รหัสข้อมูล
TLD-001-237
ชื่อเรื่องหลัก
ศิลาจารึกหลักที่ 1
ชื่อเรื่องอื่น
ศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง
ยุคสมัย
ผู้แต่ง
คำประพันธ์
ร้อยแก้ว
ฉันทลักษณ์
ความเรียง
เนื้อเรื่องย่อ
บรรทัดที่ 1 - 18 เป็นเรื่องราวของพ่อขุนรามคำแหงที่ทรงเล่าพระประวัติของพระองค์เอง โดยใช้สรรพนามแทนพระองค์ว่า กู ทรงเล่าว่าพระราชบิดาทรงพระนามว่าพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ พระราชมารดาทรงพระนามว่านางเสือง ทรงมีพี่น้อง 5 พระองค์ ทรงเล่าถึงพระกรณียกิจที่ทรงชนช้างชนะขุนสามชนเจ้าเมืองฉอดที่มาตีเมืองตาก และพระจริยาวัตรที่ทรงปฏิบัติต่อพระราชบิดาและพระราชมารดาเป็นอย่างดียิ่ง เมื่อพระราชบิดาและพระราชมารดาสิ้นพระชนม์ก็ทรงปรนนิบัติต่อพ่อขุนบานเมืองพระเชษฐาธิราชเช่นเดียวกับที่ทรงปฏิบัติต่อพระราชบิดาและพระราชมารดา เมื่อพ่อขุนบานเมืองสิ้นพระชนม์ พระองค์ก็ทรงปกครองบ้านเมือง
ตั้งแต่บรรทัดที่ 19 ในด้านที่ 1 จนจบ เป็นการเล่าเรื่องเมืองสุโขทัยในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหง มีลักษณะเป็นการยอพระเกียรติโดยบุคคลอื่นเป็นผู้เล่า บรรยายถึงเมืองสุโขทัยว่ามีความอุดมสมบูรณ์ด้วยข้าวปลาอาหาร ใครอยากค้าขายสิ่งใดก็ทำได้โดยสะดวก ประชาชนมีแต่ความเกษมสำราญ พ่อขุนรามคำแหงทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยุติธรรม ทรงเอาพระทัยใส่ต่อประชาราษฎร์ด้วยพระเมตตา ทรงสร้างพระแท่นมนังคศิลาเพื่อให้พระสงฆ์แสดงธรรมเทศนาในวันพระ และเป็นที่ทรงว่าราชการในวันอื่น ทรงสร้างวัดมหาธาตุ ประชาชนมีศรัทธาในพระพุทธศาสนา รักษาศีลในช่วงเข้าพรรษา เมื่อออกพรรษาก็มีการทอดกฐิน มีการสร้างพระเจดีย์ พ่อขุนรามคำแหงทรงประดิษฐ์อักษรไทย ตอนท้ายเป็นการสรรเสริญพระเกียรติคุณของพ่อขุนรามคำแหงว่าทรงเป็นทั้งพระมหากษัตริย์และครูบาอาจารย์ผู้สั่งสอนชาวไทยให้รู้บุญรู้ธรรม เมืองสุโขทัยในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหงมีอาณาเขตกว้างขวาง
วัตถุประสงค์
ผู้เรียบเรียง
เอกสารอ้างอิง
ประชุมจารึกภาคที่ 8 จารึกสุโขทัย. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2548.
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
คำสำคัญ
ศิลาจารึก เป็นวรรณกรรมชนิดลายลักษณ์อักษรอย่างหนึ่ง อาศัยการบันทึกบนเนื้อศิลา ทั้งชนิดเป็นแผ่น และเป็นแท่ง โดยใช้โลหะแหลมขูดเนื้อศิลาให้เป็นตัวอักษร เรียกว่า จาร หรือ การจารึก ศิลาจารึกมีคุณค่าในเชิงบันทึกทางประวัติศาสตร์ ผู้จารึกหรือผู้สั่งให้มีศิลาจารึกมักจะเป็นผู้มีอำนาจ มิใช่บุคคลทั่วไป เนื้อหาที่จารึกมีความหลากหลายตามความประสงค์ของผู้จารึก เช่น บันทึกเหตุการณ์ บันทึกเรื่องราวในศาสนา บันทึกตำรับตำราการแพทย์และวรรณคดีเป็นต้น[1]
จารึกบนแท่งศิลานั้นมีความคงทนและ คงสภาพอยู่ได้นับพัน ๆ ปี ด้วยเหตุนี้ นักประวัติศาสตร์และนักภาษาศาสตร์จึงสามารถสืบสานความรู้ย้อนไปได้นับพัน ๆ ปี โดยเฉพาะความรู้ด้านอักษรและภาษา ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงเรื่อยมา
ศิลาจารึกสำคัญ ๆ อาทิ
- จารึก "สฺยํกุก" ที่ระเบียงภาพปราสาทนครวัด อันเป็นแหล่งความรู้ที่สำคัญอย่างหนึ่ง เกี่ยวกับที่มาและความหมายของคำว่า สยาม
- ศิลาโรเซตตา พบที่เมืองโรเซ็ตตา ประเทศอียิปต์ เป็นจารึก 3 ภาษา นับเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้นักภาษาศาสตร์สามารถอ่านความหมายของอักษรภาพอียิปต์โบราณได้สมบูรณ์ขึ้นอย่างมาก
ศิลาจารึกประเทศไทย[แก้]
ศิลาจารึกเก่าที่สุดที่ค้นพบในประเทศไทยเท่าที่มีหลักฐานทางศักราชปรากฏอยู่ด้วย คือ “จารึกเขาน้อย” พบที่วัดเขาน้อยสีชมพู อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว สร้างขึ้นใน พ.ศ. 1180 เขียนเป็นภาษาสันสกฤตและเขมรโดยใช้อักษรปัลลวะ[2][3]
การจัดทำศิลาจารึกในยุคกรุงสุโขทัยนับว่าค่อนข้างแพร่หลาย โดยจารึกที่ค้นพบและอ่านแล้วมีไม่น้อยกว่า 100 หลัก หลักที่สำคัญ อาทิ[4][5]
- จารึกพ่อขุนรามคำแหง (จารึกหลักที่ 1) นับเป็นศิลาจารึกภาษาไทยยุคแรก ๆ บอกเล่าเหตุการณ์ในสมัยสุโขทัย
- จารึกวัดศรีชุม (จารึกหลักที่ 2)
- จารึกนครชุม (จารึกหลักที่ 3)
- จารึกวัดป่ามะม่วง (ภาษาเขมร) (จารึกหลักที่ 4)
- จารึกวัดป่ามะม่วง (ภาษาไทย) หลักที่ 1 (จารึกหลักที่ 5)
- จารึกวัดป่ามะม่วง (ภาษาบาลี) (จารึกหลักที่ 6)
- จารึกวัดป่ามะม่วง (ภาษาไทย) หลักที่ 2 (จารึกหลักที่ 7)
- จารึกวัดเขาสุมนกูฏ (จารึกหลักที่ 8)
อ้างอิง[แก้]
- ↑ //www.sukhothai.go.th/history/hist_08.htm ศิลาจารึกจังหวัดสุโขทัย
- ↑ //www.saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book=16&chap=4&page=t16-4-infodetail04.html จารึกที่พบในประเทศไทย
- ↑ จารึกเขาน้อย //db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/62
- ↑ //www.satit.up.ac.th/BBC07/AroundTheWorld/hist/70.htm ศิราจารึกสมัยสุโขทัย
- ↑ //db.sac.or.th/inscriptions/inscribe ฐานข้อมูลจารึก ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: ศิลาจารึก |
- Funerary Stela Archived 2009-04-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
บทความเกี่ยวกับประวัติศาสตร์นี้ยังเป็นโครง
คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้โดยการเพิ่มเติมข้อมูล ดูเพิ่มที่ สถานีย่อย:ประวัติศาสตร์ |