้ว่าแบ่งได้ไม่เหมือนใครจริง
เครื่องดนตรีเป่ามีลิ้น
เครื่องดนตรีเป่าแบบมีลิ้น จัดว่าเป็นเอกลักษณ์ของดนตรีไทยเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเครื่องดนตรีประเภทนี้จะต้องมีการฝึกฝนมาพอสมควร ไม่งั้นเป่ายังไงก็ไม่ออก เครื่องดนตรีเป่ามีลิ้นมีทั้ง 9 ชนิดด้วยกัน ส่วนใหญ่จะเป็นปี่ เริ่มจาก ปี่ใน ปี่ชนิดนี้จะมีรูปร่างเป็นท่อนทรงกระบอกตรงกลางจะโป่งมากกว่า ตรงกลางจะมีลวดลาย รูปิดนิ้ว 6 รู ปี่ในส่วนใหญ่จะทำจากไม้ แต่ก็เคยมีการค้นพบปี่ในทำจากหินด้วยเหมือนกัน สองปี่นอก ปี่ชนิดนี้มีรูปร่างคล้ายปี่ในทุกประการ แต่ว่ามีขนาดเล็กกว่ามาก ปี่ชนิดนี้จะหยิบมาเล่นตอนเล่นโนราห์, ละครชาตรี เป็นต้น สามปี่กลาง ชิ้นนี้จะอยู่ตรงกลางระหว่างปี่นอกและปี่ใน ระดับเสียงก็ทำให้อยู่ตรงกลาง สามารถเล่นคู่กับมหรสพได้หลายรูปแบบ ปี่ชวา ปี่ชนิดนี้มองไปก็คล้ายกับปี่จากฝั่งยุโรปเหมือนกัน ปี่จะมีลักษณะเป็นแท่งยาวไล่ระดับคล้ายกับแตร ตามประวัติบอกว่ามีต้นกำเนิดมาจากชาวชวา ปี่อ้อ ปี่ชนิดนี้หายากมาก เนื่องจากทำด้วยไม้ท่อนเดียว ขนาดเล็ก มีรูทั้งหมด 7 รู จุดเด่นเป็นไม้แบนเสียบด้านท้าย นอกจากปี่ยังมีแคน เครื่องดนตรีจากชาวอีสาน แคนจะมีลักษณะไม้ไผ่มาประกบต่อกัน ตรงกลางมีเต้าเพื่อทำหน้าที่ประกบไม้ไผ่ และเป่า วิธีการเป่ามีทั้งเป่าลมออก ดูดลมเข้า
เครื่องเป่าไม่มีลิ้น
เครื่องดนตรีไทยแบบเป่าไม่มีลิ้น มักจะเป็นเครื่องดนตรีประเภท ขลุ่ย ไม่ว่าจะเป็น ขลุ่ยลิบ ขลุ่ยอู้ ขลุ่ยเพียงออ แม้ทั้งหมดจะมีลักษณะแตกต่างกัน แตกต่างกันในเรื่องของเสียงที่มีความแหลมสูงต่ำแตกต่างกันไป เราคงจะคุ้นเคยกับขลุ่ยกันเป็นอย่างดี
เป็นเครื่องเป่าอีกประเภทหนึ่งที่มีลิ้น ซึ่งนำแบบอย่างมาจากชวา เข้าใจว่าเข้ามา เมืองไทยในคราวเดียวกับกลองแขก โดยเฉพาะในการเป่าเพลง ประกอบการรำ"กริซ" ในเพลง"สะระหม่า"ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น"๑"พบว่าปี่ชวาใช้เป่าร่วมกับ กลอง ในกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคและสถลมาคร นอกจากนั้นยังพบเห็นปี่ชวาเป่า ประกอบการเล่นกระบี่-กระบอง