ชื่อ FinTech มีที่มาจากคำว่า Financial และ Technology แปลตรงตัวได้ว่า เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเงิน หรือการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจการเงิน ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมตู้ ATM ที่ช่วยให้คนกดเงินสดได้สะดวก เพียงแค่มีบัตร, บัตรเครดิต, การโอนเงินออนไลน์ เป็นต้น เหล่านี้ก็ล้วนเป็นฟินเทคอย่างหนึ่ง
อ้าวงั้น FinTech ก็มีมาตั้งนานแล้ว งั้นทำไมช่วงนี้ฮอตจัง แล้วเกี่ยวอะไรกันกับ
Startup?
ลองดูดีๆ 3 ตัวอย่างข้างต้นที่เราหยิบยกขึ้นมา มันมีมานานแล้ว Credit card คิดค้นตั้งแต่ปี 1950, ATM ตั้งแต่ปี 1967, Online banking ที่แรก เริ่มตั้งแต่ปี 1980 กว่าแต่ละตัวจะเกิดขึ้น ใช้เวลาห่างกันเป็นสิบๆ ปี นานๆ ทีเราจะได้เห็นนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ
นั่นแปลว่ายังมีช่องว่างอีกมากมายที่จะทำให้ธุรกรรมทางการเงินของเรา ดีขึ้น เร็วขึ้น ง่ายขึ้น ประหยัดขึ้น กระแสคำว่าฟินเทคเกิดขึ้น เพราะการมาของ Startup บริษัทสายเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนโฉมการเงิน ได้รวดเร็วกว่าให้ลำพังบริษัทการเงินอย่างธนาคาร ต้องมาคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ
ตัวอย่างฟินเทค
รูปภาพจาก รายงาน Thailand FinTech Startup Landscape
ยกตัวอย่างเช่น TransferWise เป็น Startup บริการการโอนเงินข้ามประเทศ ช่วยให้โอนเงินข้ามประเทศได้เร็วกว่า และค่าธรรมเนียมถูกกว่าใช้บริการเคาท์เตอร์ของสถาบันต่างๆ
Lufax.com จากจีน และ LendingClub จากอเมริกา เป็นบริการด้าน Peer-to-peer Lending (P2P Lending) หรือการเชื่อมให้คนสองคนยืม-คืน เงินกันได้ ผ่านแอปพลิเคชัน
ตัวอย่างอื่นๆ ที่อาจจะยังไม่ใช่ยูนิคอร์น เช่น Crowdcube และ Crowdo เป็น Equity Crowdfunding ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถระดมเงินทุนจากสาธารณชนได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงการกู้เงินจากธนาคารอย่างเดียวเสมอไป
ทำไมฟินเทคถึงเป็นกระแสที่จับตามอง
เพียงแค่ไม่กี่ตัวอย่างข้างต้น ก็ช่วยให้เห็นได้แล้วว่าบริการของ Startup ช่วยนำเสนออะไรหลายอย่างที่ธนาคารทำให้ไม่ได้ หรือยังทำได้ไม่ดี แถมเรื่องเงินเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกคน อุตสาหกรรมการเงิน นับเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และสำคัญมาก นอกจากนี้ ยังมีเหตุผลที่น่าสนใจอีก เช่น
ฟินเทค และการเป็น Core ของธุรกิจอื่นๆ
ยกตัวอย่างเช่น นวัตกรรมด้าน E-payment หรือการชำระเงินออนไลน์ นับว่ามีบทบาทสำคัญมากต่อ E-commerce การจะเปลี่ยนใจคนให้มาซื้อของออนไลน์ ต้องเกิดจากระบบการชำระเงินออนไลน์ที่ใช้ง่าย มีประสิทธิภาพด้วย เป็นต้น
กล่าวได้ว่าฟินเทคก่อให้เกิดตลาดใหม่อันเกิดจากการเชื่อมกันระหว่างด้านการเงินและเทคโนโลยี เป็นส่วนผสมของกระบวนการดั้งเดิมในเรื่องทางการเงินไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ - เงินทุนหมุนเวียน, Supply Chain, กระบวนการชำระเงิน, การฝาก/ถอน, ประกันชีวิต และอื่นๆ แต่แทนที่จะเป็นโครงสร้างการทำธุรกรรมแบบเดิมก็มีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์แบบและสะดวกต่อผู้ใช้งานมากขึ้น
ฟินเทค และการนำมาสู่เทคโนโลยีพลิกโฉม
ในขณะนี้ กระแสเทคโนโลยีตัวใหม่ ที่กำลังมาแรง คือ Blockchain (บล็อกเชน) โดยแท้จริงแล้ว จุดเริ่มต้นของบล็อกเชน มากจากความพยายามในการพัฒนาฟินเทคประเภท Bitcoin (บิทคอยน์) เพื่อสร้าง Digital currency ที่มีความน่าเชื่อถือ จนปัจจุบัน Blockchain ได้กลายเป็นเทคโนโลยีที่ถูกนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกมากมาย และเป็นเทคโนโลยีที่โลกกำลังจับตามองมากที่สุดในขณะนี้
