อยากเปิดบัญชีออนไลน์ แบบไม่ต้องไปสาขา ทำอย่างไรดี?
ปัจจุบันการเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์โดยไม่ต้องไปที่สาขาธนาคารสามารถทำได้แล้วในบางธนาคารที่รองรับ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเปิดบัญชีธนาคารที่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้ามากขึ้น โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เกิดโรคระบาดเช่นนี้และบางสาขาของธนาคารก็เปิด-ปิดไม่เป็นไปตามเวลาปกติ
ในบทความนี้เราจึงจะมาแนะนำและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเปิดบัญชีแบบออนไลน์ว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง มีขั้นตอนอย่างไร และยืนยันตัวตนด้วยวิธีไหนได้บ้าง
เปิดบัญชีออนไลน์ต้องทำอย่างไรบ้าง
การเปิดบัญชีออนไลน์มี 3 กรณีหลัก ๆ ด้วยกัน ดังนี้
- เปิดบัญชีใหม่โดยที่เคยมีบัญชีเงินฝากของธนาคารนั้น ๆ และใช้ mobile banking อยู่แล้ว
หากท่านใช้บริการ mobile banking ของธนาคารนั้นอยู่แล้ว บางธนาคารจะสามารถเปิดบัญชีใหม่ผ่าน mobile banking ได้เลยทันที เพียงแค่กรอกรายละเอียดเพิ่มเติมเล็กน้อย - เปิดบัญชีใหม่โดยใช้ข้อมูลยืนยันตัวตนจากธนาคารอื่นที่เคยมีบัญชีไว้อยู่แล้ว
ปัจจุบัน ด้วยแพลตฟอร์ม National Digital ID (NDID) ประชาชนสามารถพิสูจน์และยืนยันตัวตนข้ามธนาคาร ผ่านช่องทาง digital ของธนาคารที่เคยเปิดบัญชีเงินฝากไว้แล้ว โดยใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า (facial recognition) ทำให้การเปิดบัญชีใหม่ไม่จำเป็นต้องไปที่สาขาธนาคารเพื่อยืนยันตัวตนอีกต่อไป ขอเพียงแค่เคยมีบัญชีกับธนาคารที่เข้าร่วมแพลตฟอร์ม NDID และเคยถ่ายรูปเก็บข้อมูลไว้ก็พอ ซึ่งท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมของแต่ละธนาคารได้ตามลิงก์ด้านล่าง - เปิดบัญชีใหม่โดยไม่เคยมีบัญชีธนาคารที่อื่นมาก่อน หรือมีบัญชีธนาคารอื่นแล้ว แต่ธนาคารไม่ได้อยู่ใน NDID
ในกรณีนี้ ผู้ที่ต้องการเปิดบัญชีจะต้องยืนยันตัวตนเพื่อเปิดบัญชีตามวิธีที่แต่ละธนาคารกำหนด โดยแต่ละธนาคารจะมีช่องทางการยืนยันตัวตน และเอกสารที่ใช้ในการยืนยันตัวตนแตกต่างกันไป เช่น ยืนยันตัวตนที่ร้าน 7-11 ยืนยันตัวตนที่เครื่องอัตโนมัติที่กระจายอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ หรือยืนยันตัวตนด้วยการถ่ายรูปบัตรประชาชนและพาสปอร์ตแล้วอัพโหลดใน mobile banking เป็นต้น ซึ่งท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมของแต่ละธนาคารได้ตาม ลิงก์ด้านล่าง
ไหนใครเคยจะปิดบัญชีธนาคาร แล้วได้รับคำแนะนำให้ถอนเงินออกจากบัญชีจนหมดแทนบ้าง? รู้มั้ยว่านั่นเป็นวิธีการปิดบัญชีที่ผิด ทำให้เราเสียโอกาสที่จะได้รับดอกเบี้ยที่ควรได้ และยังอาจทำให้เสียค่าธรรมเนียมธนาคารโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย
สิ่งหนึ่งที่เราอาจมองข้ามไป คือดอกเบี้ยที่เราจะต้องได้รับเมื่อได้ฝากเงินไว้กับธนาคาร
- การคำนวณดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ โดยทั่วไปจะถูกคำนวณตามจำนวนเงินคงเหลือในบัญชีเป็นรายวัน แต่จะจ่ายออกมาทีเดียวในเดือน มิ.ย. และ ธ.ค.
- นั่นก็จะหมายความว่า ถ้าเราถอนเงินออกมาก่อนถึงวันที่ธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ย ก็จะทำให้เรามองไม่เห็นในบัญชีว่าดอกเบี้ยที่ธนาคารค้างจ่ายเราอยู่เป็นจำนวนเท่าไหร่
- เมื่อเราโอนเงินในบัญชีที่ตั้งใจปิดจนเหลือ 0 แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เมื่อถึงวันที่ธนาคารจ่ายดอกเบี้ยออกมา ดอกเบี้ยนั้นก็จะยังค้างอยู่ในบัญชีธนาคารของเรา เรื่อยมาจนเมื่อบัญชีของเราไม่มีการทำรายการนานเกินไปตามที่ธนาคารกำหนด ดอกเบี้ยที่ค้างอยู่ในบัญชีธนาคารของเราก็จะถูกหักเอาไปจ่ายเป็นค่าธรรมเนียมในการรักษาบัญชี ทำให้ดอกเบี้ยออมทรัพย์ที่ควรจะเป็นของเรา กลับไปเป็นเงินของธนาคารซะอย่างนั้น
- นอกจากนี้ ถ้ามีใครโอนเงินเข้าบัญชีนี้เราโดยที่ไม่บอกให้เรารู้ก่อน เงินที่ค้างอยู่บัญชีนั้น ก็จะถูกหักเป็นค่าธรรมเนียมรักษาบัญชีไปเรื่อย ๆ อีกเช่นกันค่ะ
วิธีการที่ถูกต้องในการปิดบัญชี คือการทำเรื่องแจ้งความประสงค์ขอปิดบัญชี
- ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ว่า มีความประสงค์จะปิดบัญชีธนาคารไม่ใช่แค่ต้องการถอนเงินออกมาจนหมด
- เมื่อทำเรื่องปิดบัญชีธนาคารแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะคำนวณดอกเบี้ยค้างจ่ายตามจำนวนวันที่เราได้ฝากเงิน และคืนดอกเบี้ยส่วนนั้นมาให้เราด้วย แม้ว่าจะยังไม่ถึงกำหนดจ่ายดอกเบี้ยก็ตาม
สิ่งที่จะต้องเตรียมไปด้วยเสมอสำหรับการทำเรื่องขอปิดบัญชี
- สมุดธนาคารของบัญชีที่เราตั้งใจจะปิด
- บัตรประชาชน / สำเนาบัตรประชาชน
- อย่างไรก็ตามระเบียบและวิธีการของแต่ละธนาคารอาจแตกต่างกัน เช่น บางที่อาจเคร่งครัดหน่อย ก็ต้องเดินทางไปปิดบัญชี ณ สาขาที่ได้เปิดบัญชีเล่มนั้นเท่านั้น เป็นต้น ถ้าให้ดีก็ควรติดต่อธนาคารล่วงหน้าว่าเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการขอปิดบัญชีมีอะไรบ้าง
- แต่ที่แน่นอนก็คือ ไม่มีการใช้วิธีให้ถอนเงินออกจากบัญชีจนหมด โดยไม่ใช้เอกสารแสดงความประสงค์ปิดบัญชีอย่างแน่นอน
แนะนำให้เพื่อน ๆ ลองเช็กบัญชีธนาคารที่มีอยู่ อันไหนที่ไม่ได้ใช้ก็แนะนำให้ปิดไปบ้าง เพราะค่าธรรมเนียมการรักษาบัญชี อาจแพงกว่าดอกเบี้ยธนาคารที่ได้รับก็ได้
ผู้เขียน
FINNOMENA CHANNEL
FINNOMENA CHANNEL อีกหนึ่งช่องทางความรู้ทางการเงิน และการลงทุน จาก FINNOMENA ในรูปแบบ Video Content