และการชกมวย ปี่จุม เป็นเครื่องเป่าอีกชนิดหนึ่งที่มีลิ้น ที่ใช้ประกอบกับซอพื้นเมืองของล้านนาไทย ซึ่งเดิมใช้เป่าแอ่วสาวของหนุ่มชาวเหนือไปตามละแวกหมู่บ้าน เป็นเครื่องดนตรีประจำภาคเหนือ หรือล้านนา ปัจจุบันใช้เป่าร่วมสะล้อ ซึง กลองเมือง (หรือกลองโป่งโป้ง) บรรเลงเพลงที่มีสำเนียงเหนือได้อย่างไพเราะ มีชื่อเป็นนามว่า " เล่ม " 4.คลาริเนต (Clarinet) เป็นเครื่องดนตรีที่รู้จักกันแพร่หลายกว่าเครื่องอื่น ๆ ในบรรดาเครื่องลมไม้ด้วยกัน คลาริเนตเป็นเครื่องดนตรีที่ใช้ได้ในวงดนตรีเกือบทุกประเภท และเป็นเครื่องดนตรีที่ำสำคัญในวงออร์เคสตรา วงโยธวาทิต และวงแจ๊สทั้งปี่และขลุ่ย มีลักษณะเป็นนามว่า " เลา "มีวิธีเป่าที่เป็นเอกลักษณ์ คือ การเป่าด้วยการระบายลม ซึ่งให้เสียงปี่ดังยาวนานติดต่อกันตลอด
เครื่องเป่าที่มีลิ้น
ปี่ในวงการดนตรีไทยมี 9 ชนิดคือ
1. ปี่ใน ใช้เป่ากับวงปี่พาทย์ไม้แข็งคู่กับปีนอก
2. ปี่นอก ใช้เป่ากับวงปี่พาทย์ไม้แข็งคู่กับปี่ใน
3. ปี่นอกต่ำ ใช้เป่ากับวงปี่พาทย์ในสมัยหนึ่ง
4. ปี่กลาง ใช้เป่ากับการแสดงหนังใหญ่
5. ปี่ชวา ใช้เป่ากับปี่พาทย์นางหงส์ และ เครื่องสายปี่ชวา และวงปี่กลอง
6. ปี่มอญ ใช้เป่ากับวงปี่พาทย์มอญ
7. ปี่อ้อ
8. ปี่จุ่ม
9. แคน
เครื่องเป่าที่ไม่มีลิ้น
ปี่ในวงการดนตรีไทยมี 3 ชนิดคือ
1. ขลุ่ยลิบ
2. ขลุ่ยอู้
3. ขลุ่ยเพียงออ
เครื่องเป่าที่มีลิ้น
ปี่ใน
เป็นเครื่องเป่าที่มีลิ้น ผสมอยู่ในวงปี่พาทย์มา แต่โบราณ ที่เรียกว่า "ปี่ใน " ก็เพราะว่า ปี่ชนิดนี้ เทียบเสียงตรงกับระดับเสียงที่เรียกว่า " เสียงใน " ซึ่งเป็นระดับเสียงที่วงปี่พาทย์ไม้แข็ง บรรเลงเป็นพื้นฐาน ตัวเลา ทำด้วยไม้ชิงชัน หรือไม้พยุง กลึงให้ป่องกลาง และบานปลายทั้งสองข้าง ภายในเจาะเป็นรูกลวงตลอดหัวท้าย มีรูสำหรับเปิดปิดนิ้ว 6รู โดยให้ 4 รูบนเรียงลำดับเท่ากัน เว้นห่างพอควรจึงเจาะอีก 2 รู ระหว่างช่องตอนกลางของแต่ละรู จะกรีดเป็นเส้น ประมาณ 3เส้นเพื่อให้สวยงาม ตอนหัวและตอนท้าย ของเลาปี่จะมีวัสดุกลมแบน ทำด้วยยาง หรือไม้มาเสริม โดยเฉพาะตอนบนสำหรับสอดใส่ลิ้นปี่เรียกว่า " ทวนบน " ส่วนตอนล่างจะใช้ตะกั่วมาต่อ สำหรับลดเลื่อนเสียงเรียกว่า " ทวนล่าง " ตัวเลาปี่นอกจากจะทำด้วยไม้ แล้วยังพบปี่ซึ่งทำด้วยหิน เป็นของเก่าแต่โบราณ
ปี่นอก
มีขนาดเล็กสุด ใช้เป่าในวงปี่พาทย์ชาตรี ในการเล่นโนราห์ หนังลุง และละครชาตรี ต่อมาได้เข้ามาบรรเลงผสมในวงปี่พาทย์ไม้แข็งเครื่องคู่และ เครื่องใหญ่ โดยเป่าควบคู่ไปกับปีใน มีระดับเสียง สูงกว่าปีใน มีวิธีเป่าคล้ายคลึงกับปี่ใน
ปี่นอกต่ำ มีขนาดใหญ่กว่าปี่นอก มีเสียงต่ำกว่าปี่นอก จึง เรียกว่า " ปี่นอกต่ำ " เคยใช้เป่าในวงปี่พาทย์มอญมาสมัยหนึ่ง ในปัจจุบันมิได้พบเห็นในวงปี่พาทย์ อาจเป็นด้วยหาคนเป่าได้ยาก หรือความไม่รู้เท่า ตลอดจนความไม่ประณีตของผู้บรรเลง ที่ใช้ปี่มอญเป่าในขณะบรรเลงเพลงไทยในวงปี่พาทย์มอญ ซึ่งทำให้อรรถรสของเพลงไทยผิดเพี้ยนไป
ต่อมาเมื่อการค้นคว้าหาข้อเปรียบเทียบของปี่ทั้ง 4ชนิด พบว่าปี่นอกต่ำใช้เป่าอยู่ในวง "ตุ่มโมง " ประกอบพิธีศพของผู้มีบันดาศักดิ์ทางภาคพื้นอีสานใต้มาแต่เดิม และในการเล่นโนราห์ชาตรีของชาวภาคใต้ในปัจจุบัน พบว่าได้ใช้ปี่นอกต่ำเป่ากันเป็นพื้นฐาน
ปี่กลาง
เป็นปี่ที่มีสัดส่วนและเสียงอยู่กลางระหว่างปี่นอกกับปี่ใน จึงเรียกปี่ชนิดนี้ว่า " ปี่กลาง"ใช้เป่าประกอบการเล่นหนังใหญ่มาแต่โบราณ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดให้เกิดเสียง " ทางกลาง "ขึ้น ปัจจุบันไม่ใคร่ได้พบเห็น มีวิธีการเป่าเช่นเดียวกับปี่นอกและปี่ใน เพียงแต่ผิด กันที่นิ้วและระดับเสียง
ปี่ชวา
เป็นเครื่องเป่าอีกประเภทหนึ่งที่มีลิ้น ซึ่งนำแบบอย่างมาจากชวา เข้าใจว่าเข้ามา เมืองไทยในคราวเดียวกับกลองแขก โดยเฉพาะในการเป่าเพลงประกอบการรำ " กริช "ในเพลง " สะระหม่า" ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น " ๑ " พบว่าปี่ชวาใช้เป่าร่วมกับกลองในกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคและสถลมาคร นอกจากนั้นยังพบเห็นปี่ชวาเป่าประกอบการเล่นกระบี่-กระบอง และการชกมวย
ปี่อ้อ
