ช่วงนี้มีคนถามพี่ทุยเข้ามาเยอะเหมือนกันว่า จะสมัครกระดานเทรดคริปโตไหนดี ? เจ้าดัง ๆ อย่าง Binance กับ Bitkub ล่ะ ? อันไหนดีกว่า ? วันนี้พี่ทุยเลยจะเปรียบเทียบกันหมัดต่อหมัดว่า Binance กับ Bitkub เหมือนหรือต่างกันยังไงบ้าง ? มีข้อดี ข้อเสียอะไรบ้าง ไปฟังกัน
Binance กับ Bitkub กระดานเทรดเริ่มต้นของนักลงทุนคริปโตหลาย ๆ คน
ก้าวแรกของการเริ่มลงทุนคริปโต คือ การสมัคร Cryptocurrency Exchange หรือกระดานเทรดคริปโต สำหรับซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ในส่วนของกระดานเทรดในโลกคริปโต จะแบ่งออกหลัก ๆ เป็น 2 แบบก็คือ DEX (Decentralized exchange) จะเป็นแบบกระจายศูนย์ และ CEX (Centralized Exchange) จะเป็นแบบรวมศูนย์
หากเป็นมือใหม่ พี่ทุยแนะนำให้สมัครกระดานเทรดแบบ CEX หรือกระดานเทรดแบบรวมศูนย์ เพราะจะไม่ต่างจากกระดานเทรดหุ้นบ้านเรานัก สามารถตั้งราคาซื้อขายที่ต้องการได้ อีกทั้งหากมีปัญหาขัดข้องทางเทคนิค เช่น โอนเหรียญผิดหรือเหรียญหาย ก็จะสามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของกระดานเทรด เพื่อขอความช่วยเหลือได้ทันทีอีกด้วย
ซึ่ง 2 กระดานเทรดคริปโตเเบบรวมศูนย์ CEX ที่ได้รับความนิยมในไทย คือ Bitkub ของคนไทยและ Binance ของต่างประเทศ
ทำความรู้จักกับ Binance กระดานเทรดชื่อดังระดับโลก
Binance เป็นกระดานเทรดชั้นนำของโลก ด้วยปริมาณการซื้อขายโดยเฉลี่ย 2 พันล้านดอลลาร์ต่อวัน อีกทั้งยังมี Binance US ซึ่งเป็น Binance ที่เปิดทำการอย่างเป็นอิสระ ภายใต้กฎหมายข้อบังคับของทางสหรัฐฯ
โดย Binance มีผู้ก่อตั้งและ CEO คือ Changpeng Zhao หรือ CZ ได้เปิดตัว Binance ในปี 2017 และประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในปีต่อมาด้วยปริมาณการซื้อขายกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ กลายเป็นกระดานเทรดคริปโตแบบรวมศูนย์ (CEX) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
Binance มีเหรียญ BNB หรือ Binance Coin เป็นเหรียญที่แต่เดิมอยู่บนเครือข่าย Ethereum (ERC-21) ก่อนที่ทาง Binance จะทำเครือข่ายบล็อกเชน ที่เป็น Smart Contract ของตัวเองขึ้นมาอย่าง Binance Smart Chain (BEP2) ที่สามารถใช้เป็นค่าธรรมเนียมและส่วนลดในการทำธุรกรรมบนกระดานเทรด Binance และแพลตฟอร์มที่ทำงานบน Binance Smart chain
ทำความรู้จักกับ Bitkub กระดานเทรดชั้นนำของประเทศไทย
Bitkub เป็นกระดานเทรดแรก ๆ ของไทยที่มีผู้ก่อตั้งและ CEO คนไทยอย่างคุณท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา Bitkub ก่อตั้งในปี 2018 และในปี 2021 ก็มีผลงานโดดเด่นในการเป็น Unicorn ตัวที่ 2 ของไทย โดยนอกจากที่ทางธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ได้ส่งยานลูกอย่าง SCBX เข้าซื้อหุ้นใหญ่ของ Bitkub กว่า 51% คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 17,850 ล้านบาท
อีกทั้งทาง Bitkub ยังร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับองค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทย ทั้งในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ยานยนต์ ค้าปลีก เสื้อผ้า อาหาร บันเทิงและอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนั้นยังได้รับการรับรองจากทาง กลต. ไทยอีกด้วย
Bitkub มีเหรียญ KUB Coin และมีเครือข่ายบล็อกเชน ที่เป็น Smart Contract ของตัวเองอย่าง Bitkub Chain
อ่านเพิ่ม
- [สรุปโพสต์เดียวจบ] ทำไม SCB ตัดสินใจซื้อกิจการ Bitkub มูลค่า 17,850 ล้านบาท ?
- Bitkub จับมือกับใครบ้าง แล้วมีเเผนสู่ Metaverse อย่างไร ?
ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายของ Bitkub กับ Binance
ด้านสภาพคล่องของกระดานเทรดหรือปริมาณการซื้อขาย
- Bitkub มี Volume การซื้อขายภายใน 24 ชั่วโมง 138,790,339 ดอลลาร์ (อันดับ 63 ของโลกในด้านปริมาณการซื้อขาย)
- Binance มี Volume การซื้อขายภายใน 24 ชั่วโมง 21,887,688,108 ดอลลาร์ (อันดับ 1 ของโลกในด้านปริมาณการซื้อขาย)
วิธีการฝากเงิน Fiat เข้าไปบนแพลตฟอร์ม
Bitkub
ผู้ใช้งานจะต้องฝากเงินบาทไทย (Fiat) เข้าไปในระบบของ Bitkub ทางระบบจะเก็บเงินบาทเข้าไปในบัญชีของผู้ใช้ จากนั้น ผู้ใช้งานจึงจะสามารถซื้อขายเหรียญดิจิทัลได้ตามต้องการ
Binance
- สำหรับผู้ใช้งานในไทย จะต้องซื้อ-ขายเหรียญดิจิทัลผ่านระบบ P2P ในหมวด Funding ของ Binance พี่ทุยแนะนำให้ซื้อ Stable Coin ก่อน โดยจะต้องโอนเงินบาทนอกระบบให้ผู้ขายเงิน Stable Coin ตามสกุลเงินที่สะดวก (USDT หรือ BUSD) จากนั้นก็โอน (Transfer) จากกระเป๋า Funding เข้ากระเป๋า Spot เพื่อดำเนินการซื้อขายเหรียญต่อไป
- หากไม่อยากทำผ่าน P2P ก็จะมีอีกวิธีหนึ่งคือการโอนเงินบาทเข้าบัญชีกระดานเทรดไทยอย่าง Satang Pro ซึ่งจะเชื่อมกับทาง Binance ได้ สามารถทำตามวิธีอย่างละเอียดได้ที่นี่
ด้านความหลากหลายของเหรียญ
Bitkub มีจำนวนเหรียญทั้งหมด 56 เหรียญ และคู่เหรียญทั้งหมด 56 คู่
Binance มีจำนวนเหรียญทั้งหมด 359 เหรียญ และคู่เหรียญทั้งหมด 1,424 คู่
ด้านความสามารถการโอนไปยัง Chain อื่น ๆ
Bitkub จะต้องแปลงเป็นเหรียญดิจิทัลที่เครือข่ายบล็อกเชนของกระดานเทรดหรือกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลปลายทางยอมรับ ซึ่งอาจจะมีความยุ่งยากเล็กน้อย
Binance สามารถโอนโดยตรงไปยัง BEP20 (Binance Smart Chain) ERC20 (Ethereum) TRC20 (TRON) EOS (Enterprise Operation System) BTC (Bitcoin) และอาจจะมีอื่น ๆ อีกในอนาคต
ด้านความปลอดภัยของ Bitkub กับ Binance
ข้อได้เปรียบทางด้านฟังก์ชันระหว่าง Bitkub กับ Binance
การ Staking, Saving หรือ DeFi Staking
Binance มีข้อได้เปรียบกว่า Bitkub ที่จะมีฟังก์ชัน Staking Saving หรือ DeFi Staking ซึ่งจะเป็นฟังก์ชันที่ผู้ใช้งาน สามารถนำเหรียญที่ตัวเองมีบนแพลตฟอร์ม Binance ไป Subscribe ในระบบ ซึ่งก็จะคล้าย ๆ กับการฝากเพื่อรับดอกเบี้ย โดยฟังก์ชันดังกล่าว จะมีให้เฉพาะบางเหรียญที่เข้าร่วมโปรเจคกับทาง Binance เท่านั้น
บางเหรียญก็จะมีให้ผู้ใช้งานเลือกได้ว่าจะฝากแบบ Flexible ก็คือจะถอนออกมาเมื่อไหร่ก็ได้ และถอนออกมาได้ทันที ไม่เสียดอกเบี้ยที่ได้รับการแจกจ่ายมาให้แล้ว หรือแบบ Lock จำนวน 30 60 หรือ 90 วันตามลำดับ ซึ่งในแบบ Lock นี้ หากผู้ใช้งานเลือกถอนมา ก็จะต้องรอขั้นตอนการถอนเสร็จสิ้น ซึ่งอาจจะใช้เวลาราว ๆ 3 วันทำการ และผู้ใช้ก็จะไม่ได้ผลตอบแทนดอกเบี้ยตามที่เงื่อนไขระบุไว้
Binance ยังมีระบบ Vault ซึ่งจะเป็นการนำเหรียญ BNB มาฝากไว้ ทาง Binance ก็จะนำเหรียญดังกล่าวไปเข้าร่วม Launchpad เวลามีโปรเจคใหม่ ๆ มาแจกเหรียญต่าง ๆ พร้อมทั้งให้ดอกเบี้ยเป็น BNB ด้วย เรียกได้ว่าเป็น One Stop Service ที่น่าสนใจสุด ๆ
ระบบเทรดแบบสัญญา Future และ Margin
เป็นอีกข้อที่โดดเด่นของ Binance คือทาง Binance จะมีลูกเล่นในเรื่องของการเทรดสัญญาแบบ Future และ Margin สามารถเล่น Short และ Long ได้ ทำให้ผู้เล่นสามารถกู้เงินของทางแพลตฟอร์มมาเพื่อเพิ่มโอกาสในการเก็งกำไรและสามารถทำกำไรได้แม้ในช่วงที่ราคาของคริปโตกำลังติดลบ ในขณะที่ Bitkub ยังไม่มีฟังก์ชันนี้ ผู้ใช้จึงสามารถซื้อขายแบบ Spot (ซื้อ-ขายได้ตามราคาของเหรียญปัจจุบัน) ได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
สรุปแล้ว Binance ดูจะมีลูกเล่นหลายอย่างและคู่เหรียญที่หลากหลายให้ซื้อขายมากกว่า เมื่อเทียบกับ Bitkub แต่ Binance ก็ยังมีจุดอ่อนในเรื่องของข้อกฎหมายของไทย เพราะใน กลต. ไทยยังไม่รองรับ Binance
ทั้ง 2 กระดานเทรดมีข้อดี ข้อเสียเเตกต่างกัน ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกใช้กระดานเทรดไหน พี่ทุยเเนะนำว่า ควรศึกษาให้เข้าใจเงื่อนไขของเเต่ละกระดานเทรดให้ดีเสียก่อน