ฝุ่นPM 2.5 ภัยร้ายใกล้ตัวเรา
ช่วงนี้อากาศบ้านเราเต็มไปด้วยฝุ่นมลพิษ PM 2.5 โดยมีค่ามลภาวะทางอากาศสูงมากติดอันดับต้นๆ ของโลก ฝุ่น PM 2.5 หลายคนคงคุ้นชื่อ แต่ทราบหรือไม่ว่าฝุ่นมลพิษนี้ทำร้ายร่างกายเราอย่างไรบ้าง?
วันนี้หมอจะมาพูดถึงเจ้าฝุ่น PM2.5 นี้คืออะไร มีผลเสียต่อร่างกายและผิวหนังอย่างไรบ้าง และเราจะป้องกันได้อย่างไร
ฝุ่น PM 2.5 คืออะไร?
คือฝุ่นละอองในอากาศที่มีขนาดอนุภาคเล็กมากๆ (ขนาดเล็กกว่า2.5ไมครอน หรือไมโครเมตร)
(PM ย่อมาจาก Particulate Matters)
ด้วยขนาดที่เล็กมากๆ เราจึงมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ถ้าฝุ่นนี้มีปริมาณสูงมากๆ ในอากาศ จะดูคล้ายกับมีหมอกหรือควัน
สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการเผาไหม้จากท่อไอเสียของเครื่องยนต์ ควันบุหรี่ การเผาขยะ เผาหญ้า เผาเชื้อเพลิงที่ใช้ในโรงงาน เป็นต้น
ฝุ่น PM 2.5นี้ยังสามารถรวมตัวกับสารมลพิษ เช่นสารไฮโดรคาร์บอน และโลหะหนัก
และด้วยขนาดที่เล็กมากจึงสามารถลอดผ่านการกรองของขนจมูก ไปยังหลอดลม และลงลึกจนถึงถุงลมปอดและซึมเข้าสู่กระแสเลือด และทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย
ฝุ่น PM 2.5 มีผลเสียต่อร่างกายอย่างไรบ้าง?
ในวันที่อากาศไม่ดี มีค่าฝุ่นมลพิษสูง หลายคนคงรู้สึกแสบตา แสบจมูก เจ็บคอ
- ระบบที่มีผลกระทบมาก คือระบบทางเดินหายใจ เมื่อหายใจเอาฝุ่น PM2.5เข้าไป จะรู้สึกแสบจมูก ไม่สบาย ไอและมีเสมหะได้ ในคนไข้ที่มีโรคประจำตัว เช่นโรคภูมิแพ้,โรคปอด (เช่น หอบหืด, ถุงลมโป่งพอง) ต้องระวังสุขภาพเป็นพิเศษ เนื่องจากฝุ่นนี้จะทำให้โรคกำเริบได้ง่าย
- ในระยะยาวมีผลทำให้เกิดโรคมะเร็งปอดและ โรคระบบหัวใจและหลอดเลือดได้
นอกจากนี้ยังทำลายผิวของเราได้ด้วย
ผิวหนังเป็นอวัยวะที่ห่อหุ้มร่างกาย จึงหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญฝุ่นมลพิษได้ยาก
ฝุ่น PM 2.5 มีผลเสีย หรืออันตรายต่อผิวอย่างไรบ้าง?
เนื่องจากฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กมากๆ เล็กกว่าขนาดของรูขุมขน จึงสามารถซึมผ่านเข้าผิวหนัง
- ทำให้เกิดผื่นผิวหนังอักเสบ มีอาการแดงคัน ระคายเคืองผิว โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย โรคภูมิแพ้ผิวหนัง จะมีผื่นกำเริบได้ง่าย
- ผิวหน้ามันขึ้น น้ำมันบนหน้าและฝุ่นจะทำให้เกิดการอุดตันของผิว และก่อให้เกิดสิว
- กระตุ้นการเกิดอนุมูลอิสระที่จะทำลายผิว ทำให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย และจุดด่างดำ
เมื่ออากาศที่เราจำเป็นต้องสูดหายใจเข้าไปทุกวันๆนั้นเต็มไปด้วยฝุ่นมลพิษทำลายร่างกาย
เราจะป้องกัน และดูแลตนเองอย่างไรดี?
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรอยู่ในบ้านหรือในอาคารที่มีเครื่องฟอกอากาศชนิดที่มีHEPA filter
- เมื่อจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ควรสวมใส่หน้ากากชนิดที่สามารถกันฝุ่นPM2.5ได้ และใส่ให้ถูกวิธี
- รักษาสุขภาพให้แข็งแรง โดยการพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย ทานอาหารให้ครบ5หมู่ ทานผลไม้หรือวิตามินที่สารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) เช่นวิตามินซี ดื่มน้ำสะอาดเพื่อช่วยในการขับสารพิษจากร่างกาย
การดูแลปกป้องผิวหนังจากฝุ่น PM 2.5 ทำได้อย่างไร?
- ควรทำความสะอาดผิว/ล้างหน้าให้สะอาดทันที ภายหลังจากต้องสัมผัสกับฝุ่นมลพิษ
- ใส่เสื้อผ้าแขนยาว เพื่อปกป้องผิวไม่ให้ระคายเคือง และลดการเห่อของผื่น
- ทาครีมบำรุงผิว เพื่อให้ความชุ่มชื้นและทำให้เกราะป้องกันของผิวแข็งแรงขึ้น
หากป้องกันผิวดีแล้ว แต่ยังเกิดปัญหาผิวหนัง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะคะ
นอกจากนี้พวกเราควรช่วยกันลดการสร้างฝุ่นมลพิษนี้
- โดยการพยายามลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว ใช้ขนส่งสาธารณะแทน หรือหากจำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัว ก็พยายามเดินทางพร้อมๆ กันหลายๆคน
- ลดการเผาขยะ/กระดาษ/หญ้า, สูบบุหรี่
- ช่วยกันปลูกต้นไม้เพื่อช่วยดูดซับฝุ่นมลพิษ
#PM 2.5 อันตรายกว่าที่คิด ใส่ใจกันสักนิด เพื่อชีวิตและผิวสวยของเรา
อย่าลืมป้องกัน และช่วยกันลดฝุ่น PM 2.5 นะคะ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ศูนย์ความงามและศัลยกรรมตกแต่ง ชั้น 4
โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล ถนนแจ้งวัฒนะ (WMC)
โดย :
ภิเษก ทัศนะนาคะจิตต์
ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ชาวกรุงเทพและจังหวัดใกล้เคียงทั้งหลายต้องกลายเป็นมนุษย์ “หน้ากาก” เพราะจู่ ๆ อากาศโดยรอบกรุงเทพมหานคร จังหวัดใกล้เคียง และจังหวัดใหญ่ ๆ เช่น นครราชสีมา ก็ถูกปกคลุมด้วยหมอกสีขาวขุ่น ทำลายทัศนวิสัยในการมองเห็นระยะไกลไปมาก และยังดูคล้ายกับว่าเป็นหมอกที่เกิดจากการลดต่ำของอุณหภูมิเช่นเดียวกับตามยอดดอยต่าง ๆ ในประเทศไทย แต่หาไม่ หมอกร้ายเหล่านั้นมิได้เกิดจากการควบแน่นของไอน้ำในอากาศเพราะอุณหภูมิต่ำแต่อย่างใด หากแต่เป็นการรวมพลอย่างมหาศาลของสิ่งเล็กจิ๋วที่มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ในสภาวะปกติ เพราะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเป็น 1 ใน 25 ของเส้นผ่านศูนย์กลางเส้นผมมนุษย์ และทั่วโลกได้ขนานนามกองทัพปีศาจร้ายเหล่านี้ว่า “PM 2.5”
ภาพฝุ่นละอองในอากาศพื้นที่เขตกรุงเทพมหานคร
ที่มา อธิพันธ์ ขันทะลี
PM 2.5 มีอีกชื่อหนึ่งว่า Fine Particle Matter, Particulate matter (ส่วนเลข 2.5 เป็นเลขระบุขนาด) หรือ ฝุ่นละอองขนาดเล็กจิ๋ว ซึ่งก็จิ๋วสมชื่อจริง ๆ เพราะฝุ่นละอองเหล่านี้เล็กจนต้องใช้หน่วยทางฟิสิกส์ว่า ไมครอน เพื่อบอกขนาดตัวของพวกมัน ฝุ่นละอองเหล่านี้ถูกนับว่าเป็นมลพิษในอากาศซึ่งสามารถส่งผลต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ได้หากพวกมันมีปริมาณที่มากพอ ซึ่งนอกจากจะมีผลร้ายต่อสุขภาพโดยตรงแล้วยังส่งผลถึงความปลอดภัยในชีวิตประจำวันด้วยเพราะฝุ่นละอองขนาดเล็กจิ๋วเหล่านี้เมื่อเกิดการสะสมรวมกันมากเข้าในบริเวณไหนก็ตามก็จะทำให้บริเวณนั้นมีลักษณะเหมือนมีหมอกมาปกคลุมทั่วทั้งบริเวณซึ่งก็จะส่งผลทำให้ไปลดทัศนวิสัยในการมองเห็นของมนุษย์และอาจเป็นอันตรายอย่างมากเมื่ออยู่บนท้องถนน โดยเจ้าฝุ่นละอองพวกนี้จะชอบมาในช่วงที่ลมสงบ อย่างเช่น ในฤดูหนาว (ไม่มีลมช่วยพัดฝุ่นให้กระจายออกไปจากพื้นที่)
ถ้า PM 2.5 มีขนาดเล็กมากแล้วจะส่งผลร้ายต่อสุขภาพได้อย่างไร?
ในเมื่อฝุ่นละอองเล็กจิ๋วพวกนี้มันเล็กมาก ๆ มันจึงสามารถส่งผลร้ายต่อร่างกายของเราได้อย่างแน่นอน ในทางกายภาพแล้วร่างกายมนุษย์มีความสามารถในการกรองฝุ่นได้ในระดับดีทีเดียวโดยการใช้ขนจมูกและน้ำมูกเพื่อดักจับสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ก่อนที่จะเข้าสู่ร่างกาย แต่ PM 2.5 นั้นเล็กเกินกว่าที่กลไกทางกายภาพนี้จะสามารถดักจับไว้ได้ พวกมันจึงทะลุผ่านระบบทางเดินหายใจและเข้าสู่ปอดจนอาจลามเข้าสู่กระแสเลือดได้อีกด้วย และไม่เพียงแต่เป็นปัญหากับระบบทางเดินหายใจเท่านั้น เจ้าฝุ่นจิ๋วนี้ถ้าเราสัมผัสกับมันมากเข้าก็จะส่งผลให้เกิดอาการระคายเคืองได้ เช่น ต่อดวงตา จมูก หรือลำคอ และเป็นปกติที่ร่างกายของเราจะรับมือด้วยการ ไอ จาม หรือคัดจมูก และเชื่อหรือไม่ว่าฝุ่นพวกนี้ยังทำให้เราเสี่ยงที่จะเป็นโรคภูมิแพ้และโรคหัวใจได้อีกด้วย โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาความเชื่อมโยงของการเพิ่มขึ้นของ PM 2.5 ในชีวิตประจำวันที่เราต้องสัมผัสว่าสามารถที่จะทำให้มนุษย์เป็นโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังได้ และลดประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมของปอด เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งปอดและโรคหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กจะมีผลกระทบมากเป็นพิเศษ
แล้วเจ้าฝุ่นจิ๋ววายร้ายพวกนี้มาจากไหนกัน?
ความจริงคือ มาจากมนุษย์ นี่เอง ทั้งจากภายในครัวเรือนและภายนอกครัวเรือน แหล่งกำเนิดของฝุ่นจิ๋วนอกครัวเรือนอย่างเช่น ยานพาหนะต่าง ๆ ทั้งรถยนต์ จักรยานยนต์ ที่ใช้การเผาไหม้เชื้อเพลิงเป็นแหล่งพลังงานก็จะปล่อยไอเสียออกมาซึ่งในไอเสียนั้นเองที่เป็นแหล่งกำเนิดของฝุ่นจิ๋วร้ายพวกนี้ รวมถึงการเผาสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดควันไฟ เช่น การทำไร่เลื่อนลอยที่ต้องมีการเผาหน้าดินไปเรื่อย ๆ, การเผาเพื่อทำถ่าน, หรือการเผาเพื่อทำลายเศษกิ่งไม้ใบหญ้าตามบ้านที่เป็นแค่กองไฟเล็ก ๆ แต่แหล่งกำเนิดของฝุ่นที่มาจากแหล่งธรรมชาติก็มี เช่น การระเบิดของภูเขาไฟ การเกิดไฟป่าซึ่งทั้งสองสาเหตุนี้สามารถแพร่กระจายฝุ่นจิ๋วออกไปได้หลายร้อยตารางกิโลเมตร ส่วนกิจกรรมภายในครัวเรือนที่สามารถทำให้เกิดฝุ่นจิ๋วได้คือ การประกอบอาหาร (ที่ใช้การเผาถ่าน เช่น หมูกระทะ), การสูบบุหรี่, การจุดตะเกียงน้ำมัน
วิธีที่ดีที่สุดการรับมือฝุ่นเหล่านี้คือการร่วมมือกันของทุกคน ในการลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว หันมาเดินทางโดยใช้ขนส่งสาธารณะให้มากขึ้น (รถไฟฟ้า BTS, รถไฟใต้ดิน MRT) การช่วยกันไม่ก่อกองไฟต่าง ๆ เพราะไม่เช่นนั้นเราอาจจะต้องอาศัยอยู่ในโลกที่ขุ่นมัวและทำร้ายสุขภาพด้วย PM 2.5 ไปตลอดกาล
แหล่งที่มา
Department of Health. (Feb 2018). Fine Particles (PM 2.5) Questions and Answers. Retrieved Nov 10, 2019, from //www.health.ny.gov/environmental/indoors/air/pmq_a.htm
World Health Organization. (Unknown). Ambient air pollution: Pollutants. Retrieved Nov 10, 2019, from //www.who.int/airpollution/en/
Thai PBS News. (2562, 1 ตุลาคม). "n-Breeze" แผ่นกรองนาโนเทคสู้ฝุ่น PM 2.5. สืบค้นเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2562, จาก //news.thaipbs.or.th/content/284745
หัวเรื่อง และคำสำคัญ
PM2.5, ฝุ่น, แหล่งกำเนิดฝุ่น, แหล่งกำเนิดฝุ่น PM 2.5,อันตรายจากฝุ่น
รูปแบบการนำเสนอ แบ่งตามผลผลิต สสวท.
สื่อสิ่งพิมพ์ในรูปแบบดิจิทัล
ลิขสิทธิ์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
วันที่เสร็จ
วันอาทิตย์, 10 พฤศจิกายน 2562
สาขาวิชา/กลุ่มสาระวิชา
วิทยาศาสตร์ทั่วไป
กลุ่มเป้าหมาย
นักเรียน
บุคคลทั่วไป
ดูเพิ่มเติม
คุณอาจจะสนใจ
Hits
ใครจะไปคาดคิดว่าสักวันหนึ่งสิ่งของที่ขาดตลาด โดนโก่งราคา จะไม่ใช่อาหารหรือยารักษาโรคแต่อย่างใด แต่เ ...