เป็นปี่ของไทยที่เก่าแก่อย่างหนึ่ง ตัวเลาทำด้วยไม้ลวกปล้องเดียว ไม่มีข้อ เขียนลวดลายด้วยการใช้ไฟลน หัวและท้ายเลี่ยมด้วยทองเหลือง หรือเงิน ด้านหน้าเจาะรูสำหรับปิดเปิดนิ้วบังคับเสียง 7 รู และด้านหลังเป็นรูนิ้วค้ำ 1 รู ลิ้นปี่นั้นทำด้วยไม้อ้อลำเล็กๆ เหลาให้บาง ไว้ทางหนึ่งกลม พันด้วยด้ายเพื่อให้กระชับพอที่จะเสียบเข้าไปในเลาปี่ อีกทางหนึ่งผ่าเจียนเป็น 2 ซีก ปลายมน ตัดไม้แบนเข้าแนบประกบ
ปี่จุ่ม
เป็นเครื่องเป่าอีกชนิดหนึ่งที่มีลิ้น ที่ใช้ประกอบกับซอพื้นเมืองของล้านนาไทย ซึ่งเดิมใช้เป่าแอ่วสาวของหนุ่มชาวเหนือไปตามละแวกหมู่บ้าน เป็นเครื่องดนตรีประจำภาคเหนือ หรือล้านนา ปัจจุบันใช้เป่าร่วมสะล้อ ซึง กลองเมือง (หรือกลองโป่งโป้ง) บรรเลงเพลงที่มีสำเนียงเหนือได้อย่างไพเราะ มีชื่อเป็นนามว่า " เล่ม "
แคน
เป็นเครื่องเป่าพื้นเมืองของชาวอีสานเหนือที่ใช้ไม้ซางขนาดต่าง ๆ ประกอบกันเข้าเป็นตัวแคน แคนเป็นสัญลักษณ์ของภาคอีสาน เป็นเครื่องเป่ามีลิ้นโลหะ เสียงเกิดจากลมผ่านลิ้นโลหะไปตามลำไม้ที่เป็นลูกแคน การเป่าแคนต้องใช้ทั้งเป่าลมเข้าและดูดลมออกด้วย จึงเป่ายากพอสมควร แคนมีหลายขนาด บางขนาดมีเสียงประสานอยู่ด้วย
ปี่มอญ เป็นเครื่องเป่าในตระกูลปี่ ไทยได้แบบอย่างมาจากมอญ ปี่ชนิดนี้แบ่งเป็น 2 ท่อน ท่อนแรกเรียกว่า"ตัวเลา" ทำด้วยไม้จริง กลึงให้กลมเรียวยาว ภายในโปร่งตลอด ตอนปลายกลึงผายออกเล็กน้อย ถัดลงมากลึงเป็นลูกแก้วคั่นสำหรับผูกเชือกโยงกับตัวลำโพง ที่ตัวเลาด้านหน้าเจาะรู 7 รู เรียงตามลำดับเพื่อเปิดปิดนิ้วบังคับเสียง ด้านหลังตอนบนเจาะอีก 1 รูเป็น"รูนิ้วคำ" อีท่อนหนึ่งเรียกว่าลำโพง ทำด้วยทองเหลืองหรือสแตนเลส ลักษณะคล้ายดอกลำโพง แต่ใหญ่กว่า ปลายผายบานงุ้มขึ้น ตอนกลางและตอนปลายตีเป็นลูกแก้ว ตัวเลาปี่จะสอดใส่เข้าไปในลำโพง โดยมีเชือกเคียนเป็นทักษิณาวัฏ ในเงื่อน"สับปลาช่อน" ยึดระหว่างลูกแก้วลำโพงปี่กับลูกแก้วตอนบนของตัวเลาปี่ เพื่อไม่ให้หลุดออกจากกันง่ายๆ
มีลิ้นขลุ่ยลิบ
ขลุ่ยหลีบมีชื่อเต็มว่า ขลุ่ยหลีบเพียงออ ใช้เป่าคู่กับขลุ่ยเพียงออ มีขนาดเล็กและสั้นกว่าขลุ่ยเพียงออ ใช้ไม้รวกขนาดเล็กปล้องสั้นๆ เสียงจึงแหลมสูงกว่ขลุ่ยเพียงออ ใช้ในวงเครื่องสาย วงมโหรี วงปี่พาทย์ไม้นวม เช่นเดียวกันแต่ป็นวงเครื่องคู่ หรือ เครื่องใหญ่