นิราศภูเขาทองเป็นวรรณคดีประเภทนิราศ ได้รับการยกย่องว่าเป็นนิราศเรื่องที่ดีที่สุดของสุนทรภู่ (พ.ศ. 2329 - 2398) ท่านแต่งนิราศเรื่องนี้จากการเดินทางไปนมัสการเจดีย์ภูเขาทอง ที่กรุงเก่า (จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในปัจจุบัน) เมื่อเดือนสิบเอ็ด ปีชวด (พ.ศ. 2371) ขณะบวชเป็นพระภิกษุ
[แก้]ลักษณะคำประพันธ์
นิราศภูเขาทองแต่งด้วยกลอนนิราศ มีความคล้ายคลึงกับโคลงสุภาพ แต่เริ่มด้วย วรรครับจบ ด้วยวรรคส่งลงท้ายด้วย คำว่า เอย มีความยาวเพียง 89 คำกลอนเท่านั้น แต่มีความไพเราะ และเรียบง่าย ตามแบบฉบับของสุนทรภู่ ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย บรรยายความรู้สึกขณะเดียวกันก็เล่าถึงสภาพของเส้นทางที่กำลังเดินทางไปด้วย ท่านมักจะเปรียบเทียบชีวิตและโชคชะตาของตนกับธรรมชาติรอบข้างที่ตนได้เดินทางผ่านไป มีหลายบทที่เป็นที่รู้จักและท่องจำกันได้...
[แก้]การเดินทางในนิราศ
สุนทรภู่ล่องเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาไปกับลูกชายชื่อหนูพัด ผ่านวัดประโคนปัก บางยี่ขัน ถึงบางพลัด ผ่านตลาดแก้วตลาดขวัญในเขตจังหวัดนนทบุรี จากนั้นก็ผ่านเกาะเกร็ด ซึ่งเป็นย่านชาวมอญ เข้าสู่จังหวัดปทุมธานี หรือเมืองสามโคก แล้วเข้าเขตอยุธยา จอดเรือที่ท่าวัดพระเมรุ ค้างคืนในเรือ มีโจรแอบจะมาขโมยของในเรือ แต่ไหวตัวทัน รุ่งเช้าเป็นวันพระ ลงจากเรือเดินทางไปที่เจดีย์ภูเขาทอง ซึ่งเป็นเจดีย์ร้าง เก็บพระบรมธาตุมาไว้ในขวดแก้วตั้งใจจะนำไปนมัสการที่กรุงเทพฯ แต่เมื่อตื่นมาก็ไม่พบพระบรมธาตุ จึงได้เดินทางกลับ
จากชื่อบทความผู้อ่านคงจะพอเดาได้ว่าเกี่ยวข้องกับผลงานของท่านสุนทรภู่ บุคคลสำคัญของโลกด้านวรรณกรรม ไอดอลของนักแต่งคำประพันธ์หลาย ๆ คน โดยบทความนี้ครูพี่เจมส์จะพาทุกคนมารู้จักกับนิราศทั้ง 9 เรื่องของท่านสุนทรภู่
1. นิราศเมืองแกลง นิราศเรื่องแรกของสุนทรภู่ เล่าเรื่องการเดินทางจากพระราชวังหลังไปหาบิดาที่วัดป่า ตำบลบ้านกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เมื่อกลางเดือนเจ็ด ปี พ.ศ. 2350 โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้หลายคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับบ้านเกิดของท่านสุนทรภู่ว่าเกิดที่อำเภอแกลง แต่แท้จริงแล้วเกิดที่กรุงเทพมหานคร
2. นิราศพระบาท เล่าเรื่องการตามเสด็จพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ไปนมัสการพระพุทธบาทที่สระบุรี ตอนปลายปี พ.ศ.2350 โดยพายเรือไปเอง ขึ้นตามลำน้ำเจ้าพระยา ขึ้นบกที่ท่าเรือแล้วเดินทางต่อโดยใช้ช้างเป็นพาหนะจนถึงพระพุทธบาท พักอยู่ 4 วันก็เสด็จกลับกรุงเทพฯ โดยขบวนเรือเสด็จล่องลงมาตลอดทาง จนถึงวัดระฆังใช้เวลาเดินทางวันครึ่ง