- เลข CVV คืออะไร สำคัญแค่ไหน ทำไมเวลาซื้อของออนไลน์ต้องระวัง?
สายชอปออนไลน์ต้องรู้! เลข CVV คืออะไร กรอกก่อนซื้อของออนไลน์แล้วปลอดภัยแค่ไหน มีอะไรต้องระวังบ้าง มาดูกันนน!
8 ก.ย. 2021 · โดย
จะชอปให้ดีชอปให้ไวแบบเรา อีกช่องทางการชอปง่าย ชอปเพลิน นั่นคือการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตนั่นเองค่ะ เชื่อว่าสาว ๆ ไม่น้อยเลยค่ะที่ผูกบัตรเครดิตไว้กับแอปชอปปิงซื้อของออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งขั้นตอนการผูกบัตรนั้นก็ไม่ยากเลยค่ะ เรียกว่าง่ายจนต้องสงสัยว่า เอ๊ะ? การใส่รหัส CVV ผ่านทางการซื้อของออนไลน์หรือทำธุรกรรมออนไลน์ แท้จริงแล้วปลอดภัยแค่ไหน? วันนี้ Wongnai Beautyพาทุกคนมาทำความรู้จักเจ้าเลข CVV พร้อมบอกวิธีป้องกันเลข CVV ให้ปลอดภัยมากขึ้นค่ะ
เลข CVV คืออะไร?
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักเลข CVV กันก่อนค่ะ เลข CVV ย่อมาจาก Card Verification Value เป็นตัวเลขบนบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตที่สถาบันการเงินกำหนดขึ้นเพื่อความปลอดภัยกับทางร้านค้าและผู้ถือบัตร ใช้เพื่อตรวจสอบหรือยืนยันตัวตน เมื่อเราซื้อสินค้าหรือทำธุรกรรมออนไลน์ผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต
เลข CVV เหมือนกันกับ PIN Number หรือไม่?
เชื่อว่าหลายคนต้องสงสัยแบบเราอย่างแน่นอนว่า เอ๊ะ! เจ้ารหัส CVV กับ Pin Code ใช่เลขเดียวกันหรือเปล่? คำตอบคือไม่ค่ะทุกคน อย่างที่รู้กันว่า Pin Code หรือรหัสผ่านนั้น เป็นตัวเลขที่ผู้ถือบัตรกำหนดขึ้นเอง มีเราเองเท่านั้นที่รู้ ใช้เพื่อทำธุรกรรมทางการเงินผ่านตู้ ATM ซึ่งสามารถเปลี่ยนเมื่อไร หรือกำหนดเลขอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ แต่เลข CVV นั้น เปรียบเสมือนเลขประจำตัวของบัตรเครดิต ทางธนาคารจะเป็นผู้กำหนดให้เท่านั้น ผู้ใช้ไม่สามารถกำหนดได้เอง
รหัส CVV อยู่ตรงไหนของบัตรเครดิต?
Source : 1
มาดูกันดีกว่าเจ้าเลข CVV อยู่ตรงไหนของบัตรเครดิต ถ้าใครถือบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตประเภท VISA และ MasterCard อยู่ ให้พลิกด้านหลังบัตร จะเห็นว่ามีตัวเลข 3 หลักอยู่ข้างช่องลายเซ็น ตัวเลขทั้ง 3 ตัวนั้นคือรหัส CVV นั่นเองค่ะ สำหรับใครที่ถือบัตรเครดิตประเภท American Express นั้น เลข CVV จะมีตัวเลข 4 หลัก อยู่ด้านหน้าบัตรบริเวณมุมบนด้านขวาหรือซ้ายของหมายเลขบัตรเครดิต
เลข CVV ต้องใส่ตอนไหน ?
ต้องบอกเลยว่าจะชอปให้ดี ชอปให้เพลินต้องเลือกซื้อของออนไลน์ที่ผูกกับบัตรเครดิตนี่แหละ เริ่ด! ถ้าหากเราเลือกซื้อของออนไลน์ และต้องการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตเป็นครั้งแรก ทางเว็บไซต์ก็จะให้กรอกหมายเลขหน้าบัตรเครดิตทั้ง 16 หลัก เดือนและปีที่บัตรหมดอายุ สุดท้ายคือรหัส CVV ด้านหลังบัตร เป็นอันเสร็จเรียบร้อย พร้อมชอปออนไลน์แล้วจ้า~
ข้อดีของการใส่เลข CVV
แน่นอนว่าข้อดีของการผูกบัตรเครดิตเข้ากับเว็บไซต์ซื้อของออนไลน์นั้น แสนสะดวกสบาย ช่วยให้เราชอปง่ายจ่ายเร็วขึ้นไปอีก และเพื่อความปลอดภัยในการทำธุรกรรมออนไลน์ ข้อดีของการใส่เลข CVV นั้นเพื่อใช้ยืนยันตัวตนก่อนชำระเงิน เพื่อแสดงว่าเราเป็นเจ้าของบัตรตัวจริงและป้องกันมิจฉาชีพโจรกรรมข้อมูล
ส่วนข้อควรระวังนั้น เมื่อซื้อของออนไลน์เสร็จแล้ว ควร Log-out ออกจากแอปพลิเคชั่นทันที เพื่อป้องกันมิจฉาชีพแฮกข้อมูล อีกข้อที่สำคัญคือ หากเราทำบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตหายทั้งใบ เลข CVV จะไม่สามารถใช้ได้ ดังนั้นเมื่อรู้ว่าทำบัตรเครดิตหายให้รีบอายัดบัตรทันที
ใช้เลข CVV ซื้อของออนไลน์ผ่านบัตรเครดิตยังไงให้ปลอดภัย
อย่างที่บอกไปค่ะทุกคน รหัส CVV ใช้เพื่อยืนยันตัวตนเจ้าของบัตร แต่เพื่อความปลอดภัยเราควรใช้ระบบยืนยันตัวตนอีกชั้นด้วยรหัส OTP (One Time Password) คือการใส่รหัสผ่านครั้งเดียวที่ได้จาก SMS เพื่อยืนยันตัวตน และการใช้บริการแจ้งเตือนการใช้จ่าย แจ้งเตือนเมื่อมีเงินเข้า-ออก ทำให้เรารู้ถึงความผิดปกติของการใช้จ่ายได้อย่างรวดเร็ว และที่ไม่ควรละเลยก็คือ ก่อนกรอกข้อมูลสำคัญ ต้องเช็กความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นที่ใช้บริการด้วยค่ะ
วิธีป้องกันรหัส CVV ถูกโจรกรรมข้อมูลจากมิจฉาชีพ
- เก็บข้อมูลของบัตรเครดิตให้เป็นความลับ ทั้งหน้าบัตรและหลังบัตร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หมายเลขบัตรเครดิต 16 หลักและเลขรหัส CVV
- ควรเก็บบัตรเดรดิตทันทีหลังใช้ เพื่อป้องกันการสูญหาย
- ไม่ควรจดรหัส CVV ไว้ในกระเป๋าสตางค์
- ไม่ควรโพสต์บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิตลงในช่องทางโซเชียลมีเดีย
- ใช้ปากกาหรือเทปกาวมาปิดทับเลข CVV เพื่อป้องกันการมองเห็นของมิจฉาชีพ
- หากบัตรเครดิต/บัตรเดบิต หาย ควรรีบโทรแจ้งอายัดบัตรทันที
พูดเลยว่าการใส่เลข CVV ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนะคะ
ส่วนตัวเราเปรียบเสมือนดาบสองคมนั่นเอง ทั้งมีประโยชน์ สะดวกสบาย ในขณะเดียวกันก็ต้องใช้อย่างระมัดระวัง ที่สำคัญเลยคือสติและความไม่ประมาท หากรู้ตัวว่าเกิดความผิดปกติเกิดขึ้นกับบัญชีของเราต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ธนาคารโดยด่วน หรือเมื่อรู้ตัวว่าบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตหายต้องรีบโทรแจ้งอายัดทันที เพื่อความปลอดภัยและหนี้สินที่จะเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัวนั่นเองค่ะ