สาระสำคัญ/ความคิดรวมยอด
ดินแดนไทยมีสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะสมกับการตั้งหลักแหล่ง ดังปรากฏจากหลักฐานสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่เกิดจากการสร้างสรรค์ของมนุษย์ จนพัฒนาเป็นชุมชน บ้านเมือง แคว้นหรือรัฐ และอาณาจักรในที่สุด
ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้
ด้านความรู้
1. อธิบายพัฒนาการแต่ละขั้น ตั้งแต่ชุมชนสู่รัฐโบราณได้
ด้านทักษะกระบวนการ
1. วิเคราะห์ความสัมพันธ์และปัจจัยที่มีผลต่อพัฒนาการจากชุมชนไปสู่รัฐโบราณได้
ด้านคุณลักษณะคุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. ใฝ่เรียนรู้
2. มุ่งมั่นในการทำงาน
3. รักความเป็นไทย
คุณลักษณะเฉพาะ
1. เห็นคุณค่าของความสัมพันธ์และพัฒนาการจากชุมชนไปสู่รัฐโบราณ
การวัดผลและประเมินผล
วิธีการ
- ตั้งคำถามนำและให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย
การทำใบงานที่ 11
- การนำเสนอหน้าชั้นเรียน
เครื่องมือวัด
- แบบประเมินการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 15
เกณฑ์การวัด
- เกณฑ์คุณภาพการประเมิน (RUBRIC SCORE)
เครื่องมือ
- คำถามนำ
- แบบประเมินการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 15
เกณฑ์การวัด
- นักเรียนตอบคำถามถูกต้องมากกว่าร้อยละ 50
- เกณฑ์คุณภาพการประเมิน(RUBRIC SCORE)
แคว้น หมายถึงกลุ่มเมืองหลายเมืองที่มารวมตัวกันอยู่ในอาณาจักรบริเวณที่มีขอบเขตค่อนข้างจะแน่นอนมีผู้คนจำนวนมากพอที่จะมีผู้นำและมีองค์กรทางการปกครองที่มีอำนาจรวมศูนย์หรือมีอำนาจเหนืออาณาบริเวณของตนและมีหน้าที่จัดการปกครองให้เกิดระเบียบและความสงบในสังคม
จากการสำรวจหลักฐานทางโบราณคดีพบบ้านเมืองหลายแห่งได้ขยายตัวเป็นแคว้น ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่12-15 ในบริเวณภาคต่างๆของไทยเช่นทวาราวดี ละโว้ บริเวณภาคกลาง หริภุญชัย บริเวณภาคเหนือตามพรลิงค์ บริเวณพักใต้เป็นต้น บริเวณภาคใต้ เป็นต้น
ตราประทับดินเผา พบที่เมืองจันเสน ตำบลตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
เมื่อชุมชนหลายๆแห่งหรือหลายหมู่บ้านมีพัฒนาการมากขึ้นมีการติดต่อสัมพันธ์กับชุมชนอื่นทำให้ชุมชนที่ตั้งอยู่บริเวณที่เป็นศูนย์กลางชุมชนการเดินทางสะดวกกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจหรือชุมชนขนาดใหญ่
เมื่อชุมชนรอบๆ เข้ามาติดต่อสัมพันธ์กันมากขึ้นชุมชนที่เป็นศูนย์กลางก็มีการเติบโตมี โครงสร้างทางสังคมเศรษฐกิจการเมืองที่ซับซ้อนมากขึ้นทำให้การแบ่งหน้าที่ในสังคมมากขึ้นเกิดชนชั้นเช่นชนชั้นปกครองนักบวชช่างฝีมือชาวนาจนกระทั่งเกิดเป็นสังคมเมืองและพัฒนาเป็นเมืองในที่สุด
ลูกปัดหินคาร์นีเสียน พบที่เมืองอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
จากหลักฐานทางโบราณคดีสันนิษฐานได้ว่าพัฒนาการของชุมชนที่จะขยายตัวเป็นบ้านเมืองจะเริ่มชัดเจนตั้งแต่พุทธศตวรรษที่7-8 โดยส่วนใหญ่จะพบมากในบริเวณที่อยู่ใกล้ทะเลและที่ราบลุ่มแม่น้ำมากกว่าที่สูงเพราะมีความอุดมสมบูรณ์กว่าเช่นบริเวณคาบสมุทรภาคใต้ที่มีเมืองที่สำคัญคือเมืองสทิงพระ จังหวัดสงขลา เมืองยะรัง จังหวัดตานี ในภาคกลางบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำท่าจีน แม่กลอง บางปะกงเจ้าพระยา ปาสัก มีเมืองอู่ทองจังหวัดสุพรรณบุรีเ มืองนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เมืองละโว้จังหวัดลพบุรี เมืองศรีมโหสถจั งหวัดปราจีนบุรี เมืองพระรถ จังหวัดชลบุรี
อย่างไรก็ตามในบริเวณที่สูงหลายแห่งก็มีการพัฒนาจากชุมชนเป็นเมืองเช่นกันถ้าชุมชนนั้นมีสภาพภูมิศาสตร์และสิ่งแวดล้อมที่พอเหมาะที่จะเอื้ออำนวยเช่นมีทรัพยากรที่มีค่าหายากเป็นที่ต้องการของชุมชนคนอื่นหรืออยู่ในเส้นทางคมนาคมที่เป็นเส้นทางหลักในการติดต่อกับหลายๆชุมชน เช่นชุมชนบ้านปราสาท ในอำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น
ในชุมชนเหล่านี้มีหลักฐานที่แสดงถึงการพัฒนาจากชุมชนเป็นบ้านเมืองหลายประการเช่นหลุมศพที่มีทั้งศพคุณธรรมดาและผู้นำซึ่งจะหันศรีษะไปคนละทางและมีข้าวของมีค่าต่างกันมากนอกจากนี้ยังมีร่องรอยของการขุดคูน้ำและคันดินล้อมรอบชุมชนซึ่งจำเป็นต้องใช้แรงงานคนจำนวนมากและจัดการแบ่งหน้าที่กันทำงานแสดงให้เห็นว่าต้องเป็นเมืองที่มีผู้คนค่อนข้างมาก
เหรียญเงินพบในอาณาจักรศรีวิชัย
โครงกระดูกมนุษย์พบที่บ้านโนนวัด อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา
ปัจจัยสำคัญอีกประการที่ทำให้เกิดการพัฒนาจากชุมชนเป็นบ้านเมืองคือการติดต่อการรับอารยธรรมจากชุมชนเป็นบ้านเมืองคือการติดต่อได้รับอารยธรรมจากต่างชาติจากหลักฐานทางโบราณคดีและหลักฐานที่เป็นบันทึกของต่างชาติแสดงให้เห็นว่าชุมชนหลายแห่งได้ติดต่อกับต่างชาติทั้งจีนอินเดียและโรมันเปอร์เซียและรับอารยธรรมจากต่างชาติโดยเฉพาะจากอินเดียมาใช้ทำให้เกิดเป็นชนชั้นการปกครองที่มีฐานะทางสังคมสูงขึ้นเช่นเป็นผู้นำที่มีความศักดิ์สิทธิ์ดุจเทพพระเจ้าทำให้ชุมชนที่นับถือศาสนาเดียวกันมีวัฒนธรรมร่วมกันมีความเป็นอันหนึ่งเดียวกันสามารถรวมกันได้โดยมีผู้ปกครองคนเดียวกัน