ฟินเทค กับการสร้างความร่วมมือ
เมื่อทั้งองค์กรขนาดใหญ่ และองค์กรขนาดเล็กอย่าง Startup ก็ล้วนมีเป้าหมายเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงิน เราจึงพบเห็นความตื่นตัวของทั้งสองฝ่าย ผ่านข่าวต่างๆ ที่เรานำเสนอ
ที่มา : techsauce
อย่างที่ทราบกันดีว่า Fintech หรือ Financial Technology คือการนำเอาเทคโนโลยีมาสร้างนวัตกรรมทางการเงินในรูปแบบใหม่เพื่อให้การจัดการ และการเข้าถึงทางการเงินเป็นไปได้ง่ายขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยีซึ่งจะเป็นในรูปแบบของสินค้าหรือบริการ หรือการแก้ปัญหาทางการเงินรวมทั้งรูปแบบในการประกอบธุรกิจใหม่ ๆ ด้วย
ดังนั้น Fintech หรือเทคโนโลยีทางด้านการเงินนี้จึงเป็นเรื่องที่ส่งผลโดยตรงต่อทุกคนในทุกระดับชั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้รวมถึงภาคธุรกิจด้วย ทีจะทำให้เกิดการขับเคลื่อนทางด้านการเงินและเศรษฐกิจท่ามกลางกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในที่นี้จะขอแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม คือ
👉บุคคลทั่วไป : เทคโนโลยีทางด้านการเงิน ทำให้เราสามารถเข้าถึงการทำธุรกรรมทางด้านการเงินได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเดินทางไปธนาคารหรือสถาบันการเงินอีกต่อไป เพราะเราสามารถทำธุรกรรมผ่าน Application ของธนาคารหรือสถาบันการเงินได้เลย ทั้งโอนเงิน จ่ายเงิน เปิดบัญชี ขอสินเชื่อหรือการลงทุนต่าง ๆ
👉สถาบันการเงิน : สามารถใช้เทคโนโลยีทางด้านการเงินเข้าถึงกลุ่มลูกค้าของธนาคารหรือสถาบันการเงินต่างๆ ได้ง่ายและสะดวกขึ้น โดยผ่านทาง Mobile Banking หรือ Application รวมทั้งการจัดเก็บข้อมูลของลูกค้าก็สามารถทำได้ง่ายขึ้นด้วย
👉ผู้ให้บริการ E-Commerce: สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีทางด้านการเงินโดยการใช้แพลตฟอร์มการจ่ายเงินหรือ Payment ทางออนไลน์ จากการเชื่อมต่อ API Data และ Banking Technology ทำให้เกิดการซื้อขายออนไลน์ได้สะดวกขึ้น
👉นักลงทุน : สามารถใช้เทคโนโลยีทางด้านการเงินเอื้อประโยชน์ในการลงทุนในตลาดการเงินรูปแบบใหม่ ๆ อย่างเช่น Cryptocurrency, Insurtech หรือ Crowdfunding Platforms ให้กับนักลงทุน
👉ผู้ประกอบการ: สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้นผ่าน Crowdfunding Platforms ซึ่งเป็นเทคโนโลยีทางด้านการเงินรูปแบบใหม่ รวมถึงซอฟต์แวร์ที่จะช่วยผู้ประกอบการให้สามารถจัดการกับระบบต่างๆ ในองค์กรให้ดีขึ้นได้ด้วย
Fintech หรือเทคโนโลยีทางด้านการเงินจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
เพราะอันที่จริงแล้วเป็นเรื่องที่อยู่กับเรามาสักพักใหญ่แล้วหากเราจะสังเกตถึงวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปของตัวเอง ตั้งแต่ตื่นนอนยันเข้านอนเราคลุกคลีอยู่กับเทคโนโลยีและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีตลอดเวลา ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่เราจะต้องปรับตัวและพัฒนาตัวเราเองไม่ว่าจะอยู่ในภาคส่วนไหนก็ตาม เพราะ Fintech จะกลายเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เราสามารถก้าวกระโดดไปได้ไกลกว่าเดิมหากรู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์
PADA Academy คือ
หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงทั้งภาครัฐและเอกชน ผู้ประกอบการ วิชาชีพอิสระ และผู้สนใจทั่วไปเพื่อการเตรียมความพร้อมในการปรับตัวสู่การเปลี่ยนแปลงแบบ disruption ในยุคดิจิทัล
สร้าง Connection, ผู้บริหารยุคใหม่ ,
หลักสูตร Mini MBA ระยะสั้น
แหล่งอ้างอิง: //www.peerpower.co.th/blog/investor/fintech-technology/