วัตถุประสงค์ของการจัดทำ Project Feasibility Study
คือการวิเคราะห์เพื่อศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการลงทุนในโครงการนั้นๆ ว่าน่าลงทุนหรือไม่
มีกำไรเท่าไร ต้องใช้งบประมาณเท่าไร เเละจะคืนทุนเมื่อไร ออกมาเป็นข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ตัดสินใจได้
วิธีการในการจัดทำ Project Feasibility Study
คือการตั้งสมมติฐานถึงความเป็นไปได้จากการวิเคราะห์องค์ประกอบต่างๆที่เกี่ยวข้องกับโครงการนั้นๆ
องค์ประกอบของการจัดทำ Project Feasibility Studyหลักๆได้เเก่
1.การวิเคราะห์ทางด้านการตลาด
คือ การนำเครื่องมือทางการตลาดต่างๆ มาใช้ในการวิเคราะห์
เช่น Demand Supply,Market segmentation,Customer,Product,Competitor,4P,4C,
Five Forces Model
เเละอื่นๆเพื่อตั้งสมมติฐานถึงความเป็นไปได้ในด้านการเเข่งขัน
2.การวิเคราะห์ด้านรูปแบบโครงการ
เช่น การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลที่ดิน,ทำเล ,จากกฎหมายเเละพระราชบัญญัติ ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้ได้รูปแบบทางกายภาพของโครงการ เช่น
พื้นที่อาคาร,จำนวนชั้น,ลักษณะโครงสร้าง และวัสดุ ประโยชน์ใช้สอย
ในส่วนนี้วิเคราะห์เพื่อให้ได้รูปแบบทางกายภาพที่เหมาะสมเเละตรงตามความต้องการทางการตลาดมากที่สุด
3.การวิเคราะห์ทางด้านการเงิน
คือ การนำเครื่องมือทางการลงทุนต่างๆ มาใช้ในการวิเคราะห์
เช่น WACC,NPV,IRR,PV,Cash flow เเละอื่นๆเพื่อได้ทราบว่าน่าลงทุนหรือไม่
มีกำไรเท่าไร ต้องใช้งบประมาณเท่าไร เเละจะคืนทุนเมื่อไร
4.การวิเคราะห์ทางด้านงบประมาณการลงทุน
ว่าจะลงทุนเท่าไร ใช้ส่วนเจ้าของเท่าไร กู้เงินเท่าไร
ในการทำProject Feasibility
Studyควรวิเคราะห์4องค์ประกอบหลักให้ครบเเละละเอียดที่สุด
ร่วมถึงการทำ Scenario ต่างๆ ไว้เพื่อประกอบการตัดสินใจในการลงทุน
Project Feasibility Study ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ
การจัดทำประกอบด้วย
องค์ประกอบของการวิเคราะห์ 4 ด้าน
Real Estate Investment Process
ส่วนประเด็นที่สำคัญเรื่องอื่นๆนั้นจะได้กล่าวในบทความต่อไป กดดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี้
VIEW OF PLACE สถาปนิก รับศึกษาความเป็นไปได้โครงการ Feasibility study
ดูรายละเอียด การทำ Feasibility Study ได้ที่
ตัวอย่าง Project Feasibility Study
บทความ Feasibility study อัพเดท
วีดีโอ Feasibility study อัพเดท
ดู Profile ผู้วิเคราะห์ การทำ Feasibility Study ได้ที่
- //bit.ly/2wr2Gxa
- //bit.ly/2Qr2NC3
- //bit.ly/2JFTe1J
----------------------------------------
View of Place Corporation
Co.,Ltd.
Project Feasibility study
Website : //viewofplace.blogspot.com
YouTube : //www.youtube.com/nasokuthai
E-mail :
Line ID : omotonasok
Facebook:
//www.facebook.com/viewofplace
Mobile : 0804444948
การศึกษาความเป็นไปได้ Feasibility study ของโครงการนั้น เป็นขั้นตอนแรกที่สําคัญของโครงการต่างๆ เพื่อช่วยในการวิเคราะห์ และตัดสินใจการลงทุนในโครงการ ว่าการลงทุนนั้นได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ เมื่อเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
ตัวอย่างการตั้งวัตถุประสงค์การศึกษาความเป็นไปได้ โครงการก่อสร้าง
1.เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ
2.เพื่อจัดหาความต้องการทั่วไปของโครงการ ข้อมูลต่าง ๆเพื่อใช้ในประกอบการตัดสินใจลงทุน และเกณฑ์สําคัญที่ใช้ประเมินผลสําเร็จ
3. เพื่อจัดทํารายงาน คุณลักษณะสําคัญของโครงการ ค่าใช้จ่าย และผลตอบแทนที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
ตัวอย่างขอบเขตการศึกษาความเป็นไปได้
1.ศึกษาการวิเคราะห์ที่ตั้งของโครงการ
2.ศึกษาการออกแบบและประเมินมูลค่าโครงการ
3.ศึกษาการวิเคราะห์ด้านการเงินของโครงการ
4.ศึกษาการวิเคราะห์ด้านการจัดการของโครงการ
5.ศึกษาการพยากรณ์กระแสเงินสดช่วงของการก่อสร้าง
1.ศึกษาการวิเคราะห์ที่ตั้งของโครงการ
ทำเลที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ ที่เหมาะสมกับการลงทุน ทำธุรกิจต่างๆ จำนวนผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่จะกลายเป็นลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ อยู่ใกล้แหล่งสำคัญๆ อาทิเช่น โรงเรียน โรงพยาบาล นิคมอุตสาหกรรมเป็นต้น และคำอธิบายพื้นที่การใช้ที่ดิน เพราะจะสอดคล้องกับการวางผังเมือง รวมทั้งสิ่งที่จะต้องปฏิบัติให้สอดคล้องกับ กฏหมาย กฏระเบียบของท้องถิ่นชุมชนที่ตั้งโครงการ
หลังจากนั้นจึงค่อยทำตารางในการวิเคราะห์ในการเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุด
2. ศึกษาการออกแบบและประมาณการค่าก่อสร้างของโครงการ
เพื่อให้ทราบว่าต้องจัดเตรียม อุปกรณ์ เครื่องมือ ที่ดิน อาคาร รวมทั้งบุคลากรให้เพียงพอสำหรับการทำโครงการ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นต้นทุนของโครงการ การวิเคราะห์ทำให้ทราบถึงกรรมวิธีการผลิตเริ่มตั้งแต่การได้ที่ดินมาหรือปัจจัยการก่อสร้าง การเข้าสู่กระบวนการผลิตตลอดจนทำเลที่ตั้งของโครงการ อันได้แก่
1 การออกแบบสถาปัตยกรรม
2 การประมาณการค่าก่อสร้างของโครงการ เพื่อประมาณค่าใช้จ่ายในการลงทุน ดังนี้
2.1) ค่าใช้จ่ายในการเช่าที่ดิน
2.2) ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง (ให้กำหนดกรอบระยะเวลาออกแบบและก่อสร้างแล้วเสร็จ X ปี)
– ค่าออกแบบและขออนุญาติ = X บาท
– ค่าธรรมเนียมไฟฟ้า = X บาท
– ค่าธรรมเนียมประปา = X บาท
– ค่าก่อสร้างอาคารประกอบไปด้วยในงานโครงสร้าง, สถาปัตยกรรม, งานระบบประกอบอาคาร, ค่าแรงงานก่อสร้าง, ค่าใช้จ่ายทั่วไปในงานก่อสร้างและกำไรของผู้รับเหมา, ค่าภาษีมูลเพิ่ม 7% และสมทบกองทุนต่างๆ 0.96% รวมเป็นเงิน = X บาท
รวมค่าใช้จ่ายในการบริหารทั้งสิ้น = Xบาท
3.ค่าใช้จ่ายในการบริหาร
– ค่าเงินเดือน = X บาทต่อปี
– ค่านํ้าประปา ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ (Internet) = Xบาทต่อปี
– ค่าปรับปรุงและซ่อมแซม (หลังจากปีที่ 5) = X บาทต่อปี
รวมค่าใช้จ่ายในการบริหารทั้งสิ้น = X บาทต่อ
4 ประเมินรายรับของโครงการ
มีการประเมินรายรับจากโครงการในแต่ละปี ตลอดอายุของโครงการ นิยมทำเป็นค่าเฉลี่ย
3. การศึกษาก่ารวิเคราะห์ด้านการเงินของโครงการ
การวิเคราะห์ด้านการเงิน กระบวนการวิเคราะห์ผลประโยชน์และค่าใช้จ่ายในรูปตัวเงินของโครงการ เพื่อประเมินศักยภาพของโครงการว่าสามารถทำกำไรให้แก่ผู้เป็นเจ้าของโครงการหรือไม่ เพื่อการวางแผนงบการเงินตลอดการดำเนินงานของโครงการ วิเคราะห์ค่าใช้จ่ายว่าควรจะเป็นเท่าไหร่ทั้งในส่วนที่จ่ายไปแล้วและที่ตั้งงบประมาณไว้ รวมถึงทำให้เกิดความมั่นใจว่าเมื่อดำเนินโครงการไปแล้วจะไม่มีอุปสรรคทางด้านการเงินต่างๆ นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาถึงแหล่งเงินทุนและประเมินขั้นต้นว่าโครงการมีผลตอบแทนเพียงพอที่จะชำระหนี้คืนได้หรือไม่
การวิเคราะห์ด้านการเงินของโครงการ สามารถคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุนได้ 2 กลุ่มใหญ่ คือ
1. การวิเคราะห์โครงการที่ไม่คำนึงมูลค่าปัจจุบัน เช่น ระยะเวลาคืนทุน อัตราตอบแทนจากการลงทุน และจุดคุ้มทุน
2. การวิเคราะห์โครงการที่คำนึงมูลค่าปัจจุบัน เช่น มูลค่าปัจจุบันโครงการ อัตราผลตอบแทนโครงการ และอัตราผลประโยชน์ตอบแทนต่อค่าใช้จ่าย
– การวิเคราะห์หาระยะเวลาคืนทุน (Pay black period) ไม่คำนึงมูลค่าเงินปัจจุบัน เป็นการวิเคราะห์หาระยะเวลานับตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงขณะที่โครงการสามารถสร้างผลตอบแทนให้โดยรวมกันแล้วเท่ากับเงินลงทุนเริ่มต้นพอดี
–การหาอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (Rate of return on investment)
การหาอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนเป็นความสัมพันธ์ของอัตราส่วนคิดเป็นร้อยละของกำไรสุทธิแต่ละปีต่อเงินลงทุนในตอนแรกของโครงการโดยไม่รวมค่าดำเนินการและไม่คำนึงมูลค่าเงินปัจจุบัน
อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย (ARR) = กำไรสุทธิเฉลี่ยต่อปี / เงินลงทุนเฉลี่ย
– การหาจุดคุ้มทุน (Break event point)
การหาจุดคุ้มทุนเป็นการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างต้นทุนกับรายได้ โดยการกำหนดจุดที่ยอดรายได้มีค่าเท่ากับค่าใช้จ่ายพอดี เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อการขาดทุน โดยไม่คำนึงมูลค่าเงินปัจจุบัน
–การคิดมูลค่าปัจจุบันของโครงการ (Net Present value analysis, NPV)
การคิดมูลค่าปัจจุบันของโครงการเป็นการหาผลรวมของผลประโยชน์ตอบแทนสุทธิในโครงการ ซึ่งได้ทำการปรับมูลค่าของเงินตามเวลาแล้ว วิธีการนี้ใช้วัดว่าโครงการนี้สามารถให้ผลประโยชน์ตอบแทนคุ้มค่าหรือไม่ โดยทั่วไปถ้าคำนวณค่า NPV. ออกมาเป็นบวกหรือมากกว่าศูนย์ แสดงว่าโครงการนั้นน่าสนใจลงทุน แต่ถ้าค่า NPV. ออกมาเป็นลบ หรือน้อยกว่าศูนย์ แสดงว่ารายรับที่ได้มีมูลค่าน้อยกว่ารายจ่าย โครงการนั้นจะไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน ปัจจัยสำคัญอันหนึ่งที่ทำให้เงินจำนวนหนึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาเปลี่ยนไป คือ ดอกเบี้ย การวิเคราะห์การเงินโดยวิธีคำนึงถึงมูลค่าปัจจุบันจึงคำนึงจากผลกระทบของอัตราดอกเบี้ย
สูตร การหาเงินในปัจจุบัน P = เงินในปัจจุบัน, F = เงินในอนาคต, i = ดอกเบี้ย, n = จำนวนปี
- การหาอัตราผลตอบแทนภายในของโครงการ (Internal rate of return, IRR)
การหาอัตราผลตอบแทนภายในโครงการ เป็นอัตราที่แสดงถึงความสามารถของเงินลงทุนที่จะก่อให้เกิดรายได้คุ้มกับเงินที่ใช้ลงทุนเพื่อการทำโครงการนั้นพอดี โดยได้คิดลดไปเป็นมูลค่า ณ เวลาปัจจุบัน
- การหาอัตราผลประโยชน์ตอบแทนต่อค่าใช้จ่าย (Benefit/Cost ratio)
การหาอัตราผลประโยชน์ตอบแทนต่อค่าใช้จ่าย เป็นการหาอัตราส่วนระหว่างมูลค่าปัจจุบันของผลประโยชน์ตอบแทนกับมูลค่าปัจจุบันของค่าใช้จ่ายตลอดอายุของโครงการ ควรเลือกโครงการที่ค่าB/C มากกว่า 1 ซึ่งหมายความว่าผลประโยชน์ที่ได้จากโครงการนั้นมีค่ามากกว่าค่าใช้จ่ายที่เสียไป
B/C = PV Benefits / PV Costs
4 การวิเคราะห์ด้านการจัดการของโครงการ
มีการจัดรูปแบบโครงการและการบริหารงานอย่างเหมาะสมเป็นไปอย่างราบรื่น เพื่อให้การดำเนินงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยจัดแบ่งงานออกเป็นฝ่ายต่าง ๆ จัดเตรียมอัตรากำลังคนและอัตราค่าตอบแทนตลอดจนระบบการบริหารและควบคุมโครงการ
1 การจัดโครงสร้างองค์กร
การจัดโครงสร้างองค์กรการบริหารพื้นที่ให้เช่าควรมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนได้ เพื่อให้การทำงานในด้านต่าง ๆ สามารถบรรลุเป้าหมายขององค์กร
2.ระบบในการบริหารและควบคุมโครงการ
ชี้บ่งให้ชัดว่าโครงการให้บริการในการดำเนินธุรกิจอย่างไร มีความแตกต่างจากสินค้าที่มีอยู่อย่างไร ราคาสินค้าหรืออัตราค่าบริการ รวมถึงเงื่อนไขต่าง ๆ และกฎระเบียบข้อบังคับที่จะต้องยึดถือปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
5 การวิเคราะห์ด้านการตลาดของโครงการ
วิเคราะห์ด้านการตลาดของโครงการจากรูปแบบการดำเนินธุรกิจ โดยการหาจุดเด่นของตัวโครงการหรือธุระกิจที่กำลังศึกษา เพื่อบ่งบอกถึงสามารถในการแข่งขันกับธุรกิจที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงผู้แข่งขันรายใหม่ที่จะก้าวเข้ามา ซึ่งแต่ละประเภทธุรกิจ จะอยู่ในชั้นที่แตกต่างกัน เพื่อให้เกิดความสมดุลและสามารถสร้างความดึงดูดให้กับกลุ่มผู้บริโภคที่เข้ามาซื้อสินค้าและบริการ ตลอดจนดูอัตราการเจริญเติบโตของตลาด กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ความต้องการสินค้า และกำลังการซื้อของกลุ่มลูกค้า ช่องทางการจัดจำหน่ายของสินค้าและบริการ เช่น วิธีบอกปากต่อปาก การแจกโบรชัวร์ และประชาสัมพันธ์ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ ผู้ประกอบการร้านค้าเช่าบางรายใช้วิธีการส่งเสริมการตลาด ด้วยการจัดทำโปรโมชั่นลดราคาสินค้า เพื่อเป็นการสร้างยอดขายทำให้กลุ่มผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการได้เร็วและง่ายขึ้น เพื่อให้ธุรกิจของพื้นที่สามารถดำเนินกิจการได้อย่างยั่งยืน
ซึ่งปัจจัยความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ คือ คุณภาพการบริการ อัตราค่าสินค้าและบริการที่เหมาะสม ระบบบริหารจัดการ ทรัพยากรบุคคล และกลยุทธ์ทางการตลาด รวมถึงทำเลที่ตั้งและจริยธรรมของผู้ประกอบการ กลยุทธ์ด้านการแข่งขัน และปัจจัยแวดล้อม เป็นต้น สามารถวัดค่าปัจจัยแห่งความสำเร็จได้ โดยการแบ่งปัจจัยแห่งความสำเร็จออกเป็นด้านต่าง ๆ คือ ด้านการเงิน ด้านลูกค้า กระบวนการภายในธุรกิจ การเรียนรู้และการสร้าง นวัตกรรมใหม่ เพื่อสามารถติตตามวัดผลการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ได้ ดังนั้นปัจจัยทางการเงิน สามารถใช้วัดความสำเร็จได้จากผลกำไรที่ได้จากการดำเนินธุรกิจ สภาพคล่องของกิจการ ทั้งด้านกระแสเงินสด ความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย และผลตอบแทนจากการลงทุนที่ได้รับ รวมถึงผลตอบแทนของสินค้าคงเหลือ นอกจากนี้ปัจจัยด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ถือเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จที่ทำให้กิจการมีการเติบโตอย่างยั่งยืน สามารถวัดค่าแห่งความสำเร็จได้จากการ สร้างนวัตกรรมสินค้าของกิจการ ทั้งจากจำนวนของสินค้าใหม่ หรือการพัฒนาสินค้าเดิม ตลอดจนความรวดเร็วในการสร้างสินค้าใหม่ เป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และสิ่งที่มองข้ามไปไม่ได้คือในเรื่องของความซื่อสัตย์ในการดำเนินธุรกิจ เพราะถือเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จในการประกอบธุรกิจในระยะยาว
6.ศึกษาการพยากรณ์กระแสเงินสดช่วงของการก่อสร้าง
การบริหารการเงิน : การก่อสร้างมักเกี่ยวข้องกับการทำงานที่ซับซ้อน โดยประสานกับเงินจำนวนมากจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการทางการเงินอย่างรอบคอบ ในการศึกษานี้จะศึกษาการพยากรณ์กระแสเงินสดขณะก่อสร้างร้าน เพื่อให้ทราบถึงค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเพื่อเตียมการให้โครงการก่อสร้างมีความราบรื่นและประสบความสำเร็จ
การพยากรณ์กระแสเงินสดช่วงของการก่อสร้าง
รายงานทางการเงินแสดงปริมาณการกระแสเงินสดที่ไหลเข้าและไหลออก เป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าว่าจะมีเงินสดขาดแคลนหรือมีเงินสดเหลืออยู่ในช่วงเวลาหนึ่งๆกระบวนการในการเตรียมการเพื่อจัดทำกระแสเงินสดของการก่อสร้างโครงการ มีข้อมูลเบื้องต้นดังนี้
- งบประมาณประมาณทั้งหมด x บาท
- ระยะเวลา x เดือน
- ตั้งเบิกจ่ายทุก x เดือน
- เงินประกันผลงาน 5%
- กำไร 10%
- จ่ายเงินงวดหลังตั้งเบิก x เดือน
- ระยะเวลาประกัน x เดือน
บทความที่น่าสนใจ ทำธุรกิจให้ยั่งยืน เทคนิควิธีคิดการทำงานแบบนักธุรกิจมืออาชีพ , ส่องพม่า กระแสพม่า Fever เขตเศรษฐกิจพิเศษพม่า
คลิป //www.youtube.com/watch?v=-evN8YoIS8E&t=81s