แนวคิดเชิงคำนวณมีองค์ประกอบที่สำคัญ 4 ส่วน ได้แก่ การแบ่งปัญหาใหญ่เป็นปัญหาย่อย (Decomposition) การพิจารณารูปแบบ (Pattern Recognition) การคิดเชิงนามธรรม (Abstraction) การออกแบบอัลกอริทึม (Algorithm) ในบทเรียนนี้จะกล่าวเพียง การแบ่งปัญหาใหญ่เป็นปัญหาย่อย (Decomposition) เท่านั้น โดยมีรายละเอียดดังนี้ ตัวอย่างการจัดเรียงเสื้อผ้าให้ง่ายที่สุด
การจัดเรียงด้วยการแบ่งกลุ่มประเภทของเสื้อผ้าเป็น 2 ประเภทหลัก ซึ่งแต่ละประเภทหลักจะแบ่งเป็นประเภทย่อย 1. แนวคิดการแยกย่อย (Decomposition) คือ การแตกปัญหาใหญ่ออกเป็นปัญหาย่อย ในที่นี้ปัญหาใหญ่ คือ การจัดเรียงเสื้อผ้าให้หาง่ายที่สุด
แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาการจัดเรียงเสื้อผ้าให้หาง่ายที่สุด
2. แนวคิดการหารูปแบบ (Pattern Recognition) คือ เข้าใจรูปแบบของปัญหา ในกรณีนี้
การจัดเรียงเสื้อผ้าให้หางายที่สุด จะมีรูปแบบ ดังนี้
1) หาวัตถุประสงค์หลักในการค้นหาเสื้อผ้า
2) แบ่งกลุ่มเสื้อผ้าตามวัตถุประสงค์หลัก
3) จัดเรียงเสื้อผ้าตำมกลุ่ม
3. แนวคิดเชิงนามธรรม (Abstraction) คือ การคิดรวบยอดปัญหาและไม่สนใจสิ่งที่
ไม่จำเป็น โดยในการจัดเรียงเสื้อผ้าให้หางายที่สุด แนวคิดหลัก คือ จะต้องหาวัตถุประสงค์หลัก
ให้ได้ก่อนเสมอ จากนั้นจึงจะทำการแบ่งกลุ่มตามวัตถุประสงค์หลัก โดยไม่สนใจสิ่งที่ไม่จำเป็น
ซึ่งในตัวอย่างนี้ สิ่งที่ไม่จำเป็น คือ ยี่ห้อและขนาด
4. แนวคิดการออกแบบขั้นตอนวิธี (Algorithm
Design) ลำดับขั้นตอนในการแก้ไขปัญหา
1) หาวัตถุประสงค์หลักในการค้นหาเสื้อผ้า โดยตัวอย่างนี้จะค้นหาจากประเภทเสื้อผ้า และสี ตามลำดับ
2) แบ่งกลุ่มเสื้อผ้า โดยแบ่งกลุ่มเสื้อผ้าเป็นกลุ่มเสื้อ และกลุ่มกางเกงหรือกระโปรง
แนวคิดเชิงคำนวณ
มีนักวิชำการได้กล่าวถึงนิยามของคำว่า แนวคิดเชิงคำนวณไว้มากมาย ดังนั้น ความหมาย
ของคำว่า แนวคิดเชิงคำนวณ ได้ถูกถ่ายทอดออกมาหลายรูปแบบ แต่สิ่งที่เหมือนกัน คือ การนา
แนวคิดเชิงคำนวณมาใช้ในการแก้ปัญหาเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ของการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ
แนวคิดเชิงคำนวณ (Computational Thinking) คือ แนวคิดในการแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่าง
เป็นระบบ เป็นกระบวนการที่มีลำดับขั้นตอนชัดเจน โดยกระบวนการแก้ปัญหาดังกล่าวนี้เป็น
กระบวนการที่ทั้งมนุษย์และคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจร่วมกันได้ ซึ่งแนวคิดเชิงคำนวณเป็นแนวคิด
สำคัญสำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ แต่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาต่าง ๆ
ในชีวิตได้เช่นกัน
แนวคิดเชิงคำนวณเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาที่มีวิธีแก้ไขที่เป็นลำดับขั้นตอนมากกว่า
เป็นการสร้างผลลัพธ์ แนวคิดลักษณะนี้ไม่เพียงนำไปใช้กับคอมพิวเตอร์ได้เท่านั้น แต่สามารถนำไป
ปรับใช้ได้กับทุกสถานการณ์ เมื่อมีกระบวนการที่เป็นลำดับขั้นตอนเกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์ สิ่งที่
เกิดขึ้นนี้เรียกว่า การเขียนโปรแกรม แต่ถ้ำกระบวนการนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากแนวคิดเชิงคำนวณแล้ว
ก็จะกลายเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทำงานช้ำและทำให้ผู้ใช้งานผิดหวังเพราะทำงานไม่ตรงตาม
ที่ต้องการ หลายคนคิดระบบขึ้นมาซึ่งใช้เวลานานในการตอบสนอง นั่นเป็นเพราะวิธีการออกแบบ
ในบางจุดไม่มีประสิทธิภาพ หรือไม่ได้สร้างการเข้าถึงข้อมูลซึ่งรู้ว่าอยู่จุดใดให้มีประสิทธิภาพ
Author: Tuemaster Admin
ทีมงานจากเว็บไซต์ติวกวดวิชาออนไลน์ที่ดีที่สุด !! สำหรับ การเรียนออนไลน์ ม.ปลาย (ม.4, ม.5, ม.6)
1. ข้อใดคือความหมายของ Algorithm 1. กระบวนการแก้ปัญหาที่สามารถเข้าใจได้ 2. การพิสูจน์ทางคณิตศาสตร์ 3. รูปแบบการเขียนโปรแกรม 4. ขั้นตอนการทำงานของโปรแกรม 2. แบบจำลองนามธรรมของคอมพิวเตอร์ คิดค้นขึ้นโดยใคร 1. ชาร์ลส์ แบบเบจ 2. แอลัน ทัวริง 3. ไลนัส ทอร์วัลด์ส 4. เซมัวร์ เครย์ 3. การคิดเชิงคำนวณ คืออะไร 1. การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 2. กระบวนการแก้ปัญหาในหลากหลายลักษณะ 3. กระบวนการคิดเชิงวิเคราะห์ 4. การย่อยปัญหาหรือระบบที่ซับซ้อนออกเป็นส่วนเล็กๆ 4. การพัฒนาแนวทางแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนอยู่ใน 4 หลักของการคิดเชิงคำนวณใด 1. Decomposition (การย่อยปัญหา) 2. Pattern Recognition (การจดจำรูปแบบ) 3. Abstraction (ความคิดด้านนามธรรม) 4. Algorithm Design (การออกแบบอัลกอริทึ่ม) 5. การมุ่งความคิดไปที่ข้อมูลสำคัญ และคัดกรองส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป เพื่อให้จดจ่อเฉพาะสิ่งที่เราต้องการจะทำอยู่ใน 4 หลักของการคิดเชิงคำนวณใด 1. Decomposition (การย่อยปัญหา) 2. Pattern Recognition (การจดจำรูปแบบ) 3. Abstraction (ความคิดด้านนามธรรม) 4. Algorithm Design (การออกแบบอัลกอริทึ่ม) 6. ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ใดเป็นหน่วยประมวลผล 1. RAM 2. ROM 3. CPU 4. DVD 7. อุปกรณ์ใดไม่ใช่หน่วยรับข้อมูล 1. คีบอร์ด 2. เมาส์ 3. ไมโครโฟน 4. RAM 8. ตัวแยกประเภทโดยทั่วไปนิยมแบ่งออกเป็นกี่ประเภท 1. 2 ประเภท 2. 3 ประเภท 3. 4 ประเภท 4. 5 ประเภท 9. ข้อใดคือองค์ประกอบหลักสำคัญของระบบการรู้จำแบบ 1. ลักษณะเด่น, การแบ่งประเภท 2. ลักษณะเด่น, ตัวแยกประเภท 3. ตัวแยกประเภท, การแบ่งประเภท 4. การแบ่งกลุ่ม, การแบ่งประเภท 10. การอนุมานหมายถึง 1. แบบจำลองความคิด - การสร้างวัตถุเสมือนจากสิ่งอื่นที่เป็นรูปธรรม หรือนามธรรม 2. การกล่าวถ้อยคำในเชิงแสดงความคิดเห็นและปรึกษา 3. การทำงานของสำเนียงทางจิตการแยกโครงสร้างบางองค์ประกอบ องค์ประกอบบางอย่างและการลบออกจากรายละเอียดอื่น ๆ 4. แนวคิดที่มีสัญญาณของชุดขององค์ประกอบ 11. ประโยชน์ของการคิดเชิงนามธรรมคืออะไร 1. ช่วยให้เข้าใจปัญหา และมองเห็นปัญหาได้ชัดเจนขึ้น 2. ทำให้เห็นรายละเอียดของสิ่งที่สนใจได้ชัดเจนทั้งหมด 3. การออกแบบชิ้นงานตรงกับสภาพจริงทุกประการ 4. ช่วยลดขั้นตอนการทำงานที่มีความซ้ำซ้อน 12. การคิดเชิงคำนวณมีประโยชน์อย่างไร 1. ช่วยให้มีทักษะการคิดเหมือนคอมพิวเตอร์ 2. แก้ปัญหาได้อย่างเป็นระบบและมีขั้นตอน 3. ตอบปัญหาโจทย์ทางคณิตศาสตร์ได้อย่างรวดเร็ว 4. จดจำข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก 13. หลักการคิดเชิงคำนวณสามารถนำไปประยุกต์ในสถานการณ์ใดได้บ้าง 1. การค้นหาสินค้าในห้างสรรพสินค้า 2. การวางแผนเปิดร้านอาหารในงานเทศกาลโรงเรียน 3. การคำนวณสถิติการทำประตูของนักกีฬาฟุตบอล 4. ถูกทุกข้อ 14. สถานการณ์ในข้อใดใช้หลักการคิดเชิงคำนวณ 1. แพทย์วิเคราะห์หาสาเหตุการป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกของผู้ป่วยในชุมชนโดยการสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้อง เพื่อหาความเกี่ยวข้อง ระหว่างสภาพแวดล้อมและการแพร่ระบาดของโรค 2. นักเรียนจดรายละเอียดทุกขั้นตอนของบทเรียนคณิตศาสตร์ที่เรียนในห้องเรียน และท่องจำเพื่อใช้ในการสอบปลายภาค 3. นักท่องเที่ยวเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่อยากไปโดยไม่ต้องวางแผนล่วงหน้า 4. ชาวนาหันมาปลูกยางพารา แทนการปลูกข้าวในพื้นที่นาทั้งหมด เนื่องจากรัฐบาลประกาศให้ ราคายางพาราดีกว่าราคาข้าว ในปีที่ผ่านมา 15. ส่วนประกอบย่อยใดไม่ถูกต้อง 1. ทวีปเป็นส่วนประกอบย่อยของโลก 2. โลกเป็นส่วนประกอบย่อยของระบบสุริยะ 3. รุ้งกินน้ำเป็นส่วนประกอบย่อยของก้อนเมฆ 4. ประตูเป็นส่วนประกอบย่อยของบ้าน 16. การเขียนโปรแกรมใช้หลักการใดของแนวคิดเชิงคำนวณ 1. การหารูปแบบ 2. การแยกส่วนประกอบและการย่อยปัญหา 3. การคิดเชิงนามธรรม 4. ถูกทุกข้อ 17. เกมอยู่ในหมวดจำลองใด 1. แบบจำลองความคิด 2. หุ่นจำลอง หรือโมเดลฟิกเยอร์ 3. แอ็กชันฟิกเยอร์ 4. แบบจำลองสามมิติ 18. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับ “ความมุ่งหมายของการอภิปราย” 1. เพื่อเสนอปัญหาหรือเรื่องบางอย่าง 2. ให้คนกลุ่มหนึ่งมาร่วมแสดงความคิดเห็น 3. ผู้ร่วมอภิปรายเสนอข้อเท็จจริง 4. การสร้างกิจกรรมทางจิต 19. การอภิปรายมีกี่ประเภท 1. 2 ประเภท 2. 3 ประเภท 3. 5 ประเภท 4. 6 ประเภท 20. ข้อใดไม่ใช่คุณสมบัติของผู้อภิปราย 1. เป็นผู้มีความสนใจหรือรู้เรื่องที่จะอภิปราย 2. เป็นผู้ที่พูดนอกเรื่องในเวลาขึ้นอภิปราย 3. ต้องพูดด้วยเหตุผล เวลาพูดอะไรออกไปก็ไม่ต้องพูดซ้ำซาก 4. รักษาเวลาของการพูดโดยเคร่งครัด 21. ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์มีกี่ขั้นตอน 1. 3 ขั้นตอน 2. 4 ขั้นตอน 3. 5 ขั้นตอน 4. 6 ขั้นตอน 22. ข้อใดเรียงลำดับขั้นตอนการวิเคราะห์ปัญหาได้ถูกต้อง 1. สิ่งที่ต้องการ => รูปแบบผลลัพธ์ => ข้อมูลนำเข้า => ตัวแปรที่ใช้ => วิธีการประมวลผล => ภาษาที่ใช้ 2. สิ่งที่ต้องการ => ข้อมูลนำเข้า => ตัวแปรที่ใช้ =>รูปแบบผลลัพธ์ => วิธีการประมวลผล => ภาษาที่ใช้ 3. สิ่งที่ต้องการ => รูปแบบผลลัพธ์ => ตัวแปรที่ใช้ => ข้อมูลนำเข้า => วิธีการประมวลผล => ภาษาที่ใช้ 4. สิ่งที่ต้องการ => รูปแบบผลลัพธ์ => ตัวแปรที่ใช้ => วิธีการประมวลผล => ข้อมูลนำเข้า => ภาษาที่ใช้ 23. ข้อใดไม่ใช่ขั้นตอนการแก้ปัญหา 1. การแจ้งปัญหาให้ผู้ดูแลตรวจสอบปรับปรุงระบบ 2. การวิเคราะห์และกำหนดรายละเอียดของปัญหา 3. การเลือกเครื่องมือและออกแบบขั้นตอนวิธีการแก้ปัญหา 4. การดำเนินการแก้ปัญหา 24. ข้อใดไม่ได้อยู่ในหลักเกณฑ์ที่ต้องดำเนินการวิเคราะห์ปัญหา 1. รูปแบบผลลัพธ์ 2. ข้อมูลนำเข้า 3. ข้อมูลนำออก 4. ตัวแปรที่ใช้ 25. การเขียน Flowchart มีความหมายตรงกับข้อใด 1. การเลือกเครื่องมือและออกแบบขั้นตอนวิธีการแก้ปัญหา 2. การดำเนินการแก้ปัญหาโดยคำพูด 3. การแสดงการทำงานของคอมพิวเตอร์ 4. การใช้รูปภาพหรือสัญลักษณ์ ที่ใช้เขียนแทนคำอธิบาย 26. ข้อใดคือการจำลองขั้นตอนวิธีการแก้ปัญหาในรูปของคำบรรยาย 1. Flowchart 2. Algorithm 3. Pseudocode 4. Refinement 27. สัญลักษณ์ที่นิยมในการเขียน Flowchat แบ่งออกเป็นกี่กลุ่ม 1. 3 กลุ่ม 2. 4 กลุ่ม 3. 6 กลุ่ม 4. 7 กลุ่ม 28. สัญลักษณ์นี้มีความหมายตรงกับข้อใด 1. การเริ่มต้น 2. การรับ – ส่งข้อมูล 3. การตัดสินใจ 4. การประมวลผล 29.