ดนตรีไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี from วิริยะ ทองเต็ม
กล่าวกันว่าประเทศไทยมีวัฒนธรรมที่เก่าแก่และดั่งเดิม มีคนหลากหลายสัญชาติ ลาว พม่า จีน อินเดีย
เครื่องดนตรีไทยคือ เครื่องดนตรี ที่สร้างขึ้นมาจากศิลปวัฒนธรรมไทย มีรูปแบบในความเป็นเอกลักษณ์ของไทย
ลอกเลียนแบบมาจากชนชาติอื่นๆ หรือ คล้ายกัน
เครื่องดนตรีไทยเกิดจากคนเชื้อชาติไทยเอง และได้ลอกเลียนแบบต่างๆจากคนจีนในสมัยที่ไทยที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในอาณาจักร ฉ่องหวู่ ในสมัยปัจจุบันได้มีการแลกเปลี่ยนเครื่องดนตรีกัน มีการผสมผสานจากประเทศอื่นๆที่อยู่ใกล้เคียงอีกด้วย เครื่องดนตรีไทยสมัยก่อนที่เก่าและมีชื่อเรียกกันว่า โกร่ง เกราะ กรับ ฉาบ ฉิ่ง ฆ้อง กลอง พิณเปี้ยะและขลุ่ย
ต่อมาไทยได้มีข้อตกลงปรองดองสัมพันธ์กับตะวันตกและอเมริกา ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นของเครื่องดนตรีของประเทศนั้นๆ และแบ่งออกได้เป็น 4 ยุคสมัยของไทยดังต่อไปนี้
สมัยสุโขทัย มีหลักฐานในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงหลักที่ 1 ได้บอกไว้ว่าคนไทยได้มีการเล่นเครื่องดนตรีอย่างสนุกสนานมาก และได้กล่าวไว้ว่า”ดบงคมกลอง ด้วยเสียงพาทย์ เสียงพิณ เสียงเลื้อน เสียงขับ ใครจักมักเล่น เล่น ใครจะมักหัว หัว ใครจักมักเลื้อน เลื้อน”
สมัยอยุธยา เป็นยุคที่มีการทำศึกสงครามอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งทำให้ดนตรีไทยไม่เจริญก้าวหน้า ตอนหลังยุคสมัยอยุธยา ได้มีการเพิ่มเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งนั่นก็คือ ระนาดเอก ใช้เล่นดนตรีถวายให้แก่พระมหากษัตริย์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยมีเครื่องดนตรีที่เล่นประกอบด้วย กรับ ขลุ่ย โทน ฉิ่ง ซอสามสายและกระจับปี่ ต่อมาได้นำจะเข้มาใช้เล่นแทนกระจับปีและเป็นการผสมผสานที่ดีมากกับดนตรีมอญชิ้นนี้ ทำให้ได้เสียงที่ละมุนมากๆ
สมัยธนบุรี มีเครื่องดนตรีของชาติต่างๆเข้าอย่างมากมาย มีวงดนตรีไทยให้เลือกฟังอยู่ 3 ประเภท วงเครื่องสาย วงปี่พาทย์และวงมโหรี ยุคสมัยธนบุรีได้เปลี่ยนแปลงไปไวมากและไม่มีหลักระบุว่าเป็นของกรุงธนบุรี อาจเป็นของสมัยอยุธยาก็ว่าได้
สมัยรัตนโกสินทร์จนถึงปัจจุบัน ในสมัยนี้เป็นยุคที่ยาวนานมากๆ มีกษัตริย์ทั้งหมด 9 พระองค์ และได้มีเครื่องดนตรีเข้ามาอย่างแพร่หลายได้แก่ ทัด เปิงมาง ระนาดทุ้ม ระนาดทุ้มเหล็ก ระนาดเหล็กเล็ก ฆ้องเล็ก ระนาดเอก ฆ้องชัย ฆ้องหุ่ย เครื่องปี่ประดับงาและมุก และอื่นๆอีกมากมาย
มีวงดนตรี 3 ประเภท เช่นเดียวกับสมัยอยุธยา คือ วงปี่พาทย์ วงมโหรี และวงเครื่องสาย แต่มีเครื่องดนตรีของชาติต่างๆ เข้ามาในประเทศไทยหลายชนิด ดังปรากฏในหมายกำหนดการของพระมหากษัตริย์ในสมัยนั้นว่า “ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พิณพาทย์ไทย พิณพาทย์รามัญ มโหรีไทย ฝรั่ง มโหรีญวน เขมร ผลัดเปลี่ยนกันสมโภช 2 เดือนกับ 12 วัน” ในงานสมโภชพระแก้วมรกตเป็นต้น
ประวัติดนตรีไทยในสมัยอยุธยา-ธนบุรี
ประวัติดนตรีไทยในสมัยอยุธยา
ปรากฎหลักฐานเกี่ยวกับ ดนตรีไทย ในสมัยนี้ ในกฏมลเฑียรบาล ซึ่งระบุชื่อ เครื่องดนตรีไทย เพิ่มขึ้น จากที่เคยระบุไว้ ในหลักฐานสมัยสุโขทัย จึงน่าจะเป็น เครื่องดนตรี ที่เพิ่งเกิดในสมัยนี้ ได้แก่ กระจับปี่ ขลุ่ย จะเข้ และ รำมะนา นอกจากนี้ในกฎมณเฑียรบาลสมัย สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ. 1991-2031) ปรากฎข้อห้ามตอนหนึ่งว่า "...ห้ามร้องเพลงเรือ เป่าขลุ่ย เป่าปี่ สีซอ ดีดกระจับปี่ ดีดจะเข้ ตีโทนทับ ในเขตพระราชฐาน..." ซึ่งแสดงว่าสมัยนี้ ดนตรีไทย เป็นที่นิยมกันมาก แม้ในเขตพระราชฐาน ก็มีคนไปร้องเพลงและเล่นดนตรีกันเป็นที่เอิกเกริกและเกินพอดี จนกระทั่งพระมหากษัตริย์ต้องทรงออกกฎมลเฑียรบาล ดังกล่าวขึ้นไว้เกี่ยวกับลักษณะของ วงดนตรีไทย ในสมัยนี้มีการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาขึ้นกว่าในสมัยสุโขทัย ดังนี้ คือ1. วงปี่พาทย์ ในสมัยนี้ ก็ยังคงเป็น วงปี่พาทย์เครื่องห้า เช่นเดียวกับในสมัยสุโขทัย แต่มี ระนาดเอก เพิ่มขึ้น ดังนั้น วงปี่พาทย์เครื่องห้า ในสมัยนี้ประกอบด้วย เครื่องดนตรี ดังต่อไปนี้ คือ
- ระนาดเอก
- ปี่ใน
- ฆ้องวง (ใหญ่)
- กลองทัด ตะโพน
- ฉิ่ง
- ซอสามสาย
- กระจับปี่ (แทนพิณ)
- ทับ (โทน)
- รำมะนา
- ขลุ่ย
- กรับพวง
ประวัติดนตรีไทยในสมัยธนบุรี
เนื่องจากในสมัยนี้เป็นช่วงระยะเวลาอันสั้นเพียงแค่ 15 ปี และประกอบกับเป็นสมัย แห่งการก่อร่างสร้างเมือง และการป้องกันประเทศเสียโดยมากวงดนตรีไทย ในสมัยนี้จึงไม่ปรากฎหลักฐานไว้ว่า ได้มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงขึ้น สันนิษฐานว่า ยังคงเป็นลักษณะและรูปแบบของ ดนตรีไทย ในสมัยกรุงศรีอยุธยานั่นเอง
เขียนโดย Unknown ที่22:53
ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปที่ Twitterแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest