�س��Ҵ�ҹ��ó��Ż�
��ó��Ż� �繤س���ѵԷ������ҹ��оѹ����� ����ŻТͧ������º���§��觾Ԩ�óҨҡ��觵�ҧ� ���仹��
1. ����������� ��ͺ��Ӥ����Դ㹡����.
2.�Թ��ҡ�� ������ҧ������Ẻ ���
2.1 ����ǵ�����ʺ��ó��ԧ
2.2�������������� ��
- ������ػ�� �繡�����ҧ�Ҿ������¡�����º��º
-������ػ�ѡɳ� �繡�����º��º�¹��
- �����͵Ծ��� �繡�á�����Թ��ԧ ���������繤س���
��ҹ���������Ӥѭ
- ������Ǿ��� �繡�á������§��ǹ���ǹ˹�� ����
�������¤�ͺ�����ء��ǹ
- ����ù����� ���Ҿ���������¡�������˹������
��᷹
-�ؤ�Ҹ�ɰҹ ���Ҿ�������������觵�ҧ�������ҡѻ��
�����ҡ������������
-��Ծ��� �繡����ӷ���դ������µç�ѹ��������
��������ҧ���ͧ�ͧ
- �ѷ���� ���Ҿ���������¹���§�����ҵ�
วรรณศิลป์ มีความหมาย ตามพจนานุกรรมฉบับบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ว่า "ศิลปะในการแต่งหนังสือ,ศิลปะทางวรรณกรรม,วรรณกรรมที่ถึงขั้นวรรณคดี,หนังสือที่ได้รับการยกย่องว่าแต่งดี
จากความหมายนี้ การพิจารณาคุณค่าด้านวรรณศิลป์ต้องศึกษาตั้งแต่การเลือกชนิดคำประพันธ์ให้เหมาะสมกับประเภทของงานเขียน การรู้จักตกแต่งถ้อยคำให้ไพเราะสละสลวยอันเป็นลักษณะเฉพาะของภาษากวี และทำให้ผู้อ่านเกิดความสะเทือนอารมณ์ ภาษากวีเพื่อสร้างความงดงามไพเราะแก่บทร้อยแก้วหรือร้อยกรองนั้น มีหลักสำคัญที่เกี่ยวข้องกัน 3 ด้าน ดังนี้
การสรรคำ
การสรรคำ คือการเลือกใช้คำให้สื่อความคิด ความเข้าใจ ความรู้สึก และอารมณ์ได้อย่างงดงาม โดยคำนึงถึงความงามด้านเสียง โวหาร และรูปแบบคำประพันธ์ การสรรคำทำได้ดังนี้
- การเลือกคำให้เหมาะแก่เนื้อเรื่องและฐานะของบุคคลในเรื่อง
- การใช้คำให้ถูกต้องตรงตามความหมาย
- การเลือกใช้คำพ้องเสียง คำซ้ำ
- การเลือกใช้คำโดยคำนึงถึงเสียงสัมผัส
- การเลือกใช้คำเลียนเสียงธรรมชาติ
- การเลือกใช้คำไวพจน์ได้ถูกต้องตรงตามความหมาย
การเรียบเรียงคำ
การเรียบเรียงคำ คือการจัดวางคำที่เลือกสรรแล้วให้มาเรียงร้อยกันอย่างต่อเนื่องตามจังหวะ ตามโครงสร้างภาษา หรือตามฉันทลักษณ์ ซึ่งมีหลายวิธีเช่น
- จัดลำดับความคิดหรือถ้อยคำจากสิ่งสำคัญจากน้อยไปมาก จนถึงสิ่งสำคัญสูงสุดอันเป็นจุดสุดขั้น
- จัดลำดับความคิดหรือถ้อยคำจากสิ่งสำคัญน้อยไปหามาก แล้วหักมุมความคิดผู้อ่าน
- จัดลำดับคำให้เป็นคำถามแต่ไม่ต้องการคำตอบหรือมีคำตอบอยู่ในตัวคำถามแล้ว
- เรียงถ้อยคำเพื่อให้ผู้อ่านแปลความหมายไปในทางตรงข้ามเพื่อเจตนาเยาะเย้ย ถากถาง
- เรียงคำวลี ประโยค ที่มีความสำคัญเท่าๆกัน เคียงขนานกันไป
การใช้โวหาร
การใช้โวหาร คือการใช้ถ้อยคำเพื่อให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพเรียกว่า "ภาพพจน์" ซึ่งมีหลายวิธีที่ควรรู้จัก ได้แก่
- อุปมา คือ การเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งว่าเหมือนกับสิ่งหนึ่งโดยมีคำเปรียบปรากฏอยู่ด้วย คำเปรียบเทียบเหล่านี้ได้แก่ เหมือน เสมือน ดุจ เล่ห์ เฉก ดัง กล เพียง ราว ปูน
- อุปลักษณ์คือการเน้นความหมายว่าสิ่งหนึ่งเหมือนกับสิ่งหนึ่งมาก จนเหมือนกับเป็นสิ่งเดียวกัน โดยมีคำเปรียบ เป็น คือ เท่า ปรากฏในข้อความ
- บุคคลวัต คือ การสมมุติสิ่งต่างๆให้มีกริยาอาการ ความรู้สึกเหมือนมนุษย์
- อธิพจน์ คือการกล่าวเกินจริง เพื่อเน้นข้อความนั้นให้มีน้ำหนักยิ่งขึ้น บางครั้งอาจใช้คำกล่าวน้อยกว่าจริงเรียกว่า อวพจน์
//darawadee34.blogspot.com/2012/08/blog-post.html
คุณค่าด้านนี้ คือ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ซึ่งได้กล่าวไว้บ้างแล้ว เช่น การใช้คำ การใช้โวหารภาพพจน์ เป็นต้น สามัคคีเภทคำฉันท์สามารถสร้างอารมณ์ผู้อ่านให้เกิดความรู้สึกคล้อยตามเนื้อเรื่องได้อย่างดี เช่น
๑.๑ ทำให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์โปร่งปิติ คล้อยตามบทประณามพจน์ในตอนต้นเรื่อง เช่น
ขอน้อมคุณพระคเณศวิเศษศิลปธร
เวทางคบวร กวี
เป็นเจ้าแห่งวิทยาวราภรณศรี
สุนทรสุวาที วิธาน
๑.๒ ทำให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ชื่นชมยินดี
อำพนพระมนทิรพระราช สุนิวาสน์วโรฬาร์
อัพภันตรไพจิตรและพา หิรภาคก็พึงชม
เล่ห์เลื่อนชะลอดุสิตฐา นมหาพิมานรมย์
มารังสฤษฎิ์พิศนิยม ผิจะเทียบก็ทัน
๑.๓ สร้างอารมณ์ผู้อ่านให้เกิดอารมณ์หวาดกลัว ตื่นเต้น ตกใจ เมื่ออ่านตอนพระเจ้าอชาตศัตรู
กริ้ววัสสการพราหมณ์ เช่น
ผันพระกายกระทืบพระบาทและอึง
พระศัพทสีหนาทพึง สยองภัย
เอออุเหม่ณมึงชิช่างกระไร
ทุทาสสถุลฉะนี้ไฉน ก็มาเป็น
๑.๔ ทำให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์สงสารเห็นใจ เมื่ออ่านตอนวัสสการพราหมณ์ถูกลงพระราชอาญา
บงเนื้อก็เนื้อเต้น พิศเส้นสรีร์รัว
ทั่วร่างและทั้งตัว ก็ระริกระริวไหว
แลหลังละลามโล หิตโอ้เลอะหลั่งไป
เพ่งผาดอนาถใจ ระกะร่อยเพราะรอยหวาย
๑.๕ ทำให้เกิดอารมณ์ฮึกเหิม กล้าหาญ เช่น ตอนแคว้นมคธจัดทัพ