หน้าแรก
อารมณ์
ดนตรีบำบัด ศาสตร์แห่งการพักผ่อนสมอง
ดนตรีบำบัด (Music Therapy) การใช้กิจกรรมทางดนตรี หรือองค์ประกอบอื่นทางดนตรี มาประยุกต์ใช้ เพื่อปรับเปลี่ยน พัฒนา และคงงรักษาไว้ซึ่งสุขภาวะของร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม เสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถนำไปช่วยเหลือในผู้ป่วยโรคต่างๆ เช่น โรคซึมเศร้า โรคอัลไซเมอร์ อาการบาดเจ็บทางสมอง ความพิการและความเจ็บปวดทางร่างกาย เป็นต้น รวมถึงในคนปกติทั่วไปสำหรับใช้คลายความเครียด และการพักผ่อนสมอง
องค์ประกอบของดนตรี และประโยชน์ที่เกิดขึ้น
- จังหวะหรือลีลา (Rhythm) การจับจังหวะของดนตรีได้จะช่วยเสริมสร้างสมาธิและการเลือกฟังดนตรีจังหวะช้าถึงปานกลางจะช่วยให้สมองได้ผ่อนคลายจากความเครียด
- ระดับเสียง (Pitch) เสียงระดับต่ำและสูงปานกลางจะช่วยทำให้รู้สึกสงบ มีสติและสมาธิ
- ความดัง (Volume/Intensity) เสียงที่เบาและนุ่ม ทำให้เกิดความสงบสุข สบายใจ เสียงดังเหมาะสมช่วยให้เกิดสมาธิควบคุมสติอารมณ์ได้ แต่ในขณะที่เสียงดังมากอาจจะทำให้เกิดอาการเกร็ง หรือกล้ามเนื้อกระตุกได้
- ทำนองเพลง (Melody) ความต่อเนื่องของทำนองเพลงจะช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวล และช่วยทำให้เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
- การประสานเสียง (Harmony) ช่วยควบคุมระดับอารมณ์ให้อยู่นิ่งเมื่อได้รับฟังเสียงประสานจากบทเพลงต่างๆ
นอกจากนี้ ยังพบว่าดนตรีบำบัดยังช่วยปรับสภาพจิตใจ ให้มองโลกในเชิงบวก กระตุ้นพัฒนาการและทักษะการเรียนรู้ การสื่อสารและการใช้ภาษา การเคลื่อนไหวและความคงตัวของกล้ามเนื้อ และที่สำคัญมีส่วนช่วยเพิ่มระดับความฉลาดทางสติปัญญาและอารมณ์ รวมถึงเสริมสร้างความจำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
เอกสารอ้างอิง
-กองการแพทย์ทางเลือก(2560) ดนตรีบำบัด, งานถ่ายทอดเทคโนโลยี กองการแพทย์ทางเลือก กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
-กลุ่มดนตรีบําบัด (2554) แนวทางการใช้ดนตรีบําบัด สําหรัผู้ป่วยและผู้พิการทางกาย พ.ศ. 2554 ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
Skip to content
ดนตรีเป็นมากกว่าที่คิด
เวลาเราได้ฟังดนตรี นอกจากจะเกิดความสุนทรีย์ ความรื่นรมย์ และรู้สึกผ่อนคลายแล้ว รู้หรือไม่ว่าการทำกิจกรรมเกี่ยวกับดนตรี ไม่ว่าเป็นเป็นการฟังหรือเล่นดนตรี จะช่วยปลดปล่อยความเครียดที่ฝังอยู่ตามกล้ามเนื้อและเซลล์ประสาท ทุกวันนี้ดนตรีบำบัดได้เข้ามาช่วยคนที่มีปัญหาทางกายหรือทางใจ ทั้งในเด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่ที่ป่วยหรือมีอาการต่าง ๆ เช่น โรคซึมเศร้า อัลไซเมอร์ ความบกพร่องทางพัฒนาการ และความพิการทางร่างกาย เป็นต้น
ดนตรีช่วยเด็กสมาธิสั้นอย่างไร
โรคนี้จะมีอยู่ 3 ปัญหาหลักในเด็กที่สมาธิสั้น ปัญหาแรกคือ ซนมาก แบบอยู่นิ่งไม่ได้ วิ่งเล่นได้ทั้งวันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ปัญหาที่สองคือ สมาธิสั้น เช่น เหม่อ เรียกแล้วไม่หัน สั่งแล้วไม่ทำ ฟังคำสั่งไม่ครบ และปัญหาที่สามคือ หุนหันพลันแล่น คือ ไม่รู้จักรอคอย ตอบโต้ทันที หรือชอบพูดสวน การให้เด็กเหล่านี้ได้คลุกคลีกับดนตรีหรือเล่นดนตรีจะทำให้เด็กมีใจจดจ่ออยู่กับเสียงดนตรีที่ตนเองสร้างขึ้น โดยในช่วงแรกอาจให้เด็กลองฝึกเล่นเพลงสั้น ๆ เพียงแค่ 1 – 2 นาทีไปก่อน และเมื่อเด็กทำได้ก็ค่อย ๆ ให้ฝึกเล่นเพลงที่ยาวขึ้นหรือซับซ้อนขึ้น เด็กก็จะเกิดความภูมิใจ เมื่อฝึกเป็นประจำเด็กจะมีอารมณ์ดีขึ้น มีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้เด็กมีความเฉลียวฉลาดทางอารมณ์สูงขึ้นและเข้าสังคมได้ดีขึ้น
เด็กก้าวร้าวและซึมเศร้าก็ช่วยได้
แต่สำหรับพ่อแม่ที่เห็นวี่แววเล็ก ๆ ว่าลูกเริ่มเป็นเด็กไม่ค่อยมีสมาธิ แต่ยังไม่ถึงขนาดโรคสมาธิสั้น ควรให้ลูกฟังดนตรีที่มีเสียงมั่นคง จังหวะช้า ๆ เบา ๆ ท่วงทำนองสม่ำเสมอ และมีโทนเสียงกลางเสียงสูง สำหรับเด็กที่เริ่มก้าวร้าว ให้ฟังดนตรีที่มีโทนเสียงต่ำ หรือลองฝึกเล่นดนตรี เช่น ตีกลอง หรือเคาะจังหวะก็จะช่วยได้มาก ส่วนเด็กที่เริ่มมีอาการซึมเศร้า ให้ฟังเพลงที่มีจังหวะค่อนข้างกระตุ้น เพื่อให้รู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมาบ้าง นอกจากนี้ ยังมีวิธีสร้างสมาธิง่าย ๆ ให้กับลูกคือ เปิดเพลงเบา ๆ ให้ฟังในห้องนอนหรือในที่ที่ไม่มีเสียงรบกวนเป็นประจำก็จะช่วยทำให้ลูกมีสมาธิมากขึ้นได้
ยาและอาหารเสริมในแบบดนตรี
โดยธรรมชาติเด็กทุกคนจะรักเสียงดนตรีอยู่แล้ว ดนตรีจึงสามารถเข้ากับเด็กได้ดีโดยไม่ต้องฝืน เพราะดนตรีคือสิ่งสวยงาม ช่วยจรรโลงใจ เป็นเพื่อนยามเหงา และในบางครั้งยังใช้เป็นยาหรืออาหารเสริมเพื่อรักษาสุขภาพกายสุขภาพใจของเราได้อีกด้วย