เงินได้ประเภทที่ 2 คือ เงินได้พึงประเมิน ในรูปของ เงินค่าจ้างทั่วไป ค่าคอมมิชชั่น หรือค่าตอบแทนที่คุณไม่ได้อยู่ในฐานะเจ้านายลูกน้อง ที่ทำให้ผู้รับเงินมีหน้าที่ต้องเสีย ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในวงการภาษีบางครั้งก็เรียกว่า เงินได้ 40(2)1
อย่างไรก็ดี ถ้าคุณมีคู่สมรสที่จะแยกยื่นภาษีเองอยู่แล้ว คุณสามารถเลือกให้คู่สมรสนำเงินได้ประเภทนี้ของคุณไปยื่นเป็นรายได้ของเขาแทนก็ได้2
การหักค่าใช้จ่าย
เงินได้ประเภทที่ 2 จะหัก ค่าใช้จ่าย ได้วิธีเดียว คือ หักแบบเหมา 50% แต่สูงสุดไม่เกิน ฿100,0003
แต่ถ้ามีทั้งเงินได้ประเภทที่ 2 และ เงินได้ประเภทที่ 1 (เช่น เงินเดือนจากงานประจำ) ด้วย จะหักค่าใช้จ่ายได้แบบเหมาได้เพียงวิธีเดียว โดยหักค่าใช้จ่ายได้ 50% ของเงินได้ทั้ง 2 ประเภทรวมกัน แต่จะหักค่าใช้จ่ายได้สูงสุดไม่เกิน ฿100,0004
(เงินได้ประเภทที่ 1 + เงินได้ประเภทที่ 2) x 50% = ค่าใช้จ่าย แต่ไม่เกิน ฿100,000
ดังนั้น วิธีคิดง่ายๆ คือ ทันทีที่เรามีเงินได้ประเภทที่ 1 และ เงินได้ประเภทที่ 2 รวมกันเกิน ฿200,000 คุณจะหักค่าใช้จ่ายได้สูงสุดแค่ ฿100,000 เท่านั้น
ตัวอย่าง
ถ้าคุณมีเงินได้จากค่านายหน้าตลอดท้ังปี ฿360,000 เมื่อกฎหมายอนุญาตให้คุณหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 50% ได้เพียงทางเดียวเท่าน้ัน คุณจึงน่าจะหักค่าใช้จ่ายสำหรับค่านายหน้าของคุณได้
฿360,000 x 50% = ฿180,00
แต่เนื่องจากกฎหมายกำหนดเพดานให้หักค่าใช้จ่ายสำหรับค่านายหน้าได้สูงสุดเพียง ฿100,000 ดังน้ัน เราจึงหักค่าใช้จ่ายสำหรับค่านายหน้าได้
-฿180,000- ฿100,000 เท่าน้ัน
อะไรเป็นเงินได้ประเภทที่ 2 ได้บ้าง?
โดยทั่วไป เงินได้ประเภทที่ 2 จะครอบคลุมถึงรายได้ในรูปค่าตอบแทนการรับจ้างทั่วไปที่คุณไม่มีความสัมพันธ์เป็นเจ้านายลูกน้อง และไม่เข้าข่าย การประกอบวิชาชีพอิสระ เช่น
- ค่านายหน้า ค่าคอมมิชชั่น หรือค่าตอบแทนของเซลส์แมน, ตัวแทนประกันชีวิต, นักธุรกิจขายตรง, นักธุรกิจเครือข่าย และอาชีพอื่นที่คุณไม่ได้เป็นลูกจ้างหรือลูกน้อง
- ค่าตอบแทนของพริตตี้, พิธีกร, Model, MC, PG, PC ตามงานโชว์ตัวหรืองาน Event ต่างๆ
- รับงานรีวิวสินค้า หรือ Advertorial หรือ Sponsored post ในโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น Facebook, Instagram, Twitter, Youtube
- ค่าปรึกษาของผู้ที่ไม่ได้ประกอบวิชาชีพแพทย์/พยาบาล, ที่ปรึกษากฎหมาย, วิศวกร, สถาปนิก, นักบัญชี หรือนักประณีตศิลปกรรม
- ผู้ว่าจ้างหาที่อยู่ให้โดยไม่คิดค่าเช่า หรือออกเงินค่าเช่าบ้านให้ (ในกรณีที่ผู้ว่าจ้างของคุณไม่ใช่หน่วยงานราชการหรือรัฐวิสาหกิจ) ซึ่งเบื้องต้นจะคิดเป็นมูลค่า 20% ของค่าจ้างตลอดทั้งปี5
- ผู้ว่าจ้างเคลียร์ภาระหนี้สินให้คุณ
- เบี้ยประชุม ค่าสอน ค่าสอบที่หน่วยงานเอกชนจ่ายให้คุณ
- ค่าปรึกษาของผู้ประกอบวิชาชีพอิสระที่ไม่ได้คิดตามความยากง่ายและปริมาณงาน เช่น ค่าวิชาชีพทางการแพทย์/พยาบาลอื่นๆที่เหมาจ่ายเป็นรายเดือน หรือไม่เข้าข่ายการประกอบวิชาชีพอิสระ (เงินได้ประเภทที่ 6)
- ค่าจ้างการสร้างผลงานที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญา และสุดท้ายผู้ว่าจ้างจะเป็นเจ้าของสิทธิ์ขาดในงานนั้น เช่น รับจ้างเขียนคอลัมน์, แต่งเพลง, เขียน website, software ฯลฯ
- ค่าตอบแทนของผู้ประกาศข่าว โฆษก พิธีกร นักจัดรายการวิทยุ นักจัดรายการในสถานบันเทิง ผู้บรรยายหรือนักพากย์ ผู้จัดการส่วนตัวของนักแสดงสาธารณะ ผู้กำกับการแสดง ผู้จัดการทีมกีฬา ผู้ฝึกสอนนักกีฬาหรือบุคคลที่ทำหน้าที่ทำนองเดียวกัน
- เงิน ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นๆ ที่ได้รับจากผู้ว่าจ้างและเกี่ยวข้องกับการรับจ้างทั่วไป
ไม่ว่าคุณจะประกอบอาชีพอะไร มีรายได้มาจากช่องทางไหนบ้าง คุณจะต้องให้ความสำคัญกับการคำนวณและวางแผนภาษีด้วย และหากคุณไม่รู้ว่าจะต้อง คำนวณภาษี หรือ วางแผนภาษีจากตรงไหน คุณสามารถใช้บริการ iTAX application เพื่อคำนวณภาษีและวางแผนภาษีได้แม้ไม่มีความรู้เรื่องภาษีเลยก็ตาม นอกจากนี้ คุณยังสามารถ ค้นหาตัวช่วยลดหย่อนภาษี ได้อีกด้วย อยากรู้ว่ารายได้แบบเรา ลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่ คลิกเลย!!
อ้างอิง
- ^
มาตรา 40(2) ประมวลรัษฎากร
- ^
ข้อ 2.2 หน้า 2-3 คำชี้แจงกรมสรรพากร เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากสามีและภริยา (ฉบับที่ 2),www.rd.go.th
ผมได้ไปหาคำตอบเกี่ยวกับการหักภาษี ณ ที่จ่ายเวลาจ่ายค่านายหน้าให้แล้วครับสรุปง่ายตามผู้รับเงินได้ดังนี้ - บุคคลธรรมดา หักภาษีตามอัตราก้าวหน้า - นิติบุคคล หัก 3%
มักจะมีคำถามเกี่ยวกับการจ่ายค่านายหน้ามาตลอดว่าสรุปแล้วเวลาเราจ่ายค่านายหน้าควรจะหักภาษี ณ ที่จ่ายกี่% กันแน่ บางคนก็บอกว่า 3% บางคนก็บอกว่าต้อง 5% แล้วสรุปว่าสิ่งที่ถูกต้องคืออะไรกันแน่
ผมได้ไปหาคำตอบเกี่ยวกับการหักภาษี ณ ที่จ่ายเวลาจ่ายค่านายหน้าให้แล้วครับสรุปง่ายตามผู้รับเงินได้ดังนี้
– บุคคลธรรมดา หักภาษีตามอัตราก้าวหน้า
– นิติบุคคล หัก 3%สำหรับการจ่ายค่านายหน้าบุคคลธรรมดาที่หักภาษี ณ ที่จ่ายตามอัตราก้าวหน้า บางคนอาจจะบอกว่าเค้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเงินได้คนนั้นทั้งปีเท่าไหร่ จะขอหักไว้ 5% เพื่อนำส่งสรรพากรจะผิดมั้ย คำตอบคือผิดครับแต่ถ้าภาษีที่หักเอาไว้เพื่อนำส่งสรรพากรมากกว่าของจริงที่คำนวนได้ สรรพากรไม่ว่าอะไรหรอกครับเพราะสรรพากรได้ประโยชน์
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ค่านายหน้า กี่ เปอร์เซ็นต์
ค่านายหน้าหัก ณ ที่จ่ายกี่เปอร์เซ็นต์ ? ค่านายหน้า หัก ณ ที่จ่าย ตามประมวลรัษฎากร หัก ณ ที่จ่าย ค่านายหน้า ให้หัก 3 % ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ให้หัก 15% กรณีบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่มิได้อยู่ในประเทศไทย แต่ กรณีที่พนักงานบริษัท ได้รับค่านายหน้า ค่าคอม ให้รวมกับฐานเงินเดือน แล้วหักภาษีบุคคลธรรมดาในอัตราก้าวหน้าค่านายหน้า หัก ณ ที่จ่าย ยังไง
ประเทศไทยเนื่องจากค่านายหน้าเข้าลักษณะเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (2) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น เมื่อบริษัทฯจ่ายค่านายหน้าให้กับบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 15 ตามมาตรา 50 (1) วรรคสี่ และมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากรค่านายหน้า ลดหย่อนภาษี ได้ไหม
หากถามว่า ค่านายหน้าจะลงรายจ่ายในทางภาษีได้หรือไม่คำตอบคือ ได้ หากเป็นค่านายหน้าที่เกี่ยวกับธุรกิจที่ประกอบการจริง ไม่ใช่กำหนดขึ้นเอง คำถามต่อมาคือแล้วลักษณะอย่างไรจึงถือเป็นค่านายหน้า ตอบได้ง่ายๆ ชัดๆ เลยว่าก็ต้องเป็นค่า “นายหน้า” น่ะสิ !!หน่วยงานราชการหักภาษี ณ ที่จ่ายอย่างไร
แนววินิจฉัย : เมื่อส่วนราชการจ่ายเงินให้แก่ผู้รับที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใด ให้คำนวณหัก ภาษีเงินได้ไว้ ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 1 ของยอดเงินได้พึงประเมินที่จ่าย สำหรับการจ่ายเงินตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 69